สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 158 อยู่ ๆ ก็ทำท่ายันกำแพง

บทที่ 158 อยู่ ๆ ก็ทำท่ายันกำแพง

ลู่เซวียนมองทั้งสองสลับกันพลางเคี้ยวแป้งทอดกร้วม ๆ “เหตุใดพวกเจ้าสองคนจึงพิลึกพิลั่นเช่นนี้ สามีภรรยาที่ไหนเป็นแบบนี้กัน?”

มู่ซืออวี่เงยหน้าขึ้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “น้องสามีดูเหมือนจะมีประสบการณ์เยอะ ดีเลย ถือโอกาสที่พี่ใหญ่เจ้ากำลังพักผ่อน ไม่สู้วันนี้ก็จัดการเรื่องการแต่งงานของเจ้าเสียเลย?”

ลู่เซวียนที่กำลังกินแป้งทอดชะงัก จ้องมู่ซืออวี่เขม็งราวกับกระรอกที่กำลังโกรธทั้งที่ปากยังเต็มไปด้วยแป้งทอด

มู่ซืออวี่ไม่สนใจเขา หันกลับไปหาลู่อี้แล้วเอ่ยว่า “หมู่นี้เจ้าออกไปแต่เช้ากลับมาก็มืดค่ำ ไม่รู้ว่าน้องสามีต้องต้อนรับแขกเหรื่อมากเพียงใด ข้าขอนับประเดี๋ยว… คงจะราว ๆ ยี่สิบบ้านกระมังที่มาทาบทามสู่ขอเขา”

ลู่อี้มองลู่เซวียนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้าอย่างครุ่นคิด

“ท่านพี่ ท่านคิดจะทำอะไร? ข้าไม่แต่งงานนะ” ลู่เซวียนมองลู่อี้อย่างหวาดระแวง

“ชายต้องแต่งภรรยา หญิงต้องออกเรือน จะไม่แต่งงานได้อย่างไร?” ลู่อี้เอ่ย “เจ้ามีคนที่ชอบแล้วหรือไม่? ถ้ามีแล้วก็บอกข้า ข้าจะไปเชิญแม่สื่อมาสู่ขอทาบทามให้”

“ข้าไม่มี” ลู่เซวียนลุกขึ้น “วันนี้ข้าต้องไปรายงานตัวที่สำนักศึกษาหมู่บ้านข้าง ๆ ข้าไปก่อนล่ะ”

ลู่อี้หันมามองมู่ซืออวี่

เป็นเพราะเหตุการณ์สั้น ๆ เมื่อครู่นี้ ทั้งสองคนจึงผ่อนคลายลง

“น้องสามีตัดสินใจที่จะไปสอนในสำนักศึกษาหมู่บ้านข้าง ๆ” มู่ซืออวี่กล่าว “หากมีเวลาก็อาจเขียนหนังสือ”

“เช่นนี้ก็ดี” ลู่อี้เอ่ย

ชาวบ้านเห็นลู่อี้ไปที่สวนก็นึกอยากรู้อยากเห็น

ณ แปลงผักของบ้านลู่จึงมีชาวบ้านหลายคนเดินเฉียดเข้ามาใกล้อยู่บ่อยครั้ง พวกเขาเดินแบกจอบไว้บนบ่าอยู่เป็นนานสองนาน แต่ก็ยังไม่ไปทำงานในไร่นาของตัวเอง ส่วนหญิงออกเรือนหลายนางถือเมล็ดแตงโม ยืนแทะอยู่ไม่ไกลออกไป

“พี่อี้ ตอนนี้ท่านเป็นถึงจู่ปู้แล้ว เหตุใดยังทำงานในแปลงผักอีกเล่า?”

“ตราบใดที่เป็นคนคนหนึ่งก็ล้วนต้องทำงาน โดยเฉพาะบุรุษ ยามปกติไม่ได้ช่วยก็แล้วไปเถิด หากหยุดพักผ่อนแล้วยังไม่ช่วยภรรยาทำงานอีก นั่นจะนับเป็นบุรุษได้อย่างไร?”

“ได้ยินลู่อี้เอ่ยเช่นนี้ ไม่สิ ใต้เท้าลู่ ภรรยาท่านโชคดีจริง ๆ!”

มู่ซือเจียวที่สะพายตะกร้าผักป่าไว้บนหลังเดินผ่านมาตามคันนา คำเหล่านั้นเข้ากระทบเข้าหูนาง ทำให้หัวใจของนางราวกับถูกเข็มทิ่มแทง

ทุกสิ่งทุกอย่างที่มู่ซื่ออวี่ครอบครองในวันนี้ควรเป็นของนางสิถึงจะถูก

หากตอนนั้นเป็นนางที่วางยาลู่อี้ด้วยตัวเอง ลู่อี้ก็คงแต่งงานกับนางไปแล้ว

นางงดงามเช่นนี้ ลู่อี้จะไม่ดีกับนางยิ่งกว่าหรือ?

