หน้าประตู ลู่จิ่งเฉินได้ยินคำพูดเจียงหลีที่อยู่ด้านใน ก็ถอนหายใจออกมาอย่างหนัก
ตอนเริ่มแรกเขาไม่อยากให้ซูสือเยว่รู้เรื่องพวกนี้
แต่ว่าในตอนนี้ซูสือเยว่ทำร้ายเจียงหลีจนเป็นแบบนี้แล้ว ไม่ว่าจะช้าก็เร็วเจียงหลีก็ต้องเอาเรื่องยาถอนพิษของฉินโม่หานมาขู่ซูสือเยว่อย่างแน่นอน
ดังนั้นเขาก็เลยไม่ไปห้าม
แต่ว่าสิ่งที่เขานึกไม่ถึงก็คือ……
หลังจากที่เจียงหลีพูดเรื่องฉินโม่หานถูกวางยา ก็ยังพูดความลับออกมาอีกข้อหนึ่ง
“ใช่สิ ตอนที่แกฟื้นขึ้นมา ได้เจอกับฉินโม่หานในตอนนี้แล้วใช่ไหม? ”
“แกคิดว่าเขายังเป็นสามีของแกอยู่อีกเหรอ?”
“เขายังรักแก อยู่หรือเปล่า?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ที่จริงแล้วเขาไม่ใช่——”
“เจียงหลี!”
หญิงสาวยังไม่ทันพูดจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาทันที
ลู่จิ่งเฉินที่ใบหน้าดูตื่นเต้นพุ่งเข้ามา “เจียงหลีหุบปากเดี๋ยวนี้นะ!”
“ทำไมฉันถึงต้องหุบปาก?”
เจียงหลีที่นอนอยู่ที่พื้นแสยะยิ้มพร้อมกับมองหน้าของลู่จิ่งเฉิน
“คนที่ยืนอยู่หน้าห้องตลอดเวลา ก็คือคุณนั้นเอง”
ตั้งแต่ตอนแรกที่ลู่จิ่งเฉินยืนอยู่หน้าประตู เจียงหลีก็เห็นเขาแล้ว
เธอนึกว่าผู้ชายคนนี้จะเข้ามาช่วยเธอ
แต่ว่าเขาไม่ได้ทำแบบนั้น
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เจียงหลีโกรธ เลยละเมิดข้อตกลงระหว่างเธอกับลู่จิ่งเฉิน ตอนแรกก็เล่าเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินโม่หานถูกวางยาให้ซูสือเยว่ฟังก่อน หลังจากนั้นก็พูดเรื่องลู่จิ่งเฉินปลอมตัวเป็นฉินโม่หาน
ตอนแรกเธอก็นึกว่าลู่จิ่งเฉินเป็นคนมีความอดทนมาก แต่ผลก็คือตอนที่เธอจะเปิดโปงตัวตนของเขา เขากลับทนไม่ไหว?
พอคิดได้แบบนี้ เจียงหลีก็คลี่ยิ้ม แล้วก็ถลึงตาใส่ลู่จิ่งเฉินอย่างเย็นชา แล้วก็เงยหน้ามองซูสือเยว่
“ผู้ชายคนนี้ แกคิดว่าเขาชอบแกเหรอ?”
“แกรู้สึกว่าเขารักแกหรือเปล่า?”
“แกคิดว่าเขาคือสามีของแกฉินโม่หานหรือเปล่า?”
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ความจริงแล้ว……”
“หุบปาก!”
ตอนที่เจียงหลีกำลังจะพูดเกี่ยวกับตัวตนของลู่จิ่งเฉินนั้น ลู่จิ่งเฉินก็ขมวดคิ้วอย่างรุนแรง ย่อตัวลงแล้วก็เอามือปิดปากของเจียงหลีเอาไว้
“เธอควรจะรู้ว่าอะไรควรพูด อะไรไม่ควรพูด!”
เจียงหลีขมวดคิ้ว เธอถูกปิดปากเอาไว้ แต่ว่าปากก็ยังบ่นอุบอิบไม่หยุด
ภาพเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าทำให้ซูสือเยว่รู้สึกว่ามันน่าขำ
เธอถอนหายใจ แล้วก็นั่งลงบนขอบเตียงอย่างเฉยเมย พร้อมกับเหลือบมองไปที่ลู่จิ่งเฉินและเจียงหลีที่ถูกฆ่าปิดปากอยู่
“เรื่องราวมาถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังคิดว่าจะปิดบังฉันต่อไปอีกเหรอ?”
คำพูดของหญิงสาว ทำให้ลู่จิ่งเฉินหน้าซีดลงในทันที
ที่จริงเขาเองก็รู้ดีว่า……
เจียงหลีพูดจนมาถึงขนาดนี้แล้ว ต่อให้เจียงหลีไม่ได้พูดต่อ ซูสือเยว่ก็น่าจะพอรู้เบาะแสแล้ว
ลู่จิ่งเฉินถอนหายใจ “ซูสือเยว่ เรื่องนี้ผมสามารถอธิบายได้”
“ไม่จำเป็นต้องอธิบายแล้ว”
หญิงสาวลุกขึ้น:
“หรือว่า ฉันควรจะเหมือนกับฉินโม่หาน เรียกคุณว่า……พี่ใหญ่?”
“คุณลู่ เรื่องบางเรื่องไม่ใช่ว่าพวกคุณอยากปิดบังฉัน แล้วก็จะปิดบังได้นะ”
“ไม่ว่าจะเป็นฉัน หรือว่าเด็กๆ ก็มีสิทธิ์ที่จะรู้ถึงสถานการณ์ของฉินโม่หาน เพราะว่าพวกเราคือครอบครัว สนิทสนมกับเขามากกว่าคุณ และจี้ว่านเชิ่ง”
คำพูดของซูสือเยว่ ทำให้ลู่จิ่งเฉินกับเจียงหลีอึ้งไป
ทั้งสองคนมองไปที่ซูสือเยว่ด้วยใบหน้าที่มันงง
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่จิ่งเฉินก็เลียริมฝีปากที่แห้งแตกของเขา
“คุณ……รู้หมดแล้วเหรอ?”
ซูสือเยว่คลี่ยิ้ม
“ไม่ใช่แค่รู้นะ แต่ว่าฉันไปเยี่ยมเขามาแล้ว”
พอพูดจบ เธอก็หรี่ตาลง สายตาที่มองไปที่ลู่จิ่งเฉินนั้นเย็นชาขึ้นมาก
“ไม่ว่าจะยังไงคุณก็คือพี่ชายแท้ๆ ของฉินโม่หาน ตอนนี้เขาเป็นแบบนี้ คุณยังกล้ามาเล่นละครต่อหน้าฉัน”
“ถ้าเกิดว่าเขาไม่ฟื้นขึ้นมาจริงๆ ฉันก็ไม่ได้แม้แต่เจอหน้าเขาครั้งสุดท้าย”
“คุณคิดว่านี่มันยุติธรรมแล้วเหรอ?”
“หรือว่าคุณคิดว่า คุณสามารถตัดสินใจแทนเขา แทนฉัน คิดว่าคู่สามีภรรยาของเรา ไม่มีความจำเป็นต้องเจอหน้ากันก่อนตายอย่างนั้นเหรอ!?”
คำถามของซูสือเยว่นั้นเย็นชาและเฉียบขาด เสียงดังและมีพลัง
ลู่จิ่งเฉินอึ้งไปในทันที สุดท้ายก็ทำได้แค่ถอนหายใจออกมา ปล่อยมือจากเจียงหลีที่นอนอยู่ที่พื้น แล้วก็หลับตาลง “ผมไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น……”
“ฉันเป็นพยานได้ ว่ามันไม่ใช่ความต้องการของเขา”
เจียงหลีที่ถูกลู่จิ่งเฉินปล่อยมือออกก็ถุยเลือดออกมา พร้อมกับนอนราบไปกับพื้นด้วยท่าทีที่สบาย แสยะยิ้มแล้วก็มองมาที่ซูสือเยว่ หลังจากนั้นก็เงยหน้ามองเพดาน “เพราะว่า มันเป็นความต้องการของฉัน”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วอย่างรุนแรง
เจียงหลียิ้ม แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย
“ฉันไม่อยากให้แกกับฉินโม่หานได้เจอกัน มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เธอยิ้ม พร้อมกับมองไปที่ซูสือเยว่ด้วยแววตาที่นิ่งเฉย:
“สิ่งที่ฉันกับคนของตระกูลจี้ตกลงกันก็คือ:ต้องทำให้แกคิดว่าฉินโม่หานไม่รักแกแล้ว รอให้แกล้มเลิก แล้วก็พาลูกไปจากฉินโม่หาน ออกไปจากเมืองหรง ฉันก็จะเอายาถอนพิษที่แท้จริงให้คนของตระกูลจี้ ให้ฉินโม่หานได้ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง”
เธอมองไปที่ซูสือเยว่ สายตาเต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“แกมีสิทธิ์อะไรได้รับความรักจากฉินโม่หาน มีสิทธิ์อะไรที่ทำให้เขารักจนจะเป็นจะตาย?”
“ทั้งๆ ที่ฉันทำให้เขาหมดสติไป แต่ว่าต่อให้อยู่ในสถานะที่ไม่มีสติ คนที่เขาคิดถึง ก็ยังเป็นแก!”
“ฉันไม่ยอม ไม่ยอมเด็ดขาด!”
เจียงหลีหรี่ตา จ้องมองไปที่ซูสือเยว่ด้วยสายตาที่เกลียดชังสุดขีด
“ดังนั้นฉันก็เลยจะแยกพวกแกออกจากกัน ทำให้พวกเราไม่ได้อยู่ด้วยกันตลอดชีวิต!”
ซูสือเยว่อึ้งไป
เธอพยายามนึกถึงเหตุผลที่ลู่จิ่งเฉินปลอมตัวมาเป็นฉินโม่หานนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยนึกเลย……
ว่าที่ลู่จิ่งเฉินปลอมตัวมาเป็นฉินโม่หาน มันเป็นความต้องการของเจียงหลี
เพราะว่าเจียงหลีเอาชีวิตของฉินโม่หานมาข่มขู่ ทำให้ลู่จิ่งเฉินต้องยอมปลอมตัว
เป้าหมายก็คือ ทำให้เธอล้มเลิกกับฉินโม่หาน เพื่อให้เธอพาลูกออกไปจากฉินโม่หาน และไม่กลับมาอีกตลอดชีวิต!
เธอกับริมฝีปากแน่น
ซูสือเยว่ไม่เข้าใจว่าทำไมเจียงหลีถึงได้หลงใหลในตัวของฉินโม่หานมาขณะนี้
ทั้งๆ ที่เธอยังเพิ่งจะรู้จักกับฉินโม่หาน……ได้ไม่นานเลย
“แต่ว่าคุณแพ้แล้ว”
ลู่จิ่งเฉินที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ มาโดยตลอด ก็ตัดบทของเจียงหลีอย่างเฉยเมย
“ตอนแรกผมก็เคยบอกคุณแล้ว ว่าน้องชายกับน้องสะใภ้ของผม ไม่สามารถแยกกันได้หรอก”
“งั้นเหรอ?”
คำพูดของชายหนุ่ม ทำให้เจียงหลีหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา สายตาเต็มไปด้วยการยิ้มเยาะเย้ย
“ทำไมฉันจะแยกพวกเขาออกจากกันไม่ได้?”
“ในเมื่อแยกออกจากกันทั้งที่มีชีวิตไม่ได้ ฉันก็จะให้ความตายแยกพวกเขาออกจากการ!”
พอพูดจบ เจียงหลีก็พยายามลุกขึ้นจากพื้นอย่างโซซัดโซเซ แล้วก็ยิ้มอย่างเยือกเย็น
“อาการของฉินโม่หานในตอนนี้ ถ้าเกิดเราไม่มียาแก้พิษจากฉัน ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถจัดงานศพได้แล้ว”
“บนโลกใบนี้ นอกจากฉัน ก็ไม่มีใครสามารถให้ยาแก้พิษเขาได้อีก”
พอพูดจบ หญิงสาวก็หรี่ตา ราวกับว่าได้ตัดสินใจอะไรบางอย่าง แล้วก็เงยหน้าขึ้นมองซูสือเยว่
“ดังนั้น ต่อให้ฉันตายไป ต่อให้พวกแกไปตามเทวดาฟ้าดินก็ไม่สามารถช่วยเหลือฉินโม่หานได้หรอก!”
หลังจากสิ้นเสียงของเธอ เจียงหลีก็เหมือนกับลูกศรที่แหลมคม พุ่งไปที่หน้าต่างที่อยู่ด้านหลังของซูสือเยว่“ปัง——!”
เสียงของกระจกบานใหญ่ที่แตกออก แล้วก็มีเสียงของของหนักที่ตกลงไปที่ชั้นล่าง
หลังจากนั้น ก็เป็นเสียงดังและเสียงกรีดร้องของผู้หญิงที่อยู่ด้านนอก
ภายในห้องนั้น พอซูสือเยว่กับลู่จิ่งเฉินตั้งสติกลับมาอีกครั้ง ถึงได้พึ่งรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น!
ซูสือเยว่รีบพุ่งไปที่หน้าต่างเหมือนคนบ้า
ลู่จิ่งเฉินรีบดึงเธอกลับมา:
“ไม่ต้องดูแล้ว”
“นี่มันชั้น 15”
“เธอไม่มีทางรอดหรอก”
ซูสือเยว่รู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายของเธอมันสั่นไปหมด
เธอเงยหน้ามองลู่จิ่งเฉินด้วยสายตาที่แดงก่ำ:
“แล้วฉินโม่หานจะทำยังไงล่ะ?”