ซูสือเยว่ไม่รู้ว่าเธอผ่านวันนี้ไปยังไงบ้าง
เธอรู้แค่ว่าเช้าวันรุ่งขึ้นตอนที่เธอตื่นขึ้นมาที่โรงแรมธีมนั้น ร่างกายเธอก็พลังทลายไปหมด
ถ่ายฉากต่อสู้ทั้งวันยังไม่เหนื่อยขนาดนี้เลย
ฉินโม่หานนี่คือเครื่องตอกเสาเข็มที่มีชีวิตจริงๆ!
เธอนอนหงายอยู่บนเตียง มองเพดาน แล้วก็ขยับร่างกายที่ปวกเปียกของตัวเองอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เธอไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีทางเลือก เธอทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงและปัดดูหน้าไทม์ไลน์ของเพื่อนใน Wechat เท่านั้น
ตอนนี้แม้แต่จะลงจากเตียงเธอยังทำไม่ได้ ทำได้แค่ถูกบังคับให้ใช้ชีวิตเหมือนคนพิการอยู่แบบนี้
แต่ว่าสิ่งที่ซูสือเยว่นึกไม่ถึงก็คือ พอเธอเปิดดูหน้าไทม์ไลน์ของเพื่อนนั้น สิ่งแรกที่เข้ามาในสายตาเธอก็คือรูปถ่ายเซลฟี่ของผู้หญิงคนหนึ่ง
รูปของเธอนั้นถูกแต่งมาอย่างหนักหน่วงมาก หน้าแหลมยังกับงูแน่ะ
ซูสือเยว่พยายามมองอยู่นานมาก ถึงจะจำได้ว่านี่คือเย่เชียนจิ่ว
รูปถูกถ่ายด้านนอกของสนามบินในเมืองหรง
ในที่สุดเธอก็เต็มที่จะกลับประเทศแล้ว
ซูสือเยว่สูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วก็เลื่อนดูหน้าไทม์ไลน์ของเพื่อนไปเรื่อยๆ
ฟู๋เชียนเชียนโพสต์รูปภาพฟิตติ้งของจี้หนานเฟิง แล้วก็กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งที่หน้าไทม์ไลน์ ส่วนเฉิงเซวียนก็โพสต์รูปบุหรี่ที่ดับแล้วพร้อมกับเขียนว่าคืนนี้นอนไม่หลับ
สุดท้าย ซูสือเยว่ก็เห็นฉินหนานเซิง
รูปที่เขาถ่ายนั้นเป็นรูปมือที่ซีดเผือดของผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีแหวนสวมอยู่ที่นิ้วนาง
และข้อความประกอบก็คือ : จะไม่เสียใจ
ซูสือเยว่กดดูเป็นพิเศษ ดูจากไฝเล็กๆ ที่นิ้วมือแล้วนั้น เธอก็มั่นใจว่า นี่คือมือของลั่วเยียน
เธอถอนหายใจออกมา อยากจะโทรไปบอกฉินหนานเซิงใจจะขาดว่า ผู้หญิงที่เขาลืมไม่ลงมาโดยตลอดนั้น ที่จริงเธอก็คือลั่วเยียน
แต่ ลั่วชิงเจ๋อบอกว่า ฉินหนานเซิงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน
หลายปีมานี้ลั่วเยียนกับลั่วชิงเจ๋อใช้หลายวิธี พยายามพิสูจน์อย่างสุดกำลัง ว่าผู้หญิงคนนั้นก็คือลั่วเยียน
แต่ว่าลู่จื่อเหยาตายไปแล้ว ทุกอย่างก็ได้สลายหายไปไม่สามารถให้การได้อีก
ฉินหนานเซิงไม่เชื่อ
ไม่เชื่อเลยแม้แต่คำพูดเดียว
เขาแม้แต่ทะเลาะกับลั่วเยียน เพราะเธอเอาแต่เน้นย้ำเรื่องนี้
เขาเป็นคนไร้เหตุผล ในหัวใจของเขานั้น ลู่จื่อเหยาคือคนที่ไร้ที่ติ ดังนั้นไม่ว่าลั่วเยียนจะทำอย่างไร ก็ไม่ได้การยอมรับจากเขาเลย
พอคิดแบบนี้ ซูสือเยว่ก็พลางถอนหายใจออกมา
เธอกำลังจะวางโทรศัพท์ลง แล้วโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น
กงอถ่ายโทรมา
หนังเรื่อง《ความทรงจำที่ขาดหาย》จะเริ่มถ่ายทำในวันพรุ่งนี้ วันนี้พวกนักแสดงต้องย้ายเข้าไปอยู่ในโรงแรมที่ทางกองถ่ายได้จัดเตรียมไว้ให้
ตอนแรกเมื่อวานซูสือเยว่วางแผนจะกลับบ้านไปเก็บสัมภาระ แต่ไม่คิดเลยว่าระหว่างทางฉินโม่หานจะลากเธอมาที่โรงแรมนี้……
หญิงสาวหลอกตาและพลางด่าฉินโม่หานในใจ แล้วเธอก็พยายามลุกจากเตียงด้วยความยากลำบาก
ห้องที่เธออยู่เป็นห้องสวีท ตอนนี้เธออยู่ในห้องนอนด้านใน
พอลุกจากเตียง เธอก็ได้ยินเสียงแป้นพิมพ์จากด้านนอกอย่างแผ่วเบา
ไม่ต้องคิดเลย ยังไงก็ต้องเป็นเสียงของฉินโม่หานที่กำลังทำงานอยู่อย่างแน่นอน
เท้าเหยียบบนพื้นอย่างอ่อนแรง ร่างกายของซูสือเยว่ไม่เหลือเรี่ยวแรงเลยแม้แต่นิดเดียว
พอคิดว่าผู้สร้างเรื่องนั่งหน้าซื่อเคาะแป้นพิมพ์ทำงานอยู่ด้านนอกนั่น ซูสือเยว่ก็รู้สึกโกรธขึ้นมาทันที
เธอพยายามอย่างมากเพื่อเปิดประตู “ฉินโม่หาน ตอนนี้ขาฉันอ่อนปวกเปียกไปหมดแล้ว จะชดใช้ฉันยังไง!”
พอพูดออกไปแล้ว จู่ๆ เธอก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดปกติ
ทำไมด้านนอก……ถึงได้มีคนอยู่เยอะขนาดนี้?
คนที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ไม่ได้มีแค่ฉินโม่หาน แต่ยังมีไป๋ลั่ว ไป๋ยู่หนานหานหยุน ฉินหนานเซิง แล้วก็ผู้ชายอีกหลายคนที่ซูสือเยว่ไม่รู้จัก
ตอนนี้เอง พวกเขาทุกคนต่างก็มีแล็ปท็อปวางอยู่บนหน้าตัก เห็นได้ชัดว่ากำลังปรึกษาหารือเรื่องอะไรกันอยู่
พอซูสือเยว่พูดออกไปแบบนี้ สายตาของทุกคนในห้องนั่งเล่นก็จับจ้องมาที่เธอ
ต้องมาถูกผู้ชายหลายคนจ้องเธอด้วยสายตาที่ตกตะลึงในเวลาเดียวกัน หัวสมองของซูสือเยว่ก็ว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ส่วนฉินโม่หานที่นั่งอยู่ตรงกลางนั้นสงบนิ่งมาก “เป็นเด็กดี ตอนเย็นเธออยากให้ชดใช้ยังไงก็ได้ทั้งนั้น”
“สามีกำลังยุ่งอยู่”
ซูสือเยว่ก็หน้าแดงขึ้นมาทันที!
เธอรีบสาวเท้าพุ่งเข้าไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว แล้วก็ล็อกประตูห้องนอนทันที
ทำอะไรกัน!
ทำไมฉินโม่หานถึงได้พาคนเยอะแยะมาที่โรงแรม แถมยังนั่งอยู่ด้านนอก ไม่มีเสียงอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว!
นี่จงใจให้เธอหน้าแตกใช่ไหม?
ซูสือเยว่ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกอับอายและโมโห สุดท้ายก็เอาหัวมุดเข้าไปในผ้าห่ม
ไม่มีหน้าไปเจอคนอื่นแล้ว!
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน นอกประตูมีเสียงฝีเท้าเบาๆ และเสียงอำลากัน
และหลังจากนั้น ก็เป็นเสียงเปิดและปิดประตู
สุดท้าย ก็มีเสียงฝีเท้าเบาๆ ค่อยเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูห้องนอน
“แกร๊ก”
ประตูเปิดออกแล้ว
ซูสือเยว่ยังคงเอาหัวมุดอยู่ใต้ผ้าห่มเหมือนเดิม
เธอนึกว่าฉินโม่หานต้องเข้ามาเปิดผ้าห่มเธอออกอย่างแน่นอน
รออยู่นาน ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไรที่ประตูเลยแม้แต่นิดเดียว
เขาไม่ได้เข้ามา และก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย
แต่ว่าซูสือเยว่ก็รู้สึกได้ถึงสายตาอันแผดเผาที่กำลังจ้องมาที่ตัวเองอยู่ตรงหน้าประตู
สุดท้ายตัวเธอเองก็ทนไม่ไหว แล้วก็เอาหัวออกมาจากผ้าห่ม
พอหันหน้ามา ก็สบสายตาเข้ากับแววตาที่ลึกซึ้งของเขา
ชายหนุ่มรูปหล่อที่มีใบหน้าเย็นชานั้นยืนกอดอกและพิงประตู พร้อมกับมองเธอด้วยใบหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “ขายังอ่อนอยู่ไหม? ”
อุณหภูมิบนใบหน้าที่พยายามทำให้มันเย็นลงนั้นก็กลับมาในทันที!
ซูสือเยว่ถลึงตาใส่เขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ “ฉันล้อนายเล่นเฉยๆ ”
“ฉันไม่ได้ขาอ่อนซะหน่อย!”
“นายเก่งขนาดนั้นที่ไหนกัน!”
“งั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มคนนั้นคลี่ยิ้มจางๆ แล้วก็ค่อยๆ เดินเข้ามาหยุดอยู่ที่ข้างเตียง รอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า้ที่เย็นชานั้น ค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ “โกหกเนี่ยเป็นเด็กไม่ดีเลยนะ”
“ให้ฉันตรวจสอบดูหน่อยซิ ว่าคุณนายฉินโกหกรึเปล่า”
“ถ้าเกิดว่าโกหก……”
เขาใช้นิ้วยกคางของเธอขึ้น “ฉันจะทำให้เธอได้รู้สึกทุกอย่างเหมือนเมื่อคืนนี้อีกครั้ง”
ซูสือเยว่:“!!!”
ผู้ชายคนนี้ทำจากเหล็กกล้าหรือยังไง? ไม่เหนื่อยเลยเหรอ?
เธอตัวสั่นและสะบัดมือของเขาออก “ฉันๆๆๆ ขาฉันยังอ่อนอยู่เลย!”
เขาหรี่ตา“จริงเหรอ?”
“จริงๆๆ! ถ้านายบอกว่าขาฉันอ่อนมันก็อ่อน ถ้าบอกว่าแข็งมันก็แข็ง!”
เธอถอยหลังด้วยความตื่นตระหนก “นายๆๆ ……อย่าทำอะไรซี้ซั้วนะ!”
ท่าทางตื่นตระหนกของหญิงสาวทำให้ฉินโม่หานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็ถอนหายใจ แล้วก็อุ้มร่างเล็กๆ ของเธอขึ้นมา
เมื่อร่างกายถูกยกขึ้นกะทันหัน ซูสือเยว่ก็โอบล้อมรอบคอของเขาไว้อย่างลุกลี้ลุกลน
แต่ว่าท่าทางแบบนี้ กลับทำให้ระยะห่างของทั้งสองคนใกล้กันยิ่งกว่าเดิม ใกล้จนสามารถได้กลิ่นลมหายใจของเขา
ในหัวอดไม่ได้ที่จะนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ……
หน้าเธอแดงขึ้นมาทันที “นายวางฉันลงก่อน ……”
“ได้”
ชายหนุ่มคลี่ยิ้ม แล้วก็วางเธอลงหน้าโต๊ะกินข้าว
พอเขาวางเธอลงที่เก้าอี้ ซูสือเยว่ถึงได้รู้ว่า บนโต๊ะตรงหน้าของเธอนั้นมีอาหารเช้าวางอยู่มากมาย
ฉินโม่หานยื่นถ้วยและตะเกียบให้เธออย่างสง่างาม “ไม่ได้ตั้งใจจะให้เธอขายหน้านะ”
“พวกเขามีเรื่องมาให้ฉันช่วยจัดการ ฉันไม่อยากจะทิ้งเธอไว้ที่โรงแรมคนเดียว และก็ไม่อยากรบกวนการพักผ่อนของเธอด้วย ก็เลยให้พวกเขามาที่นี่”
“แน่นอน ว่าฉันไม่ได้คิดเลยว่า เธอจะตื่นขึ้นมาแต่เช้า แล้วก็พูดคำพูดที่ ……แรงแบบนั้น”