หากเป็นเช่นนั้นคงไม่เหมือนตอนนี้ นางไปหาญาติผู้พี่ของนาง แต่ท่านลุงและญาติผู้พี่ติดหนี้เป็นจำนวนมากจึงหลบหนีไปแล้ว ท่านหมอบอกว่านางกำลังตั้งท้อง ทั้งท่านย่า ท่านพ่อ และท่านแม่ต่างไม่พอใจนาง หากเป็นเช่นนี้ต่อไปจะต้องเป็นบ้าแน่ ๆ

มู่ซือเจียวนึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ นางจึงตรงดิ่งกลับบ้านทันที

“มู่ซือเจียว…” ลู่เหม่ยฉินเห็นตะกร้าบนหลังมู่ซือเจียวมีรอยรั่วจึงพยายามจะเตือน แต่กลับเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจ รีบวิ่งจ้ำอ้าวไปเสียอย่างนั้น

ลู่เหม่ยฉินขมวดคิ้วขณะมองท่าทางรีบร้อนของมู่ซือเจียว

“นางทำอะไรน่ะ นับวันยิ่งแปลกขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”

มู่ซือเจียววิ่งกลับมาที่บ้านแล้ววางตะกร้าลง

“กลับมาทำไมตอนนี้?” แม่เฒ่าเจียงเห็นมู่ซือเจียวทำสิ่งใดก็ไม่เข้าตาไปซะทุกอย่าง สบโอกาสก็ด่านางอยู่ร่ำไป “นี่ ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ? ”

แม่เฒ่าเจียงเห็นอีกฝ่ายวิ่งผ่านตนเองไปประหนึ่งคนบ้า จึงรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที

“คงไม่บ้าไปแล้วจริง ๆ กระมัง? ถ้าบ้าจะแต่งงานได้อย่างไร?”

มู่ซือเจียวค้นข้าวของอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงพบยาขวดหนึ่งอยู่ก้นตู้ นางเปิดขวดยาออกมาดมกลิ่นดู ดวงตาฉายแววครึ้มอกครึ้มใจ

“นี่แหละ”

ตอนนั้นเป็นเพราะยาขวดนี้ ลู่อี้จึงได้แต่งงานกับมู่ซืออวี่ ตอนนี้นางก็จะใช้มันทำเรื่องดี ๆ เช่นกัน

ลู่อี้เช็ดเหงื่อตนเอง จากนั้นยกจอบขึ้นมาเดินกลับไป

ทันใดนั้นเด็กคนหนึ่งก็วิ่งเข้ามา ในมือถือถ้วยใบหนึ่งไว้แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ท่านอาอี้ ท่านดื่มน้ำเสียหน่อย”

ลู่อี้ลูบหัวเด็กคนนั้น “ไม่ต้องล่ะ ขอบคุณ”

“ท่านดื่มเถอะ ท่านดื่มเถอะนะ!” เด็กคนนั้นทำเสียงฮึดฮัดแล้วแกล้งพูด “ข้ากับฉาวอวี่เป็นสหายที่ดีต่อกัน หากท่านไม่ดื่มน้ำของข้าก็แปลว่าไม่ชอบข้า”

ลู่อี้เลิกคิ้ว “หมายความไปถึงขั้นนี้เลยหรือ?”

“ใช่แล้ว” เด็กน้อยยืดอก

ลู่อี้รับมา ทว่าในตอนที่กำลังจะดื่มน้ำ เขาพลันได้กลิ่นที่คุ้นเคย

เขามองน้ำในถ้วยนั้นด้วยแววตาเยือกเย็น

“ท่านอาอี้” เด็กน้อยกะพริบตาปริบ ๆ มองชายหนุ่มด้วยความสงสัย “ดื่มเถิด ๆ”

“เสี่ยวหูลู” ลู่อี้ย่อตัวลง “เจ้าบอกอามา น้ำนี้ใครให้เจ้ามา?”

เสี่ยวหูลูตาเป็นประกาย

“ที่นี่ไกลจากบ้านเจ้ามาก น้ำนี่ต้องไม่ใช่จากบ้านเจ้าแน่นอน”

เสี่ยวหูลูและปู่ของเขาพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ในเมื่อครอบครัวยากจนก็ย่อมไม่มีชามดี ๆ เช่นนี้

“เป็นหวังหมาจื่อ” เสี่ยวหูลูกล่าว “เขาบอกว่าถ้าข้าทำให้ท่านดื่มน้ำนี่ได้ จะให้ข้า 10 อีแปะ”

“หวังหมาจื่อ…” ลู่อี้ลูบหัวเสี่ยวหูลูเบา ๆ “ได้ ถ้าหากหวังหมาจื่อผู้นั้นถามเจ้า เจ้าก็แค่บอกว่าข้าดื่มแล้ว เช่นนี้เขาจะได้ให้เงินเจ้า”

“แต่ว่า… อย่างนี้ไม่เท่ากับโกหกหรือ?” เสี่ยวหูลูลูบหัวที่ไม่ได้สระนานแล้วของตน

“ไม่นับ ตอนนี้อายังไม่กระหาย แต่อีกสักพักก็จะดื่ม” ลู่อี้เอ่ย ก่อนจะเทน้ำลงในกาที่เขาพกมา “เอาล่ะ เจ้าเอาถ้วยนี้กลับไปเถอะ”

“ขอรับ” เสี่ยวหูลูเดินจากไป

เมื่อก่อนเขาเคยตกหลุมพรางมาก่อน ยาตัวเดียวกัน จะไม่ระแวดระวังได้อย่างไร?

ครั้งก่อนเป็นการกระทำของมู่ซือเจียว แล้วครั้งนี้จะเป็นฝีมือหวังหมาจื่อได้หรือ?

หลังจากวาดรูปออกมาแล้ว มู่ซืออวี่ก็มองท้องฟ้าข้างนอกแล้วกล่าวว่า “ยังเช้าอยู่ ข้ากับลู่อี้จะขึ้นเขา ไปตัดไม้กลับมาเสียหน่อย ลู่อี้เล่า?”

“ท่านพ่อไปที่สวนแล้ว ยังไม่กลับมา” ลู่จื่ออวิ๋นกอดเสี่ยวเฮยเดินเข้ามา “ท่านแม่ ข้าจะออกไปเล่นกับเอ้อร์หนิวแล้ว”

“เอ้อร์หนิวมีงานต้องทำ เจ้าไปรบกวนการทำงานหรือเปล่า เดี๋ยวคนบ้านเอ้อร์หนิวก็ลงโทษหรอก” มู่ซืออวี่ถาม

“ไม่เลย ทุกครั้งที่ข้าไปเล่นกับเอ้อร์หนิว คนบ้านเอ้อร์หนิวจะดีใจมาก จะไม่ให้นางทำงานแล้ว เอ้อร์หนิวก็ชอบให้ข้าไปหา ครั้งก่อนพี่ชายเอ้อร์หนิวผลักข้าจนข้าร้องไห้ พ่อเอ้อร์หนิวยังตีเขาเลย”

“ผีน้อยเจ้าเล่ห์ เจ้าไม่ใช่คนที่ร้องไห้ง่าย ๆ ตั้งใจทำใช่หรือไม่ หืม?”

ลู่จื่ออวิ๋นแลบลิ้น อุ้มเสี่ยวเฮยแล้ววิ่งออกไปข้างนอก

“เหตุใดอวิ๋นเอ๋อร์ถึงรีบวิ่งไปเช่นนั้น?” ลู่อี้เดินเข้ามาจากข้างนอกแล้ววางจอบลง

“นางออกไปเล่นกับเอ้อร์หนิว เจ้าไปอยู่ไหนมา?” มู่ซืออวี่ถามเอื่อย ๆ

สายตาของลู่อี้วูบไหว “ระหว่างทางกลับมาพบเพื่อนเก่าน่ะ จึงพูดคุยกันสองสามคำ”

“เจ้าช่วยมาดูรูปข้าหน่อย” มู่ซืออวี่กางภาพออก ชี้ไปแต่ละห้องแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นห้องเบ็ดเตล็ด ห้องเก็บฟืน ห้องครัว นี่เป็นห้องอวิ๋นเอ๋อร์ ส่วนนี่…”

“ช้าก่อน อะไรคือห้องของเจ้า แล้วนี่ห้องของข้า?” ลู่อี้เอ่ยขัดคำพูดของนาง

มู่ซืออวี่มองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นคนอื่น ๆ ก็กระซิบเสียงเบา “สองห้องนี้ตรงกลางสามารถทะลุผ่านกันได้ แต่ละห้องมีหนึ่งเตียง หากผู้อื่นถาม พวกเราก็บอกว่าอีกห้องหนึ่งเป็นห้องตำราของเจ้า”

“ในความเป็นจริงนอนแยกกัน ถูกหรือไม่?” ลู่อี้มองนาง

“ใช่สิ!” มู่ซืออวี่เอ่ยทันทีทันใด “เจ้าดูสิ ทุกวันนี้ข้ารบกวนเจ้าแค่ไหน ทำให้เจ้านอนหลับไม่ค่อยสนิทตลอดเลยนี่”

ตึง!

ลู่อี้ยันมือไปที่เสา กักนางไว้ในอ้อมแขน

มู่ซืออวี่มองเขาด้วยสายตางงงวย

ท่ายันกำแพงของพระเอกที่แสนจะแปลกสุดพรรณนานี่มันอะไรกัน? นางพูดอะไรผิดไปหรือ?

หมายเหตุ:ฉบับแปลยึดตามต้นฉบับ ตัวละคร ‘เอ้อร์หนิว’ มี 2 คน คือน้องชายของต้าหนิว และเพื่อนของลู่จื่ออวิ๋น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset