เนื่องจากเมื่อวันก่อนมีการผิดนัด วันถัดมาซูสือเยว่ก็มาถึงกองละครอย่างเช้าตรู่
เธอคิดว่าเธอมาเช้ามากแล้ว แต่เมื่อถึงสถานที่ถ่ายทำ กลับพบว่ามีคนมาเช้ากว่าเธอ
คนๆนั้นก็คือ เฉิงเซวียน
ท้องฟ้ายามรุ่งสางยังคงมืดครึ้ม เฉิงเซวียนขดตัวอยู่บนเก้าอี้ที่มุมๆหนึ่งในกองละคร เขางอตัวเป็นก้อนกลมๆ ราวกับกำลังบดบังความมีตัวตนของเขา
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว แม้ในใจจะรู้สึกสงสารเขา แต่ก็ไม่อยากเห็นใจไปมากกว่านี้
คนน่าสงสารก็ต้องมีจุดที่น่าจงเกียจจงชังบ้าง
ถ้าเขาไม่ได้หักหลังเธอตั้งแต่แรก ถ้าเขาไม่ได้ไปคบกับเซี่ยงหวั่นฉิงตั้งแต่แรก เขาในตอนนี้ก็คงเป็นเขาในแบบที่เธอคิดไว้เมื่อก่อน เขาก็จะเป็นนักแสดงนำชายยอดเยี่ยม ที่มีฝีมือการแสดงที่เก่งกาจ และเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงของวงการบันเทิง
แต่โลกนี้ไม่มีคำว่า ถ้าหาก
ซูสือเยว่ขมวดคิ้ว และเตรียมหันหลังจะเดินออกไปจากกองถ่าย
“สือเยว่ ! ”
เฉิงเซวียนรีบลุกออกจากเก้าอี้และเรียกชื่อเธอ
ที่จริงเขาเห็นเธอ ตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาในกองถ่ายแล้ว
เขาตั้งใจนั่งอยู่ในมุมนั้น ตั้งใจนั่งขดตัวบนเก้าอี้ เพื่อทำให้ตัวเองดูน่าสงสาร
เขาคิดว่า ซูสือเยว่จะคิดถึงความสัมพันธ์ห้าปีระหว่างเธอกับเขา และเธอจะเดินมาคุยกับเขาอย่างเมตตา
ทว่าเขาคิดไม่ถึงว่า ซูสือเยว่จะไร้ซึ่งความปราณี แม้จะเปรยตามองเขา ก็ยังขี้เกียจ!
“มีธุระอะไรหรอ?”
เธอขมวดคิ้วอย่างเฉยชา ก่อนจะหันกลับไปมองเขา
“ฉัน…..”
เฉิงเซวียนลังเลชั่วครู่ ก่อนจะแหงนหน้ามองเธออย่างช้าๆ “สือเยว่ เธออภัยให้ฉันได้ไหม?”
“เป็นเพราะเมื่อก่อนฉันโดนเซี่ยงหวั่นฉิงหลอก”
”หล่อนบอกฉันว่าเธอนั้นแปดเปื้อน บอกฉันว่าหล่อนบริสุทธิ์กว่าเธอ”
“หล่อนยังบอกอีกว่า ครั้งแรกของเธอไม่ได้ให้ฉัน แต่หล่อนให้ฉัน ดังนั้นฉันต้องดีกับหล่อนไปทั้งชีวิต……”
คำพูดของเขา ทำให้ซูสือเยว่ยิ้มหย่องอย่างเย็นชา
ในตอนที่เกิดเรื่องกับเฉิงเซวียน เธอร้อนอกร้อนใจมาก จึงตอบรับข้อเสนอของเซี่ยงหวั่นฉิงไป
และเป็นเพราะว่าเซี่ยงหวั่นฉิงมอมเมาเขา เขาเลยเดินเข้าไปในห้องนั้น
ผลลัพธ์ที่ออกมาล่ะ……
“ล้วนเป็นความผิดของเซี่ยงหวั่นฉิง!”
เมื่อเห็นแววตาที่ค่อยๆเปลี่ยนไปของซูสือเยว่ แววตาของเฉิงเซวียนก็ดูเป็นประกาย จากนั้นเขาก็อธิบายต่ออย่างรวดเร็ว “ที่จริงฉันยังรักเธออยู่…”
“สือเยว่ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม?”
ซูสือเยว่หรี่ตาลงเล็กน้อย “เฉิงเซวียน นายลืมไปแล้วหรือว่าฉันแต่งงานแล้ว”
“ฉันไม่แคร์!”
เฉิงเซวียนพุ่งปราดไปหาซูสีเยว่ เพื่อที่จะคว้ามือของเธอไว้ ทว่าเธอก็หลบหลีกได้อย่างรวดเร็ว
เขาจับอากาศที่ว่างเปล่า
เฉิงเซวียนเก็บมืออย่างเก้อเขิน ‘’ฉันไม่สนว่าเธอจะแต่งงานแล้วหรือยัง’’
“แต่งงานแล้วก็หย่าได้!”
“อีกอย่าง ไม่ใช่ว่าเธอเป็นชู้กับผู้ชายคนนั้นหรอกหรอ? เพิ่มฉันมาอีกสักคนจะเป็นไรไป ใช่ไหมล่ะ?”
“สือเยว่ ฉันแคร์แค่เธอคนเดียว ขอเพียงแค่เธอยังชอบฉันอยู่……”
“ฉันเลิกชอบนายนานแล้ว”
ซูสือเยว่ขมวดคิ้วและถอยหลังหนึ่งก้าว เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างเฉิงเซวียน “เลิกเพ้อฝันสักที”
“ห้าปีก่อนที่ฉันประสบอุบัติเหตุ ตั้งแต่วันนั้นที่นายไปคบกับเซี่ยงหวั่นฉิง ฉันก็มองไม่เห็นอนาคตของสองเราแล้ว’’
“ฉันใช้เวลาห้าปี กว่าจะรู้ว่าตัวเองนั้นโง่เง่า รู้ว่าตัวเองนั้นฉลาดน้อย และฉันจะไม่ให้อภัยนายเด็ดขาด”
พูดจบ เธอก็หันตัวและเดินจากไป
เฉินเซวียนยืนอยู่ที่เดิม พลางใช้สายตามองตามซูสือเยว่ที่เดินจากไป หัวใจเขาราวกับถูกบางสิ่งบดขยี้อย่างหนัก
ซูสือเยว่ไม่ต้องการเขาแล้ว
ซูสือเยว่รักเขามากที่สุดไม่ใช่หรอ?
เซี่ยงหวั่นฉิงหักหลังเขา เขี่ยเขาทิ้งแล้ว
แม้แต่ซูสือเยว่ก็ยังไม่ต้องการเขาอีกคนหรอ?
มีสิทธิ์อะไร!?
เปลวเพลิงในดวงตาของเขาเริ่มลุกโชน และยิ่งดูยิ่งเหมือนคนที่มีความผิดปกติทางจิต
สุดท้าย เขาเดินพุ่งตรงไปข้างหน้า และเอื้อมมือไปกุมไหล่ซูสือเยว่ไว้ “เธอมีสิทธิ์อะไรที่จะเทฉัน!”
วันนี้ถ้าเธออยากได้ก็ต้องได้ ไม่อยากได้ก็ต้องเอา!
ซูสือเยว่คิดไม่ถึงว่า เฉิงเซวียนจะมาดันทุรังกับเธอขนาดนี้?
เธอคิ้วขมวดเป็นปม พลางสังเกตสิ่งแวดล้อมรอบตัว เมื่อดูว่าบริเวณนี้ไร้ซึ่งผู้คนแล้ว เธอจึงยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
ความจริงแล้ว เธอเป็นคนที่นิสัยดี และไม่เคยต่อสู้หรือทำร้ายใคร
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เฉิงเซวียนจะใช้วิธีนี้เอาเปรียบเธอได้!
ออร่าความหนาวเย็นสื่อออกมาทางแววตาเธอ “ปล่อยมือ”
นี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอจะเตือนเขา
คนที่ใกล้เข้าขั้นอาการโรคจิตอย่างเฉิงเซวียน จะปล่อยมือเธอไปจริงๆอย่างนั้นหรอ?
เขากุมไหล่ซูสือเยว่อย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้ “สือเยว่ เธอให้โอกาสฉันหน่อยสิ”
“ทำไมเธอไม่ให้โอกาสฉันเลย!”
“เธอเคยชอบฉันมากเลยไม่ใช่หรอ!”
“สือเยว่ โอ๊ย—!”
เฉิงเซวียนที่ยังไม่พูดไม่จบ ก็ล้มกองลงไปกับพื้น
“กรอด”ซูสือเยว่คุกเข่าข้างหนึ่ง และใช้เข่ากดทับข้อมือเขา ทำเอาข้อมือเขาเคล็ด
เฉิงเซวียนเจ็บข้อมือจนต้องใช้กำปั้นทุบพื้น
เธอลุกขึ้น พลางมองกราดลงมาที่เขา “อย่าแตะต้องฉันมั่วซั่ว”
“ฉันจะฟ้องเธอ!”
เฉิงเซวียนกัดฟันกรอด
“แค่นี้ก็จะฟ้องฉันแล้ว? ดูท่าทีแล้วนายก็ไม่ได้รักฉันจริง ไม่ได้อยากคืนดีกับฉัน”
ซูสือเยว่เหยียดยิ้มอย่างเย็นชา พลางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นยะเยือก “เฉิงเซวียน นายคงไม่ได้โกรธเพราะโดนเซี่ยงหวั่นฉิงหักหลังหรอกนะ?”
“นายถือดี คิดว่านายเก่ง เก่งจนสามารถทำให้ผู้หญิงทุกคนต้องมาตกหลุมรักนาย”
“ดังนั้นเมื่อนายโดนเซี่ยงหวั่นฉิงหักหลังแล้ว นายก็เลยนึกถึงฉัน นายกระตือรือร้นที่จะค้นหาความมั่นใจที่อ่อนแอของนายจากตัวฉัน”
ทุกคำที่เธอพูดออกมา เสมือนแท่งเข็มอันแหลมคมที่ทิ่มแทงลงไปในใจของเฉิงเซวียน
เขามองเธอด้วยสีหน้าบูดบึ้ง และพูดอะไรไม่ออก
“นายน่าจะลืมไปแล้ว ตอนแรกที่เรายังไม่รู้จักกัน นายก็เป็นเพียงเศษสวะที่แม้แต่จะสอบเข้าสถาบันภาพยนตร์ก็ยังสอบไม่ผ่าน เป็นเพราะฉันที่ค่อยช่วยให้ทักษะการแสดงของนายดีขึ้นเรื่อยๆ และเป็นเพราะเมื่อห้าปีก่อน ฉันออกเงินก้อนหนึ่ง เพื่อให้นายผ่านความยากลำบากนั้นมาได้ นายถึงประสบความสำเร็จมาถึงวันนี้”
ซูสือเยว่มองเขาด้วยนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความเฉยเมย “เป็นเพราะฉันโง่เอง ที่ฉันทุ่มเทความหวังดีให้นาย เลยทำให้นายถือดี จนเลยเถิดมาถึงขนาดนี้ และเริ่มรังเกียจฉัน”
“แต่นายคงคิดไม่ถึงสินะ ว่าเหตุการณ์เมื่อคืน มีส่วนที่เกี่ยวข้องกับฉันอยู่”
เฉิงเซวียนเบิกตาโพลง ไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เมื่อพูดจบ ซูสือเยว่ก็สูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ “ เรื่องที่ฉันอยากจะบอกนายก็คือ เฉิงเซวียน ฉันช่วยนายปีนป่ายมาถึงตำแหน่งนี้ได้ ฉันก็ทำให้นายตกลงมาจากแท่นบูชานี้ได้เหมือนกัน
“อีกเรื่อง นายคงจำชุดสุภาพที่ฉันใส่เมื่อวานได้ใช่ไหม? ชุดนี้สวยมากเลยล่ะ”
“เพราะฉันใช้เงินหนึ่งล้านสองแสนที่นายยัดให้บริษัทกองทัพเรือนั้นมาซื้อชุดนี้ไง”
พูดจบ เธอก็เงยหน้าขึ้น และเดินจากไปอย่างหยิ่งโส
เฉิงเซวียนนอนอยู่บนพื้น สภาพร่างกายเขาราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ
เขามองดูซูสือเยว่จากด้านหลัง ทันใดนั้น เขาก็ตระหนักได้ว่า เขาได้สูญเสียบางอย่างไป
ผู้หญิงที่ในสายตามีเพียงเขาคนเดียวเมื่อห้าปีก่อน ได้จากเขาไปแล้วจริงๆ……
……
หลังจากที่ทิ้งเฉิงเซวียนไว้ด้านใน ซูสือเยว่ก็คิดที่จะไปร้านอาหารเช้าบริเวณใกล้ๆ เพื่อหาอะไรดื่มและรอให้คนอื่นๆมากันก่อน
แต่คิดไม่ถึงว่า เมื่อเธอเดินออกมาจากกองถ่าย เธอก็เห็นจี้หนานเฟิงที่ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว
เขาใช้นิ้วชี้และนิ้วกลางของมือขวาคีบบุหรี่ไว้ อีกทั้งข้างเท้าเขาก็มีก้นบุหรี่สองอันที่เพิ่งสูบเสร็จ
ดูท่าทีแล้ว เขาน่าจะยืนอยู่ที่นี่นานแล้ว
ซูสือเยว่รู้สึกร้อนรนใจ
ตำแหน่งที่เขายืนอยู่นี้ น่าจะได้ยินและเห็นเรื่องราวทุกอย่างระหว่างเธอกับเฉิงเซวียน
“ท่าที่ทำเฉิงเซวียนล้มตึงลงไปกองกับพื้นนั้น ฝีมือไม่เลวเลยนะ”
จี้หนานเฟิงคาบบุหรี่ต่อ ก่อนจะแสยะยิ้มด้วยความชั่วร้าย “เรียนกับใครมาล่ะ? เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน”