ภายในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นของชายหนุ่มประดับไปด้วยความเผด็จการและแข็งกร้าวไร้เหตุผลที่เป็นมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วของเขาออกมา
ซูสือเยว่มองเขา ภายในใจเกิดอาการไม่มั่นใจออกมาเล็กน้อย เธอเม้มริมฝีปากออกมา “ฉันก็แค่คิดว่าคนสถานะอย่างคุณ…”
ที่จริงแล้วเขาควรจะถือสานะ
มือที่ฉินโม่หานจับคางเธอนั้นลงแรงไปเล็กน้อย เรี่ยวแรงนั้นเจ็บจนซูสือเยว่ต้องนิ่วหน้าออกมา
“ระหว่างสามีภรรยา ความสัมพันธ์มันเสมอภาคกัน”
“ถ้าผมควรจะรังเกียจอดีตของคุณแล้ว งั้นคุณก็ควรรังเกียจอดีตของผมด้วย อย่างนี้มันถึงจะยุติธรรม”
“ถ้าอยากครอบครองปัจจุบันของคนคนหนึ่ง แต่กลับไปสืบเสาะหาอดีตของคนคนหนึ่ง อย่างนั้นแล้วชีวิตมันก็จะเหนื่อยเกินไป”
ซูสือเยว่มองเขาไปอย่างอึ้งๆ
เธอสาบานได้เลยว่านี่เป็นคำพูดที่อ่อนโยนที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินเขาพูดมาเลย
ชายหนุ่มใช้นิ้วมือลูบไล้ริมฝีปากที่ชุ่มชื้นของเธอ ประกาศออกไปอย่างเอาแต่ใจ
“อดีตของคุณ ผมไม่ถือสา และก็ไม่อยากไปยุ่งด้วยเหมือนกัน”
“แต่อนาคตของคุณ ทำได้แค่เพียงมีแค่ผมคนเดียวเท่านั้น”
เสียงทุ้มต่ำของเขาทำให้หัวใจของเธอก็ได้หยุดชะงักไปชั่วขณะ
หลังจากที่หยุดชะงักไป ก็เกิดความรู้สึกซาบซึ้งเอ่อล้นออกมา
เธอจับมือของเขาเอาไว้แทบจะทันที “ขอบคุณนะคะ…”
“กับผมยังต้องบอกขอบคุณกันอีกเหรอ หืม?”
เห็นใบหน้าเล็กของเธอแดงก่ำประดับไปด้วยน้ำตา ชายหนุ่มก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อยอย่างจนใจ แล้วก็ได้ยกมือขึ้นมาโอบรัดเธอเข้ามาสู่ในอ้อมกอด
“ภาพและวิดีโอของตระกูลซูพวกนั้น ผมลบไปหมดแล้ว”
ชายหนุ่มกอดเธอเอาไว้ ซึมซับอุณหภูมิในร่างกายของหญิงสาว “ต่อจากนี้ไปจะไม่มีใครใช้เรื่องนี้มาข่มขู่คุณได้อีก”
“จะว่าไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีใครมาข่มขู่คุณ คุณก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลัว”
“เพราะว่าขอเพียงแค่ผมไม่แคร์ มันก็จะไม่มีใครมาทำร้ายคุณได้”
ซูสือเยว่เอาหัวฝังลงไปในอ้อมอกของเขา เอ่ยออกไปด้วยเสียงอู้อี้ “อืม”
บรรยากาศภายในห้องผู้ป่วยมันทั้งดูคลุมเครือและทั้งอบอุ่น
ฉินโม่หานกอดร่างเล็กที่นุ่มนิ่มของเธอเอาไว้ เอ่ยออกไปด้วยอารมณ์หม่นๆ “อันที่จริงผมก็แคร์อยู่นิดหน่อย”
ร่างของซูสือเยว่แข็งค้างไป คิดอยากจะผละออกไปจากอ้อมกอดของเขาทันที แต่ทันทีที่ดิ้นออกไป เธอก็ถูกเขากดเอาไว้
ชายหนุ่มกอดเธอเอาไว้ แล้วเอ่ยพูดออกมาต่อ “เดิมทีผมนั้นอยากให้คุณมีลูกให้ผมสักคน”
“แต่ตอนนี้ผมเปลี่ยนความคิดแล้ว”
“ผมได้รับความเจ็บช้ำจากเรื่องในครั้งนี้ ดังนั้นแล้วลูกแค่คนเดียวไม่อาจทำให้ผมพอใจลงได้”
ซูสือเยว่ “…”
นี่มันเป็นกลยุทธ์ที่จะฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นอ่อนแอแล้วฉกฉวยเอาผลประโยชน์เข้าตัวเองใช่มั้ยเนี่ย?
หญิงสาวเม้มริมฝีปากออกมา ในเมื่อสลัดออกไปจากการพันธนาการของเขาไปไม่ได้ เธอจึงได้ซบลงไปในอ้อมกอดเขาไปอย่างว่าง่ายเลยก็แล้วกัน “แต่คุณก็มีซิงหยุนกับซิงเฉินอยู่แล้ว คลอดออกมาให้มากมายอีก…”
“ผมชอบความครึกครื้น”
ซูสือเยว่ “…”
“ในเมื่อคุณชอบความครึกครื้น หลังจากนี้ไปฉันถ่ายละครจะพาคุณได้ด้วย กองละครคนเยอะมากเลย”
ฉินโม่หานย่นคิ้วออกมา ยกมือขึ้นมาเขกลงไปบนหัวของเธอเล็กน้อย “เด็กโง่ หัดทำเป็นเบี่ยงประเด็นขึ้นมาแล้ว?”
ซูสือเยว่ถูหัวที่ถูกเขาเขกมาจนเจ็บ ปากก็ยู่ออกมาด้วยอาการน้อยใจ “ก็คุณบอกเองนี่ว่าชอบความครึกครื้น…”
ท่าทางที่ปากเล็กๆเหมือนเชอร์รี่ได้ยู่ออกมาเล็กน้อยนั้นของหญิงสาว นึกไม่ถึงว่ามันจะดึงดูดใจเป็นอย่างมาก
นัยน์ตาของฉินโม่หานเข้มข้นออกมา
ต่อจากนั้น เขาก็กุมกรามล่างของเธอเอาไว้ จูบลงมาเบาๆ
จูบที่เกิดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ได้ทำให้ซูสือเยว่เบิกตากว้างออกมาทันที
หลังจากที่ผ่านไปได้สักพัก เธอก็ได้ถูกความอ่อนโยนของเขาหลอมละลายไป ตัวเธอได้จมอยู่ในจูบที่แสนยาวนานนี้แยกออกไปไหนไม่ได้
จวบจนกระทั่ง——
“หมอไป๋ ทำไมคุณหมอถึงซบเข้ากับประตูห้องผู้ป่วยล่ะคะ?”
ด้านนอกประตู พยาบาลที่เพิ่งมาใหม่ได้มองไป๋ยู่หนานที่สิงเข้ากับบานประตูด้วยรูปลักษณ์ที่เหมือนกับปลาหมึกไปอย่างตื่นตกใจ “นี่มันสิบโมงเย็นแล้ว คุณยังไม่เลิกงานอีกเหรอคะ?”
ตามมาด้วยเสียงของพยาบาลสาว ทั้งสองคนภายในห้องพักผู้ป่วยได้แสดงความรักกันจนแยกออกจากกันไม่ได้ได้หยุดลงทันที
ไป๋ยู่หนานลงออกมาจากบานประตู จ้องมองพยาบาลไปด้วยใบหน้าที่ไม่พอใจ “เธอมาสนว่าฉันเลิกงานหรือเปล่า เธอเป็นแม่ฉันเหรอ?”
พยาบาลถูกด่าอย่างไม่มีเหตุผลกลับมาทีนึง ก็ได้เบะปากออกมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากนั้นก็ผันร่างเดินออกไป
ทันทีที่พยาบาลเดินออกไป ประตูห้องผู้ป่วยก็ได้ถูกเปิดออก
ฉินโม่หานยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยใบหน้ามืดครึ้ม มองไป๋ยู่หนานไปอย่างเยือกเย็น “ฉันไม่รู้เลยว่าที่แท้นายยังชอบแอบฟังด้วย”
“แค่กๆ——“
ไป๋ยู่หนานกระแอมไอออกมาเล็กน้อย “นี่ฉันก็แค่กลัวว่าพวกนายจะทะเลาะกันมั้ยล่ะ?”
“นายดูสิ พวกนายสองคน คนนึงก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันมาหลายปี คนนึงก็เป็นผู้ป่วยที่เพิ่งรับมาวันนี้ของฉัน ถ้าพวกนายทะเลาะกันขึ้นมา ฉันผู้เป็นหมอและก็ยังเป็นเพื่อนสนิทคนนี้จะหนักใจมาก”
“ฉันก็เลย”
เขาเบือนหน้าออกไป ไม่กล้ามองสายตาที่อึมครึมของฉินโม่หาน “ฉันก็แค่ลองฟังดูสักหน่อยเท่านั้นเอง เมื่อแน่ใจแล้วว่าพวกนายไม่ได้ทะเลาะกัน ฉันก็วางใจแล้วล่ะ!”
พูดจบ เขาก็ได้ก้าวเท้าคิดอยากจะแอบเดินหนีออกไป
เดินได้ไม่ถึงสองก้าว คอปกเสื้อของเขาก็ถูกฉินโม่หานคว้าเอาไว้
ชายหนุ่มดึงเขากลับมา “ไปออกใบรับรองออกจากโรงพยาบาลให้เธอ”
ไป๋ยู่หนานขมวดคิ้วออกมา หันหน้ากลับมา “เย็นขนาดนี้แล้วยังจะออกจากโรงพยาบาลอีก?”
“ไม่สู้พักสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับไปก็ยังไม่สาย”
ฉินโม่หานกวาดสายตามองเขาไปอย่างเยือกเย็น “คืนนี้ฉันอยากแสดงความรักกับภรรยาของฉัน ที่โรงพยาบาลมีพวกถ้ำมองอยู่”
ไป๋ยู่หนาน “…”
ไอ้พวกชอบโชว์ความรักต่อหน้าคนโสด!
เจ้าฉินโม่หานหลานคนนี้ไม่เอาคนโสดมาเป็นคนดูสิ!
หลังจากที่ไป๋ยู่หนานเดินออกไป ซูสือเยว่หน้าแดงออกมาจากห้องผู้ป่วย “ท่านชาย พวกเราต้องกลับไปจริงๆเหรอคะ”
คำพูดเมื่อกี้นี้ของฉินโม่หานเธอได้ยินมันทั้งหมด
“อืม”
ฉินโม่หานยกมือขึ้นมาพาร่างของเธอเข้ามาในอ้อมแขน “ผมไม่ชอบโรงพยาบาล”
“พักอยู่ที่นี่ไม่ได้ หรือว่าจะไม่พักอยู่ที่นี่”
ตอนนั้นแม่ของซิงหยุนกับซิงเฉิน ตอนที่นอนอยู่ในโรงพยาบาลได้ถูกเพลิงไหม้ทำให้…”
ชายหนุ่มหลับตาลง สิ่งที่ปรากฏออกมาตรงหน้าเป็นเพลิงไหม้เมื่อตอนนั้น
เมื่อตอนนั้น เขาได้ยินพี่รองบอกว่าเขาหาผู้หญิงคนนั้นที่ค้างคืนกับเขาเมื่อตอนนั้นเจอแล้ว แล้วยังบอกว่าผู้หญิงคนนั้นคลอดลูกชายให้เขาสองคน
ดังนั้นแล้วเขาเลยเลื่อนตารางงานทั้งหมดในวันนั้นออกไปทันที ขึ้นเที่ยวบินพิเศษบินจากต่างประเทศกลับไปหาเธอ
แต่ผลสุดท้ายพอถึงโรงพยาบาล สิ่งที่เห็นมีเพียงทะเลเพลิงฉากหนึ่ง…
ตั้งแต่นั้นมา เขามีความขัดแย้งต่อคำว่าโรงพยาบาลคำนี้ไปโดยสัญชาตญาณ
“ได้”
ซูสือเยว่นอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา ซึมซับการเต้นของหัวใจและอุณหภูมิชายหนุ่ม “แต่อันที่จริงแล้วฉันยังรู้สึกไม่ค่อยสบายอยู่…”
พูดไป เธอเลิกดวงตาที่ส่องประกายคู่นั้นขึ้นมองเขา “คืนนี้จะปล่อยฉันไปได้มั้ย?”
ฉินโม่หานยิ้มออกมา
เขายกมือขึ้นมาหยิกจมูกเธอเล็กน้อย “ได้ จำไว้ว่าคุณติดหนี้ผมเอาไว้ครั้งนึง”
…………
ณ บ้านตระกูลซู
ซูโม่ได้พยายามลองวิธีต่างๆ ก็ยังไม่สามารถกู้เอกสารที่ถูกลบไปกลับมาได้
เธอมองแฟ้มเอกสารที่ว่างเปล่า โยนเมาส์ลงไปบนพื้นด้วยความโกรธ!
จะเป็นไปได้ยังไง!
ฉินโม่หานไม่เพียงแต่จะไม่แคร์ว่าซูสือเยว่เคยมีลูกมาก่อน แต่ยังช่วยซูสือเยว่ลบล้างหลักฐานออกไปด้วย!
ซูสือเยว่นังแพศยานั่นกรอกยาวิเศษอะไรให้ท่านชายฉิน!
เธอพังข้าวของในห้องหนังสือลงไปบนพื้นด้วยความโกรธ
ซูจิ่นเฉิงที่อยู่ข้างๆนั่งเงียบอยู่บนโซฟามาโดยตลอด มองเธอรนหาที่ตายไป
รอจนซูโม่พังของทั้งหมดเสร็จแล้ว ซูจิ่นเฉิงถึงได้จุดบุหรี่ไปอย่างเอื่อยเฉื่อย “พังของพวกนี้เสร็จแล้ว มันจะทำให้ฉินโม่หานหันมาให้ค่าแกได้บ้างมั้ย?”
“หรือว่ามันจะทำให้ซูสือเยว่ล่าถอยออกมาจากเขาเองเมื่อเห็นว่าอยู่ในสถาการณ์ที่ไม่สมควรได้?”
ซูโม่กัดริมฝีปาก หันหน้าไปมองซูจิ่นเฉิง น้ำตาไหลลงมาด้วยความไม่ได้รับความเป็นธรรม “พ่อ!”
“พ่ออย่ามาพูดตัดกำลังใจกันสิ! ฉันถูกซูสือเยว่บีบจนจนตรอกหมดแล้ว!”
“ไม่มีภาพกับวิดีโอแล้ว ในมือฉันไม่มีจุดอ่อนของซูสือเยว่เลยสักนิดเดียว! ต่อจากนี้ไปจะไปควบคุมมันได้ยังไง!”
หลายปีนี้ ซูสือเยว่ไม่กล้าใช้ความรุนแรงตอบโต้เธอมาตรงๆมาโดยตลอด ทั้งหมดล้วนแล้วแต่จะเป็นเพราะว่าในมือเธอกุมหลักฐานพวกนี้อยู่!
ว่าตอนนี้ ไม่มีอะไรเลยสักอย่าง!…
ซูจิ่นเฉิงขมวดคิ้วออกมา คีบบุหรี่ขึ้นมาสูบไปอย่างแรง “ไม่ใช่ว่าแกยังมีเฉิงเซวียนอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
ซูโม่ย่นคิ้วออกมา เฉิงเซวียน?
ทันใดนั้น เธอก็ตบหน้าผากออกมาทันที
ใช่แล้ว!
เธอยังมีเฉิงเซวียนที่จะเอามาใช้ประโยชน์ได้!