สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 155 ได้ยินหรือยัง? ลู่อี้ได้เลื่อนขั้นแล้ว

เอ้อร์โก่วร้องไห้โฮ ผู้เป็นย่าอย่างจงซื่อเห็นแล้วปวดใจ แต่นางไม่กล้าอาละวาดอีก

หัวหน้าหมู่บ้านมองนางด้วยสายตาคมกริบ

ตอนนี้ลู่อี้เป็นจู่ปู้ มีเพียงคนโง่เท่านั้นที่จะกล้าล่วงเกินเขา ในเวลานี้สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องพยายามสร้างความสัมพันธ์อันดีกับเขาต่างหาก

“เอาล่ะ ๆ รีบขอโทษเด็กเหล่านี้เถอะ!” หัวหน้าหมู่บ้านเร่ง

“ลูกชายข้าบอกแล้วว่าจะไม่รับคำขอโทษ ให้พวกเขาออกไปจากบ้านของพวกเราก็พอแล้ว อย่าทำให้บ้านของเราต้องแปดเปื้อน” มู่ซืออวี่พูดอย่างรังเกียจ

“รีบไปเร็ว ๆ” หัวหน้าหมู่บ้านดึงเอ้อร์โก่วออกไปข้างนอก

จงซื่อต้องปกป้องเอ้อร์โก่วจึงเดินตามเขาออกไป

ถึงตอนนี้ สายตาที่ชาวบ้านใช้มองมู่ซืออวี่เปลี่ยนไปแล้ว

ลู่อี้เป็นจู่ปู้เชียวนะ! เช่นนั้นมู่ซืออวี่ผู้นี้ก็นับว่าเป็นฮูหยินของเจ้าหน้าที่ทางการแล้วใช่หรือไม่?

มู่ซืออวี่ปิดประตูบ้าน ปิดกั้นสายตาสอดรู้สอดเห็นจากข้างนอก

หลังจากประตูปิดลง นางก็ลูบอกตัวเองเบา ๆ แล้วยกนิ้วให้ลู่ฉาวอวี่ “ไอ้หนู แสดงเก่งใช่ย่อย”

นางเดินเข้าไปหาเขา “เจ้าทำอะไรกับหน้าของเจ้า? ไหนให้ข้าดูซิ”

ลู่ฉาวอวี่เห็นนางใกล้เข้ามาก็หลบไปด้านข้าง

ยิ่งเขาหลบ นางยิ่งอยากเห็นมากกว่าเดิม ด้วยเหตุนี้แม่และลูกชายจึงวิ่งไล่จับกันอยู่ที่ลานบ้าน

โฮ่ง ๆ!

เสี่ยวเฮยกระดิกหางไปมา วิ่งไล่ตามหลังมู่ซืออวี่ กลายเป็นภาพสนุกสนานครึกครื้นขึ้นมาทันที

ลู่จื่ออวิ๋นคอยหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง

สุดท้ายลู่ฉาวอวี่ก็ตกอยู่ในมือของมู่ซืออวี่ เด็กชายยอมจำนนต่อโชคชะตา หลับตาลงรอฟังเสียงหัวเราะของมู่ซืออวี่ ทว่าเขารู้สึกได้ถึงบางสิ่งที่อ่อนนุ่มกำลังสัมผัสแก้มของเขา

ลู่ฉาวอวี่ลืมตาขึ้นมา เห็นเพียงสตรีที่อยู่ตรงหน้าส่งยิ้มให้ พลางเช็ดแป้งฝุ่นออกจากใบหน้าของเขาด้วยผ้าเช็ดหน้า

ไม่ผิด เขาใช้แป้งและผงชาดของมู่ซืออวี่สร้างบาดแผลขึ้นมา ทำให้สภาพของตนดูย่ำแย่กว่าเดิม

“เจ้าคอยฟังคำพูดของข้าอยู่ข้างใน ตั้งใจทำให้ตัวเองเป็นอย่างนี้เพื่อร่วมมือกับข้าใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามขึ้นมา

“บาดแผลของพวกเราไม่ร้ายแรง อีกทั้งพวกเรายังมีถึงสามคน ถึงแม้เอ้อร์โก่วจะเป็นคนเริ่มก่อน แต่เจ้านั่นก็อาจกล่าวหาว่าพวกข้ารุมกลั่นแกล้งเขา หากเปลี่ยนเรื่องให้เป็นฝ่ายเราที่อ่อนแอถูกรังแก อีกฝ่ายที่ชื่อเสียงไม่ดีมาตั้งแต่แรกก็จะไม่มีใครเข้าข้าง”

“ถึงเจ้าไม่ทำอย่างนี้…”

“ไม่ทำเช่นนี้คงหลีกเลี่ยงเขาไม่ได้ เดี๋ยวก็ยุ่งยากเสียเปล่า ๆ เหตุใดต้องเสียเวลาในเมื่อมีหนทางที่ง่ายกว่า?” ลู่ฉาวอวี่พูดเรียบ ๆ

“เช่นนั้นบอกข้ามา เหตุใดถึงไม่ยอมรับว่าพวกเราทำจริง ๆ อย่างไรเสียเอ้อร์โก่วก็เป็นคนเริ่มก่อน พวกเรามีสิทธิ์ที่จะปกป้องตัวเอง”

“ท่านพ่อได้เลื่อนขั้นแล้ว มีคนอิจฉาไม่น้อย หากพวกเราเหิมเกริม ชาวบ้านก็จะรังเกียจเรา แสดงความอ่อนแอแล้วก็ต้องแสดงความเข้มแข็งด้วย แสดงความอ่อนแอเพื่อทำให้พวกเขาได้เข้าใจ พวกเราไม่ใช่คนก่อเรื่องก่อน แสดงความเข้มแข็งก็เพื่อทำให้คนพวกนั้นได้รู้ซึ้งว่า หากไม่วุ่นวายกับพวกเราก็คุยกันง่าย แต่ถ้ายังมาล่วงเกินพวกเรา เช่นนั้นเราก็จะตัดกรงเล็บให้เหี้ยน”

มู่ซืออวี่ลูบหัวของลู่ฉาวอวี่

ลู่ฉาวอวี่ตัวแข็งทื่อ จากนั้นจึงปัดมือนางออก “อย่ามาลูบ ข้าไม่ใช่เสี่ยวเฮย”

“แน่นอนเจ้าไม่ใช่เสี่ยวเฮย เสี่ยวเฮยไม่คิดมากมายเช่นเจ้าหรอก” มู่ซืออวี่กล่าว “อายุน้อยแค่นี้จะกังวลมากมายไปไย เดี๋ยวก็แก่ก่อนวัยพอดี จริงสิ น้าของเจ้าเป็นลมไปแล้วจริง ๆ หรือ?”

“ท่านพี่…” มู่เจิ้งหานพิงอยู่กับหน้าต่าง “แหะ ๆ”

มู่ซืออวี่เห็นเด็ก ๆ เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยก็หัวเราะออกมาเสียงดัง

“เด็กหัวหมอพวกนี้ ภายหน้าใครเป็นศัตรูของพวกเจ้าคงโชคร้ายแล้ว”

ยามบ่าย ช่วงเวลาแลกเปลี่ยนความรู้ของเหล่าพี่ป้าน้าอาก็เริ่มขึ้น หัวข้อในวันนี้เป็น ‘ได้ยินหรือยัง? ลู่อี้ได้เลื่อนขั้นแล้ว’ ทุกคนจึงพูดคุยกันในหัวข้อจู่ปู้คือตำแหน่งทางการอะไร มีหน้าที่รับผิดชอบในส่วนไหน

หลังจากกระจ่างแล้ว ทุกคนล้วนตะลึงงัน ตำแหน่งจู่ปู้นี้สำหรับพวกเขาแล้วเป็นตำแหน่งทางการที่ ‘ใหญ่โต’ รับผิดชอบมากมายหลายสิ่ง

“ลู่เซวียน เจ้าว่าชุ่ยของบ้านเราเป็นอย่างไร?”

“หรงเอ๋อร์บ้านพวกเราก็ไม่เลว! หลานสาวข้าคนนี้งดงามราวกับดอกไม้เชียวนะ”

“เจ้าลองเอาหลานสาวของข้าไปพิจารณาดู…”

ในตอนที่มู่ซืออวี่กลับมาจากแปลงผัก ก็เห็นลู่เซวียนถูกสตรีหลายนางกักตัวไว้ สีหน้าดูเบื่อหน่ายอย่างสุดจะกลั้น

“ท่านอา พวกท่านกำลังทำอะไรหรือ?”

“ภรรยาลู่อี้กลับมาแล้ว” หญิงหลายนางเห็นมู่ซืออวี่ก็ทักทายนางอย่างเอาอกเอาใจ “เราอยากจะมาสานสัมพันธ์น่ะ”

“ใช่แล้ว หลานสาวของข้าคนนั้นไม่เลวจริง ๆ สมกันกับน้องสามีของเจ้าราวกับกิ่งทองใบหยก”

“หลานสาวของข้าก็หน้าตาสะสวยงดงามเหมือนกัน!”

ลู่เซวียนเห็นมู่ซืออวี่กลับมาแล้วจึงผละออกไป

เมื่อเดินมาถึงประตู ลู่เซวียนก็เอ่ยขึ้น “ข้ายังไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องเกี่ยวดอง”

กล่าวจบเขาก็กลับเข้าไปในห้อง

มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ “ทุกท่านก็เห็นแล้ว อารมณ์ของน้องชายสามีข้ามักจะเป็นเช่นนี้ เขาบอกว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องเกี่ยวดอง เช่นนั้นก็ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องดองกัน พวกเราซาบซึ้งใจต่อความปรารถนาดีของทุกท่าน”

“น้องสามีบ้านเจ้าอายุอานามก็ถึงวัยพูดคุยเรื่องแต่งงานแล้ว เหตุใดถึงไม่คุยเรื่องเกี่ยวดอง? ภรรยาลู่อี้ เจ้าเป็นพี่สะใภ้ก็ต้องช่วยจัดการให้เขา เขายังจะกล้าพูดว่าไม่ได้อีกหรือ?”

“นั่นสิ พี่สะใภ้ใหญ่ก็เหมือนแม่นั่นแหละ!”

“น้องสามีของข้ายังเป็นเด็กหนุ่ม ไม่รีบร้อน ไม่สิ อีกไม่นานเขาก็จะไปสอนที่สำนักศึกษาหมู่บ้านข้าง ๆ เขาจะต้องยุ่งทั้งวันเป็นแน่ ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องเหล่านี้หรอก” มู่ซืออวี่เอ่ยนิ่ง ๆ

“ลู่เซวียนจะไปสอนหนังสือที่สำนักศึกษาหมู่บ้านข้าง ๆ รึ?” สตรีหลายนางประหลาดใจ

“อืม”

“ร่างกายเขาดีขึ้นแล้วหรือ?”

“ดีขึ้นนานแล้ว” มู่ซืออวี่ตอบ “น้องสามีข้าไม่อยากพูดจริง ๆ เขาไม่อยากแต่งงาน ข้าในฐานะพี่สะใภ้ก็บังคับเขาไม่ได้”

“เจ้าลองคิดดูอีกที”

เทียบกับเมื่อครู่นี้ หญิงเหล่านี้กลับกระตือรือร้นขึ้นมากกว่าเดิม

เดิมทีพวกเขามาเป็นแม่สื่อแม่ชักเพราะลู่อี้ได้เลื่อนขั้น อันที่จริงยังคงดูแคลนลู่เซวียนอยู่บ้าง

ไม่ว่าลู่เซวียนจะหน้าตาดีขนาดไหน เขาก็เป็นแค่คนมีการศึกษาอ่อนแอคนหนึ่ง ทั้งยังต้องทานยาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ทั้งที่มีการศึกษา แต่ครอบครัวกลับยากจน ตอนนี้ร่างกายของเขาแข็งแรงแล้ว และยังสามารถหาเงินให้ครอบครัวได้ จึงน่ายินดีขึ้นมาบ้าง

มู่ซืออวี่พูดจาหว่านล้อมส่งหญิงเหล่านั้นกลับไป

“ยุ่งยากจริง ๆ” มู่ซืออวี่บ่น “คนพวกนี้ความกระตือรือร้นลุกโชนยิ่งกว่าไฟ”

สองสามวันต่อมา ก่อนที่บ้านของครอบครัวลู่จะเสร็จดี มู่ซืออวี่ก็ทำร้านของเจิ้งซูอวี้เสร็จสิ้นแล้ว

เจิ้งซูอวี้มองร้านที่อยู่ตรงหน้าแล้วหัวเราะออกมา “เป็นดังคาด สายตาข้ามองไม่ผิดจริง ๆ”

หลี่หงซูเอ่ยอยู่ข้าง ๆ “ข้าควรตีสาวใช้สมควรตายคนนั้นจริง ๆ ไม่ใช่ปล่อยนางไปง่าย ๆ เช่นนี้”

“คุณหนูหลี่ สาวใช้คนนั้นที่ท่านเอ่ยถึงชื่อซือเจียวใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่ถามขึ้น

“ท่านรู้จักนางรึ?” หลี่หงซูกล่าว “ใช่สิ ต้องรู้จักนางแน่ ๆ ไม่เช่นนั้นนางคงไม่จงใจก่อกวนกิจการของท่าน”

“นางเป็นญาติผู้พี่ของข้า” มู่ซืออวี่เอ่ยว่า “จะว่าไปแล้วเรื่องนี้เป็นความแค้นของพวกเราพี่น้อง ไม่นึกว่าจะดึงคุณหนูหลี่เข้ามาเกี่ยวข้อง”

“แม้แต่น้องสาวแท้ ๆ ของตนเองก็ออกอุบายทำร้ายได้ จวนสกุลหลี่ของเรายิ่งไม่อยากเอาไว้” หลี่หงซูถามต่อไปว่า “เมื่อไหร่ท่านจะมีเวลา? ห้องของข้ายังไม่ได้ทำเลย ท่านช่วยข้าทำให้เสร็จเถิด”

“อาจจะต้องใช้เวลาอีกสักระยะ บ้านของข้าใกล้จะสร้างเสร็จแล้ว มีหลายอย่างที่ยังน่าเป็นห่วง ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้อาจจะยังทำไม่ได้”

หลี่หงซูไม่พอใจมากกว่าเดิม

เจิ้งซูอวี้มองชุดที่สวมอยู่บนหุ่นไม้ ยิ่งมองยิ่งรู้สึกชอบ นางขอให้มู่ซืออวี่ทำหุ่นไม้แบบนี้ให้นางอีกมากมาย ถึงตอนนั้นจะได้ใส่ให้มากหน่อย

“แต่ว่าทำเลของเจ้าห่างไกล เสื้อผ้าที่ขายก็ราคาแพง มีเพียงเหล่าฮูหยินและแม่นางจากครอบครัวมีฐานะถึงจะซื้อได้ เจ้าคิดจะทำอย่างไร?” หลี่หงซูหันมาถามเจิ้งซูอวี้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset