สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 131 สายเกินไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังรู้จักกลับมา

บทที่ 131 สายเกินไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังรู้จักกลับมา

บทที่ 131 สายเกินไปแล้ว แต่เจ้าก็ยังรู้จักกลับมา

ความมืดย้อมท้องฟ้าราวกับน้ำหมึกหกย้อมกระดาษ มีเพียงแสงสีเงินจาง ๆ สาดส่องลงมาบนพื้นโลก ทิ้งไว้เพียงเงาให้ได้เห็น

มู่ซืออวี่ยืนกอดตัวเองแน่นที่เชิงเขา นางกระทืบเท้า จ้องมองไปยังทางเดินลงจากภูเขาเป็นครั้งคราว

สวบ…

มีคนลงจากภูเขา

นางเป่าคบเพลิงในมือ หยิบคบเพลิงบนพื้นขึ้นจุดไฟแล้วยื่นไปทางต้นตอของเสียง

“ลู่อี้ ใช่เจ้าหรือเปล่า?”

“เหตุใดเจ้าจึงมาอยู่ที่นี่?”

ชายหนุ่มที่แบกหมูป่าไว้บนบ่าถามนางด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาของมู่ซืออวี่หรี่ลง นางกล่าวอย่างกระวนกระวายทันที “ตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ข้าแค่มาดูว่าเหตุใดเจ้าจึงยังไม่กลับบ้าน?”

ลู่อี้ชะงักทันทีเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนี้ คำพูดนี้ทำให้ท่าทางดุร้ายของนางกลายเป็นน่าสงสาร

ความอ่อนโยนฉายชัดในแววตาเขา มุมปากเขาก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย

มู่ซืออวี่ก้าวไปข้างหน้า เมื่อนางเห็นหมูป่าตัวใหญ่ที่เขาแบกอยู่ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ “เจ้าล่าหมูป่าได้อีกแล้ว”

“ตอนที่ข้าขึ้นไปบนภูเขา ข้าเห็นรอยกีบเท้าของหมูป่าอยู่ในกับดัก ข้าเดาว่ามันอยู่ไม่ไกลนักจึงวิ่งไล่ตามไปดู ทว่าเจ้าหมูตัวนี้กลับฉลาดแกมโกง หนีข้าไปได้หลายครา แต่สุดท้ายข้าก็จับมันได้”

“ตัวนี้ใหญ่กว่าตัวที่แล้ว ต้องจับยากมากแน่ อันตรายมากด้วย เจ้านี่เก่งจริง ๆ”

มู่ซืออวี่ไม่ตำหนิเขาอีกต่อไป และเมื่อเห็นรอยแผลและเลือดของเขา นางก็กล่าวอย่างเป็นทุกข์ทันที “เรากลับกันเถอะ!”

“เจ้าเดินไปก่อน”

“เจ้าเดินนำหน้าเถอะ ข้าจะจุดคบเพลิงตามหลังให้” มู่ซืออวี่เร่งเขา “เร็วสิ”

ลู่อี้จึงแบกหมูป่าเดินนำด้านหน้า

เขาเดินบนถนนสายนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ระยะทางในวันนี้รู้สึกสั้นกว่าที่เคย ไม่นานทั้งสองก็มาถึงบ้านของถงซื่อ

ถงซื่ออุ้มลู่จื่ออวิ๋นไว้ในอ้อมแขนพลางจ้องไปที่ประตู เมื่อเห็นว่าทั้งสองเดินทางกลับมา นางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “เหตุใดจึงขึ้นไปบนภูเขาสูงเล่า ออกล่าสัตว์ใหญ่หรือ?”

“ท่านพ่อ ท่านล่าหมูป่าได้อีกแล้ว!” ลู่จื่ออวิ๋นตะโกนด้วยความดีใจ “ท่านพ่อเก่งที่สุด!”

“ท่านคงเป็นห่วงน่าดู” ลู่อี้โยนหมูป่าลงบนพื้น “ตอนขึ้นไปบนภูเขา ข้าเห็นว่ากับดักถูกขยับกับเห็นรอยกีบเท้าของหมูป่า ข้าเลยมองหามัน แต่พอเจอก็ต้องล่าอยู่นาน”

“ลูกอวี่เป็นห่วง นางรอเจ้าอยู่ที่บ้าน เห็นว่าเวลาผ่านไปนานแล้วแต่เจ้ายังคงไม่กลับมา นางเลยออกไปตามหาเจ้า” ถงซื่อกล่าว “ข้าอุ่นอาหารไว้ให้ในหม้อ รีบไปกินเถิด”

ขณะที่ลู่อี้กำลังพูดคุยกับถงซื่อ มู่ซืออวี่ก็นำผ้าชุบน้ำเย็นออกมา นางบิดจนหมาดแล้วยื่นให้เขาเช็ดหน้า “เช็ดหน้าก่อนแล้วค่อยไปล้างมือ”

ลู่อี้รับผ้ามาพลางเอ่ยว่า “ข้าจะไปอาบน้ำ”

“เจ้าไม่หิวหรือ? กินก่อนจึงไปอาบน้ำเถิด” มู่ซืออวี่กล่าว “เจ้าเคยชินกับการอาบน้ำเย็น วันนี้อากาศค่อนข้างเย็น อาบน้ำอุ่นดีกว่า”

“ข้าชินแล้ว ไม่รู้สึกหนาวหรอก เรามากินข้าวกันก่อนเถอะ”

มู่ซืออวี่นำอาหารออกมาจากห้องครัว

ลู่อี้กล่าวขอบคุณนางแล้วนั่งลง

เสียงของหญิงมากมายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ดังขึ้นจากด้านนอก พวกนางต่างตกตะลึงกับขนาดของหมูป่าที่ใหญ่มาก จากนั้นก็ชื่นชมลู่อี้ว่าเป็นนักล่าที่ยอดเยี่ยม

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ลู่อี้ก็เดินกลับเข้าไปที่ห้อง ก่อนจะพบว่ามู่ซืออวี่กำลังจัดเตียงอยู่

เมื่อเห็นลู่อี้เดินเข้ามา นางก็กล่าวเสียงกระท่อนกระแท่น “ห้องของน้องชายเจ้าเล็กเกินไป แออัดเกินกว่าชายร่างใหญ่สองคนจะอยู่ร่วมกันได้ เช่นนั้น… เช่นนั้นก็นอนที่นี่ก่อนเถิด”

ลู่อี้ส่งเสียงตอบรับในลำคอพลางเดินเข้าไป

มู่ซืออวี่ชำเลืองมองเขาอย่างระมัดระวัง “ข้าไม่ควรทำผิดต่อเจ้าเลย ข้าขอโทษ!”

ลู่อี้ค่อย ๆ เดินเข้าใกล้นาง ทว่านางกลับถอยหลังให้ห่างออกไป

“ข้าบอกว่าข้าขอโทษไง…”

เขาจะตบนางเป็นการลงโทษอย่างนั้นหรือ?

นางก้าวถอยหลังไปอย่างเชื่องช้าทีละก้าว สุดท้ายก็ล้มลงบนเตียง นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้น

ลู่อี้เอื้อมมือข้างหนึ่งคว้าเสื้อผ้าที่วางอยู่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้าแค่จะหยิบเสื้อก็เท่านั้น…”

ตอนนี้ระยะห่างระหว่างทั้งสองเหลือไม่มากนัก ลมหายใจของเขารินรดใบหน้านาง

มู่ซืออวี่รู้สึกได้ถึงความร้อนผ่าวตรงหน้าแก้ม ไม่กล้าสบตาเขาแต่อย่างใด

หลังจากหยิบเสื้อผ้า สายตาของเขาก็เบือนไปทางอื่น นางจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที

ลู่อี้หยิบเสื้อผ้าแล้วเดินจากไป

ส่วนมู่ซืออวี่ฉวยโอกาสห่มผ้าแล้วรีบเข้านอนทันที

เมื่อลู่อี้กลับมาอีกครั้งก็พบว่าภรรยาของเขาหลับใหลไปแล้ว

เมื่อเห็นนางหลับสนิท เขาก็เผยรอยยิ้มออกมา

อันที่จริงคำพูดของนางในวันนี้ทำให้เขารู้สึกโกรธเล็กน้อย แต่เมื่อได้เห็นความห่วงใยที่นางมีให้ ความรู้สึกโกรธและรำคาญใจทั้งหมดก็จางหายไป

สายตาของเขาจับจ้องไปยังแก้มแดงระเรื่อของนาง

ดูเหมือนนางจะเหน็ดเหนื่อยและสูญเสียน้ำในร่างกายไปมาก

เช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อมู่ซืออวี่ตื่นขึ้นมาก็พบว่าหมูป่าหน้าบ้านได้หายไปแล้ว

“ท่านแม่ หมูป่าล่ะ?”

“ลูกเขยเอาไปให้หัวหน้าหมู่บ้านแล้ว” ถงซื่อเช็ดมือ “เอ้า ส่วนนี่คือเงิน”

“จริงสิ โรงตุ๋นเนื้อในหมู่บ้านเปิดขึ้นแล้ว เนื้อหมูกำลังเป็นที่ต้องการ” มู่ซืออวี่รับเงินมาพลางกล่าวด้วยความแปลกใจ “เหตุใดจึงมากมายนัก?”

เวลานี้ถงซื่อเดินไปยังริมแม่น้ำพร้อมอ่างในอ้อมแขน นางนั่งลงกำลังจะซักผ้า ทันใดนั้นบุคคลผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นจากฝั่งตรงข้าม หญิงผู้นั้นทิ้งเสื้อผ้าลงในถังไม้ของนางพลางกล่าวด้วยสีหน้ากระวนกระวาย “ซักให้ข้าด้วย”

“ป้าเจียง ท่าน…” ถงซื่อขมวดคิ้ว

“เจ้าเรียกข้าว่าอย่างไรนะ?” แม่เฒ่าเจียงตกตะลึง

“ป้าเจียง” ถงซื่อหยิบเสื้อผ้าของอีกฝ่ายออกมาแล้วใส่กลับลงไปในถังไม้ของแม่เฒ่าเจียง “ข้าต้องขออภัย ข้ารีบ ไม่มีเวลาช่วยท่านซักหรอก”

“เจ้านี่ไร้ยางอายจริง ๆ” แม่เฒ่าเจียงด่าออกมาด้วยความโกรธ

ถงซื่อที่มักจะซ่อนตัวด้วยความหวาดกลัว ทว่าตอนนี้กลับยืนกรานอย่างแข็งขัน

หรือเพราะมีลูกสาวกับลูกเขยหนุนหลังถึงได้กล้าแข็งข้อ

หญิงราวสองสามคนที่เดินมาซักผ้าในวันนี้ต่างหัวเราะเยาะเมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“ป้าเจียง น้องสะใภ้ถงไม่ใช่ลูกสะใภ้ของท่านอีกต่อไป นางไม่ต้องซักผ้าให้ท่านอีกแล้ว ท่านควรทำด้วยตนเอง”

“นั่นสิ”

“เอาเถิด พี่สะใภ้ถง ป้าเจียงเองก็แก่ชรามากแล้ว แม้นางจะไม่ใช่แม่ยายของท่านอีกต่อไป แต่ก็ยังถือเป็นคนคุ้นเคย เสื้อผ้าเพียงไม่กี่ตัว เหตุใดท่านจึงไม่ช่วยนางซักเล่า?”

“หากจะกล่าวเช่นนั้น เจ้าก็มาช่วยนางซักเถิด”

“ข้าไม่เคยเป็นลูกสะใภ้ของนาง”

“เกรงว่าหากอยากเป็นเจ้าก็คงเป็นไม่ได้ มู่ต้าซานต้องการแต่งงานกับหญิงที่ทั้งสาวและสวย แต่เจ้าชราพอ ๆ กับป้าเจียง”

“หึ! ปากเน่าเสียจริง ผีเจาะปากพวกเจ้ามาพูดหรืออย่างไร?” แม่เฒ่าเจียงสบถด่าทอหญิงเหล่านั้น

“ป้าเจียง เราทุกคนต่างมีจิตใจดี แล้วเหตุใดท่านจึงไม่รู้จักความดีความชั่วเล่า?”

ทุกคนหัวเราะเยาะอีกครั้ง

ถงซื่อไม่สนใจพวกนาง ก้มหน้าลงซักผ้าของตนต่อไป

โครม!

แม่เฒ่าเจียงเตะถังไม้ของถงซื่อจนกระเด็นตกน้ำแล้วลอยไปไกล

สีหน้าของถงซื่อเต็มไปด้วยความรังเกียจ นางยืนขึ้นทันที “ป้าเจียง ท่านทำไปเพื่ออะไร?”

แม่เฒ่าเจียงมองมาอย่างเย็นชา “หากข้าบอกว่าข้าจงใจทำ แล้วเจ้าจะทำอย่างไร?”

ตลอดเวลาที่ผ่านมา ถงซื่อถ่อมตัวและเชื่อฟังนางมาโดยตลอด แม่เฒ่าเจียงจึงไม่คิดว่าถงซื่อจะลุกขึ้นต่อต้านนางในสักวันหนึ่ง หญิงชราใจจืดใจดำ ไม่เคยแสดงความเมตตาต่อถงซื่อ

สัญชาตญาณเดิมเริ่มทำให้ถงซื่อรู้สึกหวาดกลัวแม่เฒ่าเจียง

โดยเฉพาะเมื่อได้เห็นสายตาของแม่เฒ่าเจียงที่จับจ้องมา นางอดไม่ได้ที่จะตัวสั่นเทา

ในอดีต หากมีเรื่องราวที่ทำให้รู้สึกไม่พอใจ แม่เฒ่าเจียงมักจะทุบตีถงซื่อด้วยสิ่งของรอบตัว และจะไม่หยุดจนกว่าจะเหนื่อยล้า

ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทางขี้ขลาดของถงซื่อ แม่เฒ่าเจียงก็แสยะยิ้ม

“ไม่ว่าเจ้าจะดูอาจหาญขึ้นมากเพียงใด เจ้าก็ยังไม่กล้าทำอะไรข้า”

นางกล่าวจบแล้วก็เดินจากไปอย่างมีชัย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset