สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 122 ข้าอยากมอบให้ท่าน

บทที่ 122 ข้าอยากมอบให้ท่าน

บทที่ 122 ข้าอยากมอบให้ท่าน

ชาในหอหลิงอวิ๋นเป็นชาชั้นดี อบอวลไปด้วยกลิ่นหอม รสชาติของชายังคงละมุนอยู่ในคอ

มู่ซืออวี่หยิบติ่มซำเข้าปากอีกครั้ง ติ่มซำนี้รสชาติหวานฉ่ำ ไม่รู้สึกเลี่ยน แต่ให้ความรู้สึกละมุนลิ้น รสกลมกล่อมยิ่งนัก

ชิวซวงเดินเข้ามาเอ่ยว่า “ฮูหยินลู่ คุณหนูของเราว่างแล้ว โปรดตามข้ามา”

“ได้สิ” มู่ซืออวี่เช็ดคราบอาหารบนฝ่ามือด้วยผ้าเช็ดหน้า

เจิ้งซูอวี้ขึ้นมาพบ และกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ท่านคงคอยข้าอยู่นานทีเดียว”

การแสดงออกของนางไม่ต่างไปจากเดิม แววตายังคงอบอุ่น จิตใจเปี่ยมด้วยความเมตตา ราวกับไม่ได้รับผลกระทบจากการทะเลาะวิวาทเมื่อครู่

“ข้าเองก็เพิ่งมาถึงเช่นเดียวกัน”

“นั่งลงก่อนเถิด”

มู่ซืออวี่นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามอีกฝ่าย

ชิวซวงนำน้ำชามาให้อีกครั้ง

“ขอบคุณมาก”

เนื่องจากนางดื่มไปมากแล้ว กระเพาะจึงไม่มีที่ว่างสำหรับการดื่มชาอีกต่อไป

“ไม่ทราบว่าคุณหนูเรียกข้ามาพบเพราะอะไรหรือ?”

“มู่ซืออวี่ ท่านรู้เรื่องตระกูลเจิ้งของเรามากน้อยเพียงใด?” เจิ้งซูอวี้จ้องมองมู่ซืออวี่

“ข้าจะตอบตามจริงด้วยความเคารพ ข้าเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ยุ่งอยู่กับการหาเลี้ยงชีพ ข้าไม่มีเวลาว่างไปสืบเสาะหรือสอบถามถึงเรื่องราวของผู้อื่นหรอก”

“หากเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือเป็นเรื่องดี ท่านมีเป้าหมายในชีวิต พยายามมุ่งมั่นทำงานอย่างหนักเพื่อเป้าหมายนั้น ใช้ชีวิตอย่างชัดเจน” เจิ้งซูอวี้จ้องมองด้วยรอยยิ้ม “นี่จึงเป็นเหตุผลที่ข้าชื่นชอบท่าน”

“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้พบกับคุณหนูซูอวี้ คุณหนูเป็นดังรากแก้วของข้า หากไม่มีคุณหนู ชีวิตของข้าก็คงไม่เหมือนตอนนี้”

“เราไม่จำเป็นต้องสุภาพต่อกันถึงเพียงนั้น” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ข้าเชิญท่านมาที่นี่เพราะมีเรื่องอยากขอความช่วยเหลือ”

“เชิญพูดมาเถิด”

“พ่อของข้าเป็นลูกชายคนที่สองของตระกูลเจิ้ง เขามีพี่ชายคนหนึ่ง หรือก็คือลุงของข้า ท่านลุงกับท่านพ่อต่างมีลูกสาวเช่นเดียวกัน นางก็เหมือนพี่สาวของข้า ตระกูลเจิ้งมีอาชีพและฐานะทางการเงินมั่นคง แต่ไม่มีทายาทผู้ชาย ดังนั้นเพื่อจัดการปัญหาในการสืบทอดมรดก ข้ากับพี่สาวจึงถูกสอนให้ค้าขายตั้งแต่ยังเล็ก ข้ากับนางจะต้องแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเจ้าของตระกูล ผู้ชนะจะต้องมีเพียงคนเดียว ตอนนี้ตระกูลของเรามอบร้านค้าใหญ่ให้เราคนละร้าน”

แม้มู่ซืออวี่จะไม่รู้ว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนางอย่างไร แต่นางก็ยังคงตั้งใจฟัง ไม่ขัดจังหวะ

“ข้าอยากจะมอบความไว้วางใจให้ท่านช่วยปรับปรุงร้านของข้า” เจิ้งซูอวี้กล่าว “เรื่องที่ท่านบอกว่าสามารถปรับปรุงห้องได้ในวันนั้น ข้ายังจำได้ดี”

“คุณหนูซูอวี้ ต้องการฝากเรื่องสำคัญเช่นนี้ไว้กับข้าจริง ๆ หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ ข้าจะให้ท่านเป็นผู้จัดการ” เจิ้งซูอวี้พยักหน้าอย่างจริงจัง “ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด แต่ข้ามองท่านในมุมที่แตกต่างออกไป ทันทีที่ข้าได้รับภารกิจนี้ ข้านึกถึงท่านเป็นบุคคลแรก”

“ท่านอาจจะยังไม่รู้เรื่องนี้” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “คุณหนูหลี่ปฏิเสธภาพแบบของข้า บอกว่าการออกแบบไม่ตรงกับความต้องการของนาง”

“ข้ารู้แล้ว แต่ข้าและหลี่หงซูไม่เหมือนกัน เราแค่อยู่ในสังคมเดียวกัน ผู้คนรอบตัวพูดถึงกิตติศัพท์ของนางให้ข้าฟังบ่อย ๆ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับความเชื่อมั่นของข้าที่มีต่อท่าน ข้ายังคงเชื่อในตัวท่านอยู่เสมอ”

“เอาล่ะ ในเมื่อคุณหนูมั่นในตัวข้า ข้าก็จะทำให้ดีที่สุด ข้าจะลงมือทำไปก่อน หากคุณหนูไม่พอใจ ข้าจะไม่เรียกเก็บเงินจากคุณหนู”

“หากท่านทำเช่นนั้นข้าคงลำบากใจไม่น้อย ข้ารบกวนท่านให้ช่วยเป็นธุระให้ จะไม่จ่ายให้ท่านเลยได้อย่างไร”

“ข้ารู้ว่าท่านไม่ใช่คนเช่นนั้น”

ทั้งสองจ้องมองกันแล้วคลี่ยิ้ม

หลังจากทำข้อตกลงแล้ว เจิ้งซูอวี้ก็พามู่ซืออวี่ไปยังร้านใหม่ของนาง

“ไกลทีเดียว”

เจิ้งซืออวี่กล่าวอย่างเย็นชา “ใช่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นอะไร ความสามารถของข้า แม้จะถูกจัดให้อยู่ท่ามกลางเหล่าขอทาน ข้าก็เอาชนะนางได้”

มู่ซืออวี่ตบไหล่อีกฝ่ายเบา ๆ “ดีกว่าอยู่ในตัวเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย สถานที่แห่งนี้สะอาดตา จะสร้างประโยชน์ได้ในอนาคตอย่างแน่นอน เชื่อข้าเถิด…”

“แน่นอน ข้าเชื่อท่าน” เจิ้งซูอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “หากข้าไม่เชื่อท่าน ข้าก็คงไม่ฝากเรื่องสำคัญเช่นนี้ให้อยู่ในมือท่าน หอหลิงอวิ๋นกำลังจะถูกพ่อของข้ายึดครอง แต่ท่านไม่ต้องกังวล เขาชื่นชมงานหีบไม้ของท่านมาก ข้อตกลงระหว่างเราเลยไม่ถูกยกเลิก”

หลังออกมาจากร้าน นางก็หันมองเพื่อสังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบอีกครั้ง

“ที่นี่เป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่หรือ?”

“ที่นี่เป็นถิ่นทุรกันดาร ผู้คนไม่ค่อยเดินทางมาถึงนัก มีบ้านพักอาศัยของชาวบ้านอยู่ไม่ไกล เล่าขานกันว่าเมื่อนานมาแล้วที่โล่งแห่งนี้เป็นตลาดขนาดเล็ก แต่เดี๋ยวนี้แห้งแล้ง ตลาดที่เคยมีก็ย้ายไปอยู่ที่อื่นแล้ว เลยไม่มีผู้ใดย่างกรายเข้ามาที่นี่”

“คุณหนูปิดล้อมพื้นที่ให้ข้าเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “ยิ่งปิดล้อมได้นานเท่าไหร่ก็ยิ่งดีเท่านั้น”

“ท่านจะทำสิ่งใดหรือ?”

“ฟังข้า แล้วทุกอย่างจะดีเอง”

เจิ้งซูอวี้พยักหน้า

“ข้าสำรวจเสร็จสิ้นแล้ว มีความคิดดี ๆ มากมายเชียว หากคุณหนูมีเวลามากพอ ข้าจะวาดแบบให้คุณหนูเสียตอนนี้ แต่หากคุณหนูไม่มีเวลา ข้าจะวาดแล้วนำแบบมาให้ในวันหลัง”

“วันนี้ข้าไม่มีสิ่งใดต้องทำ หากเป็นเช่นนั้นเราก็กลับไปยังหอหลิงอวิ๋นเถิด พูดคุยถึงธุระของเราให้เสร็จสิ้นในวันนี้”

“ดีเลย”

ณ ห้องหนังสือของหอหลิงอวิ๋น มู่ซืออวี่กำลังวาดภาพแบบอย่างเงียบงัน ขณะที่เจิ้งซูอวี้จัดการดูแลความเรียบร้อยของหอหลิงอวิ๋น

“แม้หอหลิงอวิ๋นจะถูกส่งมอบให้กับพ่อของคุณหนู แต่ในฐานะทายาทหมายเลขสองของตระกูลเจิ้ง นางยังคงมีสิทธิ์และอำนาจที่นี่ อีกทั้งคนงานในหอหลิงอวิ๋นก็เชื่อฟัง พวกเขาทำตามทุกคำสั่ง”

หลังจากวาดภาพเสร็จ มู่ซืออวี่ก็เงยหน้าขึ้นเห็นเจิ้งซูอวี้ที่กำลังจัดความเรียบร้อยของหอหลิงอวิ๋นพร้อมผู้ช่วยหลายคน ดูจากรูปลักษณ์ที่โดดเด่นของอีกฝ่ายแล้ว หากอยู่ในยุคปัจจุบัน จะต้องเป็นนายหญิงแห่งโลกธุรกิจแน่นอน

“กฎแห่งหอหลิงอวิ๋นของเรา ลูกค้ามีสิทธิ์ดูสินค้าได้ตามที่พวกเขาต้องการ และเจ้าก็ไม่ควรตัดสินผู้คนจากรูปร่างหน้าตาหรือรูปลักษณ์ภายนอก เพราะหากได้พบผู้ใดที่รู้สึกไม่สบายใจในเรื่องนี้ นั่นก็จะเป็นงานยากสำหรับเจ้า หากลูกค้าเข้ามาด้วยความหยาบคาย เจ้าก็ต้องขอร้องให้พวกเขาจากไปอย่างสุภาพ เราทำการขายสินค้าไม่ใช่ศักดิ์ศรี วันนี้ไฉ่เอ้อร์ถูกต่อว่าด่าทออยู่นาน ชิวซวงหรูอวิ๋นไม่ได้อยู่ที่นี่ก็จริง แต่พวกเจ้ากลับไม่รู้วิธีหยุดนางหรือเกลี้ยกล่อมให้จากไปหรือ? เพื่อเป็นการลงโทษ ข้าจะงดจ่ายเงินค่าตอบแทนของพวกเจ้าในวันนี้”

ทุกคนก้มหน้าฟังการสั่งสอนอย่างตั้งใจ

แม้เจิ้งซูอวี้จะกล่าวอย่างไร้ความปรานี แต่ทุกคนก็เชื่อมั่นในตัวนาง

“ลูกค้าผู้นั้นมาได้อย่างไร?”

“คุณหนูรอง หญิงผู้นั้นเป็นหญิงบำเรอของนายอำเภอฉิน” หวังก่วงซือกล่าว

“แม้จะเป็นนางบำเรอ พวกเจ้าก็จะปล่อยให้นางอาละวาดในร้านโดยลืมกฎที่ข้าเคยตั้งไว้อย่างนั้นหรือ?” เจิ้งซูอวี้ขมวดคิ้ว “นับจากนี้ไปพวกเจ้าก็จงทำตามที่ข้าบอก ข้าจะเดินทางไปหาเขา ให้นางขอโทษด้วยตนเอง”

มู่ซืออวี่เลิกคิ้วพลางจ้องมองอย่างเงียบงัน

ยอมรับความผิดหรือ?

ข้าเกรงว่าจะเป็นฝันร้ายของนางบำเรอผู้นั้นเสียแล้วสิ

นายอำเภอฉินเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ด้วยอุปนิสัยของเขา เขาจะไม่ยอมให้ผู้ใดดูถูกหรือทำลายชื่อเสียงเป็นแน่ วันดี ๆ ของนางบำเรอผู้นี้อาจกำลังจะจบลง

มู่ซืออวี่กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ดูเถิด มีเรื่องมากมายให้คุณหนูต้องจัดการ ข้ารบกวนคุณหนูมากเกินไปหรือไม่”

“ไม่หรอก ตอนนี้ท่านก็วาดแบบเสร็จสิ้นแล้ว เล่ารายละเอียดให้ข้าฟังเถิด”

“ได้สิ”

มู่ซืออวี่ชี้ไปยังรูปภาพเหล่านั้นพลางอธิบาย

ในขณะที่นางกำลังบรรยายรายละเอียด แววตาของเจิ้งซูอวี้ก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

หลังจากมู่ซืออวี่กล่าวจบ เจิ้งซูอวี้จึงสวมกอดอีกฝ่ายทันที “ข้าคิดไว้แล้วว่าข้าตัดสินใจไม่ผิด ท่านทำให้ข้าประหลาดใจมาก”

“โปรดดูก่อนเถิดว่ามีสิ่งใดต้องแก้ไขหรือไม่”

“ไม่มี ทุกอย่างที่ถูกวาดมาในแบบนี้ล้วนดีทั้งสิ้น”

“ดูแบบแล้วเลือกแบบที่ชอบที่สุดเถิด”

“สำหรับข้า ทุกแบบล้วนงดงาม” เจิ้งซูอวี้กล่าวอย่างลังเล “เช่นนั้นก็ทิ้งภาพแบบไว้ที่นี่ก่อน หลังจากเลือกได้ข้าจะบอกท่าน หลี่หงซูช่างตาบอดที่ไม่ชื่นชอบแบบของท่าน”

“ข้าไม่อาจว่าสิ่งใดนางได้ ทุกคนล้วนชื่นชอบและหลงใหลในสิ่งที่แตกต่างกัน บางทีการออกแบบของข้าอาจไม่ใช่สิ่งที่นางชื่นชอบ” มู่ซืออวี่กล่าว “ตอนนี้ข้าต้องขอตัวก่อน”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset