สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ – ตอนที่ 48 นายกุมจุดอ่อนของเธอหรอ

หลังอาหารเช้า ซูสือเยว่สะพายเป้ขึ้นหลัง เดินตามฉินโม่หานขึ้นรถ

ซิงเฉินกับซิงหยุนเด็กน้อยสองคนยืนอยู่หน้าประตูเหมือนพ่อแม่กำลังดูลูกๆ ออกจากบ้านไป

ซิงเฉินพูดอย่างเจตนาดีว่า

“ระวังตัวด้วยนะครับ”

“อย่าทำดีกับเด็กคนอื่นมากเกินไปนะ”

“รีบกลับมาทำอาหารอร่อยๆ ให้พวกเราทานนะครับ”

“ต้องถ่ายรูปสวยๆ กลับมาเยอะๆ ด้วยนะ”

“ต้อง…”

ซิงหยุนเหลือบมองเขาเล็กน้อย

สักพักเด็กน้อยก็เงยหน้าขึ้น ดวงตาคู่โตสดใสเป็นประกายมองหน้าซูสือเยว่ “ขอให้มีความสุขครับ”

ซูสือเยว่พยักหน้าหนัก “โอเคจ้ะ”

ครั้งนี้เธอไปคลายเครียด

เดี๋ยวรอเธอกลับมาจากการคลายเครียดครั้งนี้ จะเฉิงเซวียนหรือเซี่ยงหวั่นฉิงอะไรนั่น เธอต้องไม่สนอีกเลยแน่นอน!

“ขึ้นรถ”

ฉินโม่หานยืนขมวดคิ้วและพูดอย่างเย็นชาอยู่ข้างหลังเด็กน้อยทั้งสอง

ซูสือเยว่เปิดประตูขึ้นรถไปอย่างเชื่อฟัง

ชายหนุ่มร่างสูงหันไป เหลือบมองเด็กน้อยสองคนที่ยังสูงไม่ถึงต้นขาของตัวเอง “ฉันออกไปทำธุระตั้งหลายครั้ง ไม่เห็นพวกเธอเคยมาส่งฉันเลย”

ซิงเฉินกลอกตา “คุณพ่อโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ยังต้องการการเอาใจใส่จากเด็กอย่างเราด้วยเหรอครับ”

ชายหนุ่มนิ่งไปเล็กน้อย

“ซูสือเยว่ก็โตแล้วไม่ใช่หรือไง”

“มันไม่เหมือนกัน!”

“ไม่เหมือนกันตรงไหน”

ซิงเฉินเบะปาก คิดไม่ได้ว่าจะตอบคำถามเขาอย่างไรดี แต่ซิงหยุนกลับหันหลังเดินเข้าบ้านไปเงียบๆ “เราชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย”

ซิงเฉินพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “ใช่! เราชอบผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย!”

“คุณพ่อต้องดูแลหม่ามี๊ให้ดีด้วย!”

เมื่อพูดจบ เด็กน้อยก็รีบก้าวเตาะแตะตามซิงหยุนไป “พี่ใหญ่ รอผมด้วย!”

“อย่าแตะคุกกี้ที่หม่ามี๊เตรียมไว้ให้ผมนะ!”

ฉินโม่หานยืนอยู่ที่เดิม มองด้านหลังเด็กทั้งสองอย่างโหดเหี้ยมไร้ความปราณี พร้อมกับพ่นลมหายใจเล็กน้อย

แม้แต่บอกอวยพรการเดินทางก็ไม่มีงั้นเหรอ

เห็นขี้ดีกว่าไส้!

ชายหนุ่มยืนอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งร่างของเจ้าตัวเล็กทั้งสองคนหายไป ถึงเพิ่งก้าวเท้าขึ้นรถ

ในรถ ซูสือเยว่กำลังคุยโทรศัพท์กับฟู๋เชียนเชียน

“สือเยว่ รออยู่ตรงทางแยกแล้วนะ!”

“ที่ตัวฉันสวมชุดแพงที่สุดเลย ถ้าคุณท่านชายฉินยังคิดว่าฉันจนอีกล่ะก็ เธอต้องจำไว้ว่าฉันพยายามอย่างดีที่สุดแล้ว!”

“เมื่อเช้าฉันตื่นตั้งแต่ตีห้า ใช้เวลากว่าสองชั่วโมงในการแต่งหน้า ก็เพื่อจะไม่ให้เธอต้องอับอาย…”

เสียงของฟู๋เชียนเชียนดังมาก

แม้ว่าซูสือเยว่จะไม่เปิดลำโพง ถึงขนาดจงใจใช้มือกดปิดมันเอาไว้ แต่เสียงดังของหญิงสาวยังก้องไปทั่วทั้งรถ

ฉินโม่หานที่สวมสูทสีดำนั่งลงอย่างสง่างามข้างซูสือเยว่ เหลือบมองเธอเล็กน้อย

ซูสือเยว่รู้เลยว่าเขาต้องได้ยินแน่ๆ!

“เธอเบาเสียงหน่อย!”

หญิงสาวเม้มปาก ออกแรงกดปิดลำโพงโดยไม่รู้ตัว

แต่ดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์

“ถึงแม้ครั้งล่าสุดคุณท่านชายฉินจะเห็นฉันในวิดีโอคอล แต่เขากำลังยุ่งมาก ต้องจำไม่ได้แน่ว่าฉันหน้าตาเป็นยังไง”

“ครั้งนี้ฉันต้องดึงภาพตัวเองกลับมาอยู่ในใจของเขาให้ได้!”

ซูสือเยว่กลอกตา “ฟู๋เชียนเชียน เธอเบาเสียงหน่อย…”

เธอยังพูดไม่ทันจบ มือใหญ่ก็ยื่นนิ้วเรียวยาวเข้ามา

ชายหนุ่มยื่นสองนิ้วยาวมาเอาโทรศัพท์มือถือของเธอไปกดเปิดลำโพง “ไม่ต้องลำบากขนาดนั้น”

ฟู๋เชียนเชียนซึ่งเดิมทียังคงคุยอยู่ที่ปลายสายดูเหมือนจะถูกกดปุ่มหยุดชั่วคราวในฉับพลันจนหยุดนิ่งไปทันที

ฉินโม่หานส่งเสียงทุ้มต่ำและไม่แย่แส “คราวหน้าไม่ต้องทำแบบนี้ เสียเวลาเปล่า”

“ผมจะไม่มองอะไรคุณนักหนาหรอก”

ฟู๋เชียนเชียน “………..”

ซูสือเยว่ “………..”

ท่ามกลางความเงียบงัน ฉินโม่หานวางสายโทรศัพท์ด้วยการเคลื่อนไหวอย่างสง่างามเป็นปกติ ยัดโทรศัพท์มือถือเข้าใส่มือของซูสือเยว่

“ออกรถ”

เมื่อชายหนุ่มพูดจบ ไป๋ลั่วจึงรีบสตาร์ทรถ

มาเซราติสีดำแล่นไปบนท้องถนนของเมืองว่องไวปานนกโผบิน

ซูสือเยว่ถือโทรศัพท์มือถืออยู่นานมากก็ยังไม่ได้สติคืนกลับมา

จนสักพักเธอก็เม้มริมฝีปาก เหลือบตาขึ้นมองฉินโม่หาน “คุณทำแบบนี้…ไม่ใช่ว่าจะ…”

“ไม่ใช่ว่าจะอะไร”

“เสียมารยาทเหรอ”

ฉินโม่หานเปลี่ยนท่าที่สบายพิงเบาะหลัง หลับตาลงร่างกายเอนหลังอย่างสง่างามและเกียจคร้าน “เธอเครียดเกินไป”

“คุณเป็นภรรยาของผม เธอเป็นเพื่อนรักของคุณ ต่อไปผมกับเธอต้องมีโอกาสได้เจอกันอีก”

พูดอย่างนั้นแล้วเขาก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาลึกจับจ้องมั่นคงมาที่เธอ “หรือจะบอกว่า คุณหวังว่าต่อไปทุกครั้งที่เธอเจอผมจะให้เครียดตลอดหรือไง”

ซูสือเยว่ “………”

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสายตาที่มีแรงดึงดูดมากเกินไปของเขาหรือว่าเสียงทุ้มทรงเสน่ห์

ในเวลานี้ที่เธอมองเขาแบบนี้จู่ๆ เธอก็พูดไม่ออก

เธอยังถึงขั้นรู้สึกว่าเขาพูดมีเหตุผล

เธอจ้องเขา เขาก็มองเธอเช่นกัน

สองตาประสาน ซูสือเยว่รู้สึกหายใจลำบากขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าก็ยิ่งร้อนขึ้น…

ขณะที่อากาศระหว่างคนทั้งสองค่อยๆ คลุมเครือและควบคุมไม่ได้ รถก็พลันหยุดลง

ไป๋ลั่วลดหน้าต่างรถลง มองไปทางผู้หญิงที่ยืนอยู่หน้าป้ายรถเมล์ “คุณฟู๋เชียนเชียนหรือเปล่าครับ”

“ฉันเองค่ะ!”

ฟู๋เชียนเชียนที่อยู่ในชุดกระโปรงยาวสวยหรูหรารีบพยักหน้า วิ่งเหยาะๆ อย่างตื่นเต้นไปยังรถของพวกเขา

ระยะห่างประมาณห้าเมตรจากมาเซราติ เท้าที่ใส่รองเท้าส้นสูงของฟู๋เชียนเชียนเกิดพลิกอย่างแรง——-

“ตึง——-!”

หญิงสาวล้มลงกับพื้น

ซูสือเยว่เม้มผาก รีบเปิดประตูลงจากรถ ก้าวเดินอย่างรวดเร็วพุ่งไปช่วยฟู๋เชียนเชียนลุกขึ้น “ไม่เป็นไรนะ”

“ไม่เป็นไร”

ฟู๋เชียนเชียนหน้าตาหงอยเหมือนจะร้องไห้ถูกซูสือเยว่ช่วยขึ้นมา “น่าอายจังเลย…”

“ไม่เป็นไรหรอก อย่าทำเหมือนเขาเป็นคนอื่นสิ”

“เขาเป็นสามีของฉัน ต่อไปเธอยังต้องเจอเขาอีกบ่อยๆ นะ”

พูดจบเธอก็เปิดประตูเบาะหลัง “ขึ้นรถ”

ทันทีที่ฟู๋เชียนเชียนก้นถึงเบาะ ก็เห็นใบหน้าของชายหนุ่มที่เบาะหลัง

เธออุทานก่อนจะรีบลุกขึ้น “ไม่ ไม่เป็นไร ฉันนั่งข้างคนขับดีกว่า”

หญิงสาวพูดอย่างนั้นแล้วก็ไม่สนว่าเท้าของตัวเองเพิ่งจะพลิกมา ตรงไปยังตำแหน่งข้างคนขับแล้วเปิดรถขึ้นไปทันที

ซูสือเยว่ “……….”

ที่จริงเธออยากให้ฉินโม่หานสละที่นั่งให้ฟู๋เชียนเชียนต่างหาก…

มองดูฟู๋เชียนเชียนคาดเข็มขัดนิรภัยตรงที่นั่งข้างคนขับแล้วซูสือเยว่ก็อับจนหนทาง ได้แต่ขึ้นรถไปนั่งข้างฉินโม่หานอย่างปลงๆ

จากเมืองหรงถึงเมืองถง ระยะทางไม่นับว่าใกล้มาก

ภายในรถเงียบสงัด

ซูสือเยว่มองดูวิวนอกหน้าต่างพร้อมกับหาวกว้างอยู่บ่อยๆ

บรรยากาศที่เงียบเกินไป การเดินทางที่สะดวกสบายเกินไป ทำให้ซูสือเยว่ค่อยๆ ง่วงนอน

จนในที่สุดหญิงสาวก็ผ่อนลมหายใจยาวเอนพิงหน้าต่างรถ

ท่ามกลางอาการสะลึมสะลือ เธอรู้สึกว่ามีมือใหญ่มาประคองศีรษะเธอออกจากหน้าต่าง

กระทั่งเธอไปซบกับอกกว้างอันอบอุ่น

และมีเสียงดังขึ้นเลือนรางที่ข้างหู

“คุณท่านชายฉิน คุณช่าง…ใจดีกับสือเยว่จริงๆ”

“เธอเป็นภรรยาของผม”

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

สามีบอสของฉันทั้งเลวทั้งซื่อ

หลังข่าวลือที่เสียโฉม ท่านชายฉินโหดร้ายอำมหิต ทำคู่หมั้นตายติดต่อกันสองคน ผู้หญิงทั้งเมืองไม่มีใครกล้าแต่งงานด้วย แต่ซูสือเยว่กลับแต่งสาวน้อย ต่อไปให้ฉันปกป้องเธอเองเพิ่งแต่งงาน เธอก็ถูกลูกน้อยน่ารักน่าหยิกสองคนแย่งกันอย่างคลั่งใคล้ซะแล้ว……

Comment

Options

not work with dark mode
Reset