เจียงหลีเหลือบมองเด็กน้อยขี้สงสัยที่ยืนอยู่ตรงหน้าของตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม “ผู้ชายคนนั้น……”
“เกี่ยวข้องอะไรกับหนูนิดหน่อย”
“รอให้หนูเจอเขาเมื่อไหร่ก็รู้เอง!”
เขาพูดจบ เธอก็หันหน้ามา แล้วก็มองฉินโม่หานอย่างเย็นชา “เข้าไปอุ้มซิงเฉิน แล้วไปกับฉัน!”
ฉินโม่หานแสดงได้อย่างครบชุด
เฉิงคังในตอนนี้ คือผู้ชายที่เกลียดซิงหยุน
ดังนั้นเขาก็เลยขมวดคิ้วเข้าหากัน น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรำคาญ “เขาไม่ได้พิการ เดินเองไม่ได้หรือไง?”
เจียงหลีขมวดคิ้ว แล้วก็หันกลับไปถลึงตาใส่เขาอย่างเย็นชา “นายไม่รู้หรือยังไงว่าเด็กคนนี้ตอนนี้สำคัญแค่ไหน?”
“ถ้าเกิดว่าเกิดความเสียหายอะไรขึ้นกับเขา ชีวิตนายร้อยคนก็ไม่สามารถชดใช้ได้หรอกนะ!”
“ถ้าเกิดเราไม่ดูแลให้ดี แล้วKโมโหขึ้นมา ฉันช่วยอะไรนายไม่ได้นะ!”
ฉินโม่หานหัวเราะอย่างเย็นชา ถึงได้เดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ไม่เต็มใจ ก้มตัวแล้วก็อุ้มซิงหยุนขึ้นมา
“สรุปแล้วผู้ชายคนนั้นคือใครกันแน่?”
ซิงหยุนที่ถูกฉินโม่หานอุ้มอยู่นั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยการต่อต้าน “คุณหมอเจียง ผมไปเองได้”
เจียงหลีหัวเราะอย่างเย็นชา “มีคนอุ้มแล้วทำไมต้องเดินเองด้วยล่ะ?”
เธอพูดไปด้วยแล้วก็นำทางไปด้วย “ผู้ชายคนนั้น หนูไม่เคยเจอหรอก”
“ที่จริงแล้วหลายปีมานี้ฉันเองก็ไม่เคยเจอ ถ้าเกิดว่าเคยเจอแล้วก็……”
เธอถอนหายใจออกมา แล้วไม่ได้พูดประโยคหลังต่อ
“สรุปก็คือ ฉันต้องขอบคุณหนูที่จะทำให้ฉันได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นเป็นครั้งแรกในชีวิต”
ระหว่างที่พูดอยู่นั้น หญิงสาวก็เปิดประตูห้อง แล้วก็พาฉินโม่หานเดินออกไป
เจียงหลีอยู่ที่คฤหาสน์เล็กๆ หลังหนึ่ง
ด้านนอกค่ะนั้น คือถนนที่กว้างขวาง ตรงข้ามกับถนนนั้น เป็นอาคารสีเทาขนาดใหญ่และดูแปลกตามาก
ทั้งใหญ่ หดหู่ ทำให้คนที่พบเห็นรู้สึกหายใจไม่ออก
หน้าประตูใหญ่ของอาคาร เหมือนกับคุก เป็นประตูเหล็กขนาดสูงและใหญ่
เจียงหลีพาพวกเขาเดินไปถึงหน้าประตู หลังจากตรวจสอบลายนิ้วมือแล้วประตูก็เปิดออก
หลังจากที่ทั้งสามคนเข้าไปในตึกนั้น ซิงหยุนถึงได้รู้ว่า ทำไมเจียงหลีถึงเรียกว่าที่นี่เป็นฐาน
ที่นี่เป็นฐานทัพที่ใหญ่มากจริงๆ
ชั้นบนสุดของอาคารเป็นกระจกฝ้า กรองแสงแดด และส่องภายในอาคาร แสงดูอ่อนๆ แต่ช่างน่าหดหู่เหลือเกิน
ภายในอาคารนั้น มีสนามฝึกซ้อมขนาดใหญ่ และผู้คนจำนวนมากกำลังฝึกอยู่ในสนามฝึกซ้อม
เจียงหลีถามพวกเขาอ้อมสนามฝึก ขึ้นลิฟต์ แล้วก็ไปที่ชั้นบนสุดของฐานทัพ
ชั้นบนสุดก็ยังมีอุปกรณ์สแกนลายนิ้วมือ
แต่ว่าเพราะว่ามีเจียงหลีอยู่ พวกเขาก็ไปได้อย่างไม่ติดขัด
สุดท้ายก็เดินมาถึงหน้าห้องทำงานห้องหนึ่ง
ชายชุดดำที่เฝ้าอยู่ด้านนอกชำเลืองมองทั้งสามคนที่เดินเข้ามา สายตาที่เยือกเย็นหยุดมองที่ใบหน้าของฉินโม่หานกับซิงหยุน “สองท่านนี้คือ……”
“เฉิงคังที่ไปฝังตัวอยู่ที่เมืองหรงหลายปี แล้วก็ลูกชายของฉินโม่หาน ซิงเฉิน คนที่ประสบความสำเร็จในการจับคู่กับท่านนั้น”
ชายหนุ่มพยักหน้า แล้วก็หลีกทางให้เจียงหลีพาพวกเขาเข้าไป
หลังจากเข้าไปแล้ว ในห้องทำงานมีประตูลับซ่อนอยู่ ทางเดินภายในประตูนั้นคดเคี้ยว เป็นวงกลมไปเรื่อยๆ
ซิงหยุนรู้สึกว่าตัวเองเกือบจะเป็นลมแล้ว
ถ้าเกิดว่าไม่มีเจียงหลีล่ะก็ พวกเขาไม่มีทางหาสถานที่นี้เจออย่างแน่นอน!
เขาขมวดคิ้ว แล้วก็เงยหน้ามองผู้ชายที่อุ้มเขาอยู่
สายตาของฉินโม่หานพยายามจับจ้องไปที่รอบๆ เหมือนกับว่าพยายามจำทางอยู่
ซิงหยุนถอนหายใจออกมา
โชคดีที่มีแด๊ดดี้อยู่ด้วย
ถ้าเกิดว่ามีเขาแค่คนเดียวล่ะก็ เขาไม่มีทางจำทางได้อย่างแน่นอน
สำหรับเด็กอายุห้าขวบคนหนึ่งแล้ว นี่มันซับซ้อนจริงๆ !
ทั้งสามคนเดินไปมาเป็นเวลานาน และในที่สุดก็เดินไปที่ประตูเหล็กขนาดใหญ่ที่ปิดสนิท
พอเห็นว่าพวกเขามา ชายชุดขาวที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูก็ยืนขึ้น แล้วก็เหลือบมองซิงหยุน “ยื่นมือมาหน่อย”
ซิงหยุนยื่นมือออกไปด้วยความสงสัย
ชายคนนั้นเอาเข็มเจาะเข้าไปที่แขนของซิงหยุนโดยตรง แล้วก็ดูดเลือดของเขาออกไปอย่างรวดเร็ว
ซิงหยุนกับฉินโม่หานยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง ผู้ชายคนนั้นก็ดึงเข็มออกด้วยความรวดเร็ว
เจียงหลีเหลือบมองผู้ชายคนนั้นอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ฉันพามาเอง แล้วยังจะเป็นตัวปลอมได้อีกเหรอ?”
“ระมัดระวังไว้ก็ดีกว่า”
ชายคนนั้นลดเสียงลงแล้วหัวเราะเบาๆ “ไม่ใช่ว่าคุณไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นสำคัญกับKขนาดไหน”
“แถมซิงเฉินคนนี้ยังมีพี่ชายฝาแฝด แต่ว่าคนที่จับคู่สำเร็จมีเพียงแค่ซิงเฉินคนเดียวเท่านั้น”
“ถ้าเกิดว่าเด็กถูกสลับตัวในสถานการณ์ที่คุณไม่รู้ตัว แล้วเลือดของเด็กที่ไม่เข้าคู่กันถูกใช้เข้าสู่ผู้ชายคนนั้น ผลจะเป็นยังไง คุณก็คงจะรู้ใช่ไหม ?”
สีหน้าของเจียงหลีดูแย่ขึ้นมาทันที
เธอหัวเราะอย่างเย็นชา “แม่ไม่เชื่อว่าฉันจะจัดการเรื่องนี้ได้ดี ใช่ไหม?”
นี่เป็นภารกิจแรกของเธอหลังจากที่เธอออกจากฐาน เธอคิดเสมอว่าภารกิจนี้ไม่ยาก และเธอก็ทำสำเร็จอย่างสมบูรณ์
แต่ไม่คิดเลยว่าพอกลับมาที่ฐานแล้ว จะถูกสงสัยในตัวของเธอ
เพราะเห็นว่าสีหน้าของเจียงหลีดูไม่ดีนัก ชายคนนั้นก็ยิ้มออกมา “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น นี่เป็นคำสั่งของK”
“ถ้าเกิดว่าจะโมโห จะไปโมโหใส่Kแล้วกัน”
“เธออยู่ข้างใน”
ทองทดสอบ ชายคนนั้นก็ไม่สนใจความคิดของเจียงหลีอีกต่อไป เขาก้มหน้าลง เก็บตัวอย่างเลือดของซิงหยุนไปด้วย แล้วก็ฮัมเพลงไปด้วย
ฉินโม่หานค่อยๆ หรี่ตาลง
ดูเหมือนว่า เจียงหลีจะไม่ค่อยได้รับการต้อนรับในองค์กรนี้เท่าไหร่นัก
อย่างน้อย เธอก็ไม่ได้รับความเชื่อใจ
ท่าทางของผู้ชายที่อยู่หน้าประตู ทำให้เจียงหลีกัดฟันกรอด
เธอเปิดประตูเหล็กด้วยความโมโห แล้วก็ผ่าฉินโม่หานกับซิงหยุนเดินเข้าไปด้านใน
“ดูเหมือนว่า คุณก็ไม่ค่อยได้รับการต้อนรับในนี้เหมือนผมนะ”
ฉินโม่หานเดินไปด้วยพร้อมกับหัวเราะออกมา “เมื่อกี้คนที่อยู่ในบ้านแล้วสั่งให้ผมทำนู่นทำนี่ ท่าทางอย่างกับเจ้าหญิง ผมก็นึกว่าตอนนี้ฐานะของคุณในK จะเหมือนกับเจ้าหญิงซะอีก”
“ไม่คิดเลยว่า……คิคิ”
“การต้อนรับแบบนี้ มันจะเหมือนกับผมที่ไม่ได้กลับมาที่นี่ 10 20 ปี”
“หุบปาก!”
คำพูดของฉินโม่หาน ได้ฉีกเส้นประสาทที่แน่นผึงในหัวของเจียงหลี
เธอถลึงตาใส่ฉินโม่หานด้วยความโมโห “ฉันให้นายพูดหรือไง?”
“นายมีสิทธิ์อะไรมาพูดถึงชั้น!?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ฉันคือนักฆ่าระดับสูงในองค์กรนี้!”
“ฉันไม่เหมือนกับพวกนาย!”
“พวกนายถูกฝึกมาให้เป็นนักฆ่าตั้งแต่เด็ก!”
“ส่วนฉัน ถูกฝึกมาให้เกลี้ยกล่อมของผู้ชายแล้วก็เรื่องอื่นๆ ด้วย!”
พอพูดจบ เธอก็ชี้ไปที่ใบหน้าของตัวเอง “ใบหน้านี้ เคยเห็นไหม!”
“นี่คือใบหน้าของแม่แท้ๆ ของฉินโม่หาน!”
“คือใบหน้าที่ผู้ชายคนนั้นรักมากที่สุด!”
“ถ้าเกิดว่าKไม่ได้ชอบฉันมากที่สุด แล้วให้ความสำคัญกับฉันมากที่สุด แล้วทำไมต้องมอบใบหน้านี้ให้ฉัน ไม่ใช่คนอื่น!?”
“เฉิงคัง ฉันจะบอกอะไรให้นะ ต่อไปถ้าพูดไม่เป็นก็ไม่ต้องพูด!”
“ K เคยบอกแล้ว ว่าฉันเป็นคนที่มีประโยชน์กับเธอมากที่สุด!”