สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 177 ทำตัวแปลกนัก

บทที่ 177 ทำตัวแปลกนัก

บทที่ 177 ทำตัวแปลกนัก

ยามเช้าตรู่ เสียงไก่ขันและสุนัขร้องปลุกผู้คนที่กำลังหลับใหลให้ตื่นขึ้น

ดวงอาทิตย์โผล่ขึ้นมาอย่างเอียงอาย ครั้งแรกเพียงลองส่องแสงสว่างอ่อน ๆ ก่อนจะค่อย ๆ สว่างจ้าขึ้นเรื่อย ๆ จนปกคลุมไปทั่วแดนใต้หล้า

ฉึบ ฉึบ!

มู่ซืออวี่หั่นต้นหอมอย่างรวดเร็วแล้วใส่ลงในชามไม้ข้าง ๆ นางตอกไข่สองสามฟองลงไป ตีให้เข้ากัน ก่อนจะใส่เครื่องปรุงแล้วผละไปนวดแป้งสาลีจนเป็นก้อน

การเคลื่อนไหวของนางคล่องแคล่วว่องไว ดูแล้วราวกับการแสดงกายกรรม ทำเอาหนุ่มน้อยจือเชียนที่ก่อไฟอยู่ตาลุกเป็นประกาย

มู่ซืออวี่ตัดแป้งก้อนใหญ่เป็นก้อนเล็ก ๆ ก่อนจะทาน้ำมันบาง ๆ ลงไป หลังจากนวดคลึงอยู่ครู่หนึ่งก็รีดให้เป็นแผ่นแป้งบาง

นางแผ่แป้งลงไปบนกระทะจนดังฉี่ฉี่ กระทะร้อนระอุอบแผ่นแป้งจนกลายเป็นสีเหลืองทอง โชยกลิ่นหอมหวนออกมา

จือเชียนกลืนน้ำลายแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ฮูหยิน หอมยิ่งนัก ฝีมือของท่านช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ”

“หากชอบกินก็กินเยอะ ๆ เจ้าอยู่ในช่วงที่ร่างกายกำลังเติบโต ดูแลอาหารการกินตัวเองให้ดี” มือของมู่ซืออวี่ยังคงเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่ง

สาเหตุที่นางพูดว่าให้กินเยอะ ๆ นั้นไม่ได้พูดตามมารยาท

นางวางแป้งอบแผ่ลงในตะกร้าแผ่นแล้วแผ่นเล่า จนตะกร้าไม้ไผ่สานนั้นเกือบเต็ม

“ใกล้เสร็จแล้ว เจ้ายกนมวัวออกไปได้เลย”

จือเชียนขานรับแล้วยกนมวัวออกไป

ลู่อี้หาบฟืนเข้ามา เห็นจือเชียนจัดวางชามตะเกียบก็รู้ว่าอาหารเช้าเสร็จแล้ว จึงไปล้างหน้าล้างตาและเปลี่ยนเสื้อผ้าออกมา

ตอนนี้ที่บ้านมีรถม้า ไม่จำเป็นต้องเข้าเมืองไปตั้งแต่ฟ้ายังไม่สาง หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จก็ใกล้จะได้เวลาต้องเข้าเมืองไปจัดการงาน

วันนี้มู่ซืออวี่ต้องเข้าเมืองเช่นกัน อีกครู่หนึ่งรถม้าทั้งสองคันของตระกูลลู่ก็จะออกเดินทาง

“นี่คืออะไรหรือ?” ลู่เซวียนได้กลิ่นของนมวัวแล้วก็ขมวดคิ้วจนแทบจะหนีบแมลงวันได้

มู่ซืออวี่วางแผ่นแป้งลงพลางอธิบาย “แม่วัวบ้านป้าเหยาคลอดลูกวัวแล้ว ข้าเห็นว่าน้ำนมของมันไม่เลว ก็เลยขอซื้อมาจากนางสักหน่อย วางใจได้ ข้าจัดการแล้ว ไม่มีกลิ่นคาวรุนแรงขนาดนั้นหรอก”

“พวกเราไม่ชินกับกลิ่นเช่นนี้” ลู่เซวียนกล่าว “ข้าขอดื่มน้ำเปล่าได้หรือไม่?”

“นมวัวมีประโยชน์ต่อร่างกาย ร่างกายของพวกเจ้าจำเป็นต้องบำรุงให้ดี โดยเฉพาะจือเชียน เจ้าขาดสารอาหารมานาน ตัวจึงไม่สูง ให้เป็นเช่นนี้ไม่ได้ ข้าตกลงกับป้าเหยาไว้แล้ว จากนี้ข้าจะซื้อนมวัวจากนางวันละหน่อย เดิมทีป้าเหยาไม่รับเงินข้าหรอก แต่ข้าต้องการซื้อในระยะยาว หากนางไม่รับเงิน ข้าก็ไม่เอา นางถึงได้ยอมรับไว้”

เสียงจือเชียนดื่มดังอึก ๆ แทบจะจุ่มหัวลงในชาม

“อย่าเอาแต่ดื่มนม กินแป้งอบบ้างสิ ตอนอยู่ที่ห้องครัวยังอยากกินมากอยู่เลยไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่คีบแป้งอบแผ่นหนึ่งให้จือเชียน “ไม่ต้องเขิน ทำตัวให้เหมือนอยู่บ้านตัวเองได้เลย”

เซี่ยคุนไร้ซึ่งความเกรงใจ มือข้างหนึ่งเขาถือแป้งอบ อีกข้างหนึ่งถือนม กินเต็มปากเต็มคำโดยไม่พูดจา

ลู่เซวียนนึกรังเกียจ แต่เมื่อถูกลู่อี้เหลือบมองคราหนึ่งก็ประพฤติตัวดีขึ้นมาทันใด

“จือเชียน ถ้าเจ้าไม่ชอบก็ไม่เป็นไร ไม่ต้องฝืนหรอก” มู่ซืออวี่เห็นจือเชียนเอาแต่นิ่งเงียบ ทั้งยังก้มหน้าอยู่ตลอด นางก็กังวลขึ้นมา “ทุกคนล้วนแต่มีสิ่งที่ไม่ชอบกันทั้งนั้น ไม่ชอบก็คือไม่ชอบ แค่พูดออกมาอย่างเปิดเผยก็พอแล้วล่ะ”

จือเชียนวางชามลง ก่อนจะเช็ดน้ำตาทิ้ง “ไม่ใช่อย่างนั้น ฮูหยิน ข้ามีความสุขเกินไปต่างหาก เมื่อก่อนกินข้าวอดมื้อกินมื้อ ติดตามพี่คุนพอได้กินบ้าง แต่ก็ยังไม่มีใครห่วงใยข้าเช่นนี้ มีแต่ฮูหยินดีกับข้าราวกับเป็นครอบครัวเดียวกัน”

“ห้าปีนี้เจ้าต้องอยู่กับเรา เช่นนั้นก็เป็นคนในครอบครัวของเรา ต่อไปหากเจ้ามีของที่ชอบกิน ขอเพียงบอกข้ามา ข้าจะดูแลข้าวปลาอาหารของเจ้าให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้”

“ขอบคุณฮูหยินขอรับ”

“ถ้าอย่างนั้นพี่สะใภ้ ข้า…” ลู่เซวียนเพิ่งพูดไปได้ครึ่งประโยคก็เห็นลู่อี้มองมา เขาจึงกลืนคำพูดที่ปากลงไปทั้งอย่างนั้น “การดื่มนมจะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงจริงหรือ?”

“แน่นอน คนที่ดื่มนมบ่อย ๆ จะตัวสูงมาก ร่างกายก็แข็งแรงมากด้วย” มู่ซืออวี่ตอบ

“งั้นข้าจะดื่ม”

ลู่เซวียนหลับตาปี๋แล้วดื่มนมไปอึกใหญ่

ไม่ดื่มก็ไม่ได้น่ะสิ! สายตาของพี่ใหญ่ราวกับคมดาบอย่างไรอย่างนั้น หากเขากล้าพูดว่า ‘ไม่ดื่ม’ เห็นทีอีกสองสามวันข้างหน้าคงต้องทนรับสายตาที่ราวกับคมดาบของพี่ชายตลอดเป็นแน่

“พี่ใหญ่เซี่ย เคราของท่านควรจะโกนได้แล้วกระมัง? หากท่านไม่มีอุปกรณ์ สามีของข้ามีอยู่ทางนั้น ให้เขาช่วยท่านไหม?” มู่ซืออวี่คุยกับเซี่ยคุน

เซี่ยคุนไม่ได้ใส่เสื้อผ้ายาจกชุดนั้นแล้ว เมื่อวานเขาซักล้างจนสะอาดเอี่ยม ผมที่ยุ่งเหยิงถูกหวีขึ้น มัดเป็นหางม้าด้วยเชือกสีดำ ดูไปแล้วมีชีวิตชีวาไม่เบา เพียงแต่หนวดเคราบดบังใบหน้าของเขาไปแล้วแปดส่วน แล้วจะมองออกได้อย่างไรกันว่าเขาหน้าตาเป็นเช่นไร

จุดสังเกตที่เด่นชัดที่สุดของเขาก็คือดวงตาที่ราวกับหมาป่า ดุร้ายจนคนทั่วไปไม่กล้ายุ่งด้วย

เซี่ยคุนกินแป้งอบไปแปดชิ้นในเวลาเพียงอึดใจ ทั้งยังดื่มนมวัวไปอีกหนึ่งชามใหญ่ หลังจากเช็ดปากแล้วก็เดินออกไป

มู่ซืออวี่ “…”

นางมองไปทางลู่อี้อย่างขอความเห็นใจ

ลู่อี้ยกยิ้มมุมปาก จากนั้นจึงลูบผมนาง “พี่เซี่ยก็นิสัยเช่นนี้ อย่าไปใส่ใจเลย”

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าเขานิสัยเป็นเช่นนี้ พวกเราเปลี่ยนเขาไม่ได้เลยหรือ?” มู่ซืออวี่มุ่ยปาก

“ไม่ได้หรอก ข้างกายข้าจำเป็นต้องมีผู้ที่คล่องแคล่วรู้ความ ข้างกายเจ้าจำเป็นต้องมีผู้ที่วรยุทธ์แกร่งกล้า” ลู่อี้ยิ้มบาง ๆ “เอาล่ะ ข้าเอาแป้งอบไปให้แม่ยายสักหน่อย เจ้ากินเสร็จแล้วรอข้าสักครู่”

เมื่อจับจือเชียนมาล้างเนื้อล้างตัวแล้ว เจ้าตัวก็เป็นหนุ่มน้อยหน้าตาดูดีคนหนึ่ง ทว่าผอมแห้งเกินไป หากบำรุงเสริมเนื้อหนังเข้าไปอีกหน่อย หน้าตาของหนุ่มน้อยผู้นี้ก็คงไล่ ๆ กับดารารุ่นเด็กในยุคปัจจุบันเลยทีเดียว

ลู่อี้ไปส่งแป้งอบแล้ว ส่วนจือเชียนช่วยเก็บกวาดบ้าน เสร็จแล้วจึงไปกวาดลานบ้านต่อ เมื่อทำเรื่องทั้งหมดเสร็จสิ้นก็พาลู่จื่ออวิ๋นไปเล่นลูกขนไก่

“โอ้โห พี่จือเชียนเก่งจังเลย!”

ลู่จื่ออวิ๋นตบมืออยู่ในลานบ้าน

เสี่ยวเฮยตามอยู่ข้างกายเด็กน้อย มันกระดิกหางดุ๊กดิ๊ก ก่อนจะเห่าโฮ่ง ๆ ขึ้นเป็นครั้งคราว แลดูตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังล้างจานก็เห็นฉากในลานบ้าน แววตาของนางเต็มไปด้วยความอบอุ่น

ลู่อี้ถือตะกร้าไปส่งแป้งอบ ชาวบ้านที่ผ่านไปมาเห็นเขาต่างก็ทักทายอย่างกระตือรือร้น ลู่อี้นั้นนิ่งเฉยมาแต่ไหนแต่ไร ไม่ว่ากับใครเขาล้วนพยักหน้า ไม่พูดอะไรที่ไม่จำเป็น

“แม่ยายขอรับ แม่ยาย” ลู่อี้ตบประตู

ถงซื่อลืมตาด้วยความสะลึมสะลือ นางพบกับท่านหมอจูที่นอนอยู่บนเตียง ส่วนนางนั้นเมื่อคืนเหน็ดเหนี่อยเกินไปจึงฟุบหลับอยู่ที่ข้างเตียง

เสียงเคาะประตูด้านนอกยังคงดังต่อไป ในที่สุดถงซื่อก็ตั้งสติได้ นางรีบออกไปเปิดประตูทันที

“แม่ยายไม่ได้พักผ่อนเพียงพอหรือ?” ลู่อี้เห็นถงซื่อใต้ตาดำคล้ำ จึงถามด้วยความเป็นห่วง “ไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

“ไม่มี ๆ” ถงซื่อยิ้มแห้ง “เพียงแค่นอนหลับไม่สนิทเท่านั้นเอง”

“นี่คือแป้งอบที่ภรรยาข้าทำมา แม่ยายลองชิมเถิด”

“ดี ๆ” ถงซื่อรับมา “เช่นนั้นข้าไม่ส่งเจ้านะ”

ลู่อี้รู้สึกว่าถงซื่อดูแปลกไป แต่ก็คิดเพียงว่านางคงพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงไม่ได้ถามอะไรต่อ

“หากท่านไม่สบายตรงไหน ท่านต้องบอกพวกเรานะขอรับ”

“วางใจเถอะ ข้าไม่ได้ไม่สบายหรอก” ถงซื่อกล่าว

ตึง!

เสียงของหล่นดังออกมาจากข้างใน

ถงซื่อรีบปิดประตูทันที

ลู่อี้ที่ยังไม่ได้ไปไหน “…”

วันนี้แม่ยายของเขาทำตัวแปลกนัก!

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset