สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 185 ผู้ใดผูก ผู้นั้นก็ต้องเป็นคนแก้

บทที่ 185 ผู้ใดผูก ผู้นั้นก็ต้องเป็นคนแก้

บทที่ 185 ผู้ใดผูก ผู้นั้นก็ต้องเป็นคนแก้

หลี่หงซูเพิ่งมากลับมาจากจวนตระกูลฉิน จึงได้เห็นคนสนิทข้างกายบิดารีบร้อนออกไปพอดี

“เจ้ากำลังจะไปที่ใด?”

“คุณหนู ศาลาว่าการส่งข่าวมา บอกว่านายน้อยป่วยหนักมาก นายท่านสั่งให้ผู้น้อยไปดูเสียหน่อยขอรับ”

“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเจ้าก็รีบไปเถอะ ใช้เงินให้มากหน่อย เวลาเช่นนี้ไม่ต้องประหยัดแล้ว”

ทันทีที่หลี่หงซูเข้าไปในลานบ้าน แม่นมข้างกายฮูหยินหลี่ก็รีบร้อนเข้ามาต้อนรับ สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น เห็นได้ชัดว่ากำลังรอฟังข่าวดีจากนาง

“ข้าพบคุณหนูฉินแล้ว แต่สุขภาพของฮูหยินฉินไม่สู้ดี ไม่เหมาะที่จะต้องลม ข้าจึงไม่ได้พบ ข้ายังต้องออกไปอีกสักรอบ ข้าไม่ไปพบท่านแม่แล้ว”

“คุณหนูจะไปที่ใดหรือ?”

“ผูกเองก็ต้องไปแก้เอง” หลี่หงซูถอนหายใจเบา ๆ

ในเขตชนบท ชายหนุ่มเปลือยท่อนบนทั้งหลายกำลังทำงานอย่างขยันขันแข็ง เหงื่อไหลจากใบหน้าซื่อ ๆ ลงไปบนท้องนา เหมาะกับวลีที่ว่า ‘หยาดเหงื่อหยดลงดิน’ อย่างยิ่ง

เจิ้งซูอวี้เปิดม่านออก มองดูทิวทัศน์ของชนบท ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ข้าไม่ได้ออกมาสูดอากาศหายใจมากกว่าครึ่งปีแล้ว ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องของกิจการตลอด ราวกับวัวแก่ ไม่มีเวลาได้ผ่อนคลายสักครั้ง”

“หากไม่มีอะไรแล้ว ถึงตอนนั้นเจ้าสามารถผ่อนคลายได้ ไม่จำเป็นต้องสู้กับพี่หญิงของเจ้าทุกวัน” หลี่หงซูกล่าว “ขอบคุณที่เจ้ามากับข้าวันนี้ ฮูหยินลู่เห็นเจ้าเป็นคนสูงส่ง เจ้ามาด้วยกันดีกว่าข้ามาคนเดียว”

“ขอบอกเจ้าไว้ก่อน เรื่องของพี่ใหญ่เจ้า ข้าล่ะรับไม่ได้จริง ๆ หากเป็นเพราะเรื่องนี้จริง ๆ นั่นก็เป็นเขาที่รนหาที่เอง ครั้งนี้ข้าแค่มากับเจ้า แต่จะไม่ช่วยเจ้าพูด”

ทางด้านลู่จื่ออวิ๋นนั้นนั่งอยู่ข้างหน้าเสี่ยวเฮย นางส่งเสียงจุ๊ ๆ ให้เสี่ยวเฮยเงียบ ๆ “เสี่ยวเฮยเด็กดี อย่ารบกวนการพักผ่อนของท่านแม่ล่ะ”

ถงซื่อเดินออกมาจากห้องครัว เมื่อเห็นลู่จื่ออวิ๋นนั่งอยู่จึงตะโกนเรียก “อวิ๋นเอ๋อร์! ที่บ้านไม่มีอาหาร เจ้าไปที่แปลงผัก ถอนกลับมาสักสองสามอย่างเถอะ”

“ได้เจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นคว้าตะกร้าผักแล้วเดินออกไป

ท่านหมอจูเพิ่งตรวจดูชีพจรของมู่ซืออวี่เสร็จก็เดินออกมาพลางกล่าวว่า “ไข้ลดแล้ว”

“ดีแล้ว” ถงซื่อกล่าว “ยาต้มเสร็จแล้ว ข้าจะเอาไปให้นางดื่ม”

“รอก่อนเถอะ เหงื่อเพิ่งออก เมื่อครู่หลับไปแล้ว” ท่านหมอจูหยุดนางไว้

เสียงกีบม้าดังมาจากข้างนอก มันดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ไม่นานนักก็มีคนมาเคาะประตู

“ลูกเขยกลับมาแล้วหรือ?”

ถงซื่อเดินไปเปิดประตูอย่างสงสัย นางเห็นสตรีสี่นางลงมาจากรถม้า สองคนแรกสวยงามสะโอดสะอง เห็นได้ชัดว่าดูสูงศักดิ์กว่า ส่วนอีกสองคนสวมอาภรณ์เฉกเช่นสาวใช้

“ที่นี่เป็นบ้านของเถ้าแก่เนี้ยมู่ใช่หรือไม่?” ชิวซวงถาม

ถงซื่อเคยไปที่เรือนกรุ่นฝันจึงรู้ว่าคนอื่น ๆ เรียกมู่ซืออวี่เช่นนี้ นางตอบอย่างรวดเร็วว่า “ใช่ พวกท่านมาหาลูกสาวของข้าหรือ? แต่ตอนนี้นางป่วย เมื่อครู่นอนหลับไปแล้ว”

เจิ้งซูอวี้หันไปมองหลี่หงซู

สีหน้าของหลี่หงซูพิลึกพิลั่นขึ้นมาทันตา

ป่วย…

เช่นนี้จะทำอย่างไร?

หากมู่ซืออวี่ไม่เป็นอะไรก็แล้วไปเถอะ แต่หากมีอะไรผิดพลาด เช่นนั้นจะไม่ยิ่งทำให้จู่ปู้ลู่โกรธแค้นกว่าเดิมหรือ? ไม่แปลกใจที่วันนี้มีคนมาหาเรื่องพี่ใหญ่ของนางจนถึงหน้าประตู นี่เรียกว่านายทัพโกรธเกศาชันเพื่อโฉมงาม*[1] ชัด ๆ!

“พวกเรารอให้นางตื่นก็ได้” เจิ้งซูอวี้กล่าว “คงต้องรบกวนแล้ว ข้าแซ่เจิ้ง ท่านนี้แซ่หลี่ พวกเราล้วนเป็นสหายของซืออวี่”

“เชิญเข้ามาเถิด”

ถงซื่อไม่เคยรับแขกสูงศักดิ์มาก่อน นางไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร

ท่านหมอจูกระแอมเบา ๆ ถงซื่อมองไปทางท่านหมอจูก็เห็นเขากวักมือเรียกนาง

ถงซื่อรีบตามเขาเข้าไปในห้องข้างในแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

“ที่บ้านมีชาหรือไม่?” ท่านหมอจูถาม

ถงซื่อได้ยินเช่นนั้นจึงรู้สึกตัว

ใช่แล้ว! ที่บ้านมีแขก เหตุใดไม่ชงชารับรองแขกเล่า? ดูสมองของนางสิ นับวันยิ่งเลอะเลือนขึ้นแล้วจริง ๆ

“ขอบคุณที่เตือนข้า” ถงซื่อเอ่ยขอบคุณ จากนั้นก็เริ่มค้นในกล่องและในตู้ สุดท้ายจึงพบโถใส่ชา

ทว่าเมื่อนางเห็นชุดชาและใบชาตรงหน้านาง นางก็เกิดปัญหาอีกรอบเสียแล้ว

ถงซื่อไม่เข้าใจเรื่องชา นับประสาอะไรกับการให้นางชงชา คนบ้านนอกจะมีนิสัยชื่นชอบจิบชาได้อย่างไร? ถึงแม้จะมีชุดชาที่ยอดเยี่ยม แต่หากนางต้องทำเอง แล้วจะเทน้ำลงไปบนใบชาเป็นได้อย่างไร

นางไม่เคยพบเห็นของเหล่านี้มาก่อน

“เจ้าไปต้มน้ำ” ท่านหมอจูเอ่ยแนะ “ตรงนี้ข้าจัดการเอง”

สุดท้ายนางจึงไปต้มน้ำ

ท่านหมอจูเลือกชาชนิดที่สตรีโปรดปรานออกมาแล้วนำชุดชาไปล้างในครัว

ปกติเขาจะสวมเสื้อผ้าพอดีตัวเพื่อให้สะดวกในการทำงาน ทว่าวันนี้ไม่ขึ้นเขา เขาจึงสวมใส่ชุดคลุมตัวยาว ทั้งร่างแผ่กลิ่นอายของสุภาพชนออกมา

ขณะที่ถงซื่อก่อไฟ นางมองการเคลื่อนไหวของท่านหมอจูที่อยู่ในครัวไปพลาง ๆ ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องชะงักไป

ท่านหมอจูทำความสะอาดชุดชาเสร็จก็เห็นน้ำกำลังเดือด แต่คนที่กำลังนั่งอยู่ข้างเตาไฟกลับไม่สังเกตเห็น เขาหันไปทางถงซื่อ สบสายตาตื่นตะลึงของนางเข้าพอดีจึงรู้สึกขัดเขินขึ้นมา

“อะแฮ่ม น้ำร้อนแล้ว”

เมื่อถงซื่อรู้สึกตัว ก็เห็นน้ำกำลังเดือดอยู่จริง ๆ นางรีบลุกขึ้นทันที

ท่านหมอจูชงชาแล้วให้ถงซื่อนำออกไป

ถงซื่อที่ออกมาพร้อมชาเอ่ยขึ้นว่า “บ้านข้ามีเพียงชาหยาบ ๆ เช่นนี้ ต้องขออภัย”

“ท่านน้า ครั้งก่อนข้าเคยมาที่นี่” เจิ้งซูอวี้กล่าว “ท่านจำข้าได้หรือไม่?”

“ข้าจำได้” ถงซื่อตอบ “ไม่ง่ายนักที่บ้านเราจะมีผู้สูงศักดิ์มาเยี่ยมเยือน ข้าต้องจำได้แน่นอน วันนี้โชคไม่ดีจริง ๆ ลูกสาวของข้าป่วยแล้ว เกรงว่านางจะไม่ตื่นเร็ว ๆ นี้”

“ไม่เป็นไร พวกเรายินดีรอ” หลี่หงซูมองชิงไต้ที่อยู่ข้าง ๆ นาง

ชิงไต้นำกล่องใบหนึ่งออกมาพลางกล่าวว่า “เรามาเยี่ยมเยือน นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ โปรดรับไว้”

“ไม่ ๆ เรื่องนี้ข้าตัดสินใจไม่ได้ พวกท่านพูดกับซืออวี่เถอะ” ถงซื่อเอ่ยห้าม “พวกท่านค่อย ๆ ดื่มชา ข้ายังมีงานต้องทำ ต้องขอตัวแล้ว”

ท่านหมอจูสอนให้นางเอ่ยคำพูดเหล่านี้ กว่าจะเอ่ยออกไปก็ขัดเขินไม่น้อย แต่ท่านหมอจูกล่าวว่า ผู้ดีสกุลใหญ่โตเหล่านั้นชอบคำพูดเหล่านี้ เรียนรู้ไว้ไม่เสียหาย

“ท่านยาย ข้ากลับมาแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นกลับมาพร้อมตะกร้าผักในมือ ส่วนเอ้อร์หนิวตามมาข้างหลัง

เมื่อเห็นว่าที่บ้านมีแขก ลู่จื่ออวิ๋นก็เข้ามาถามอย่างสงสัย “คารวะท่านน้า ข้าเป็นลูกสาวบ้านนี้ชื่อลู่จื่ออวิ๋น พวกท่านมาเยี่ยมท่านแม่ของข้าหรือ?”

“อวิ๋นเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นอีกแล้ว” เจิ้งซูอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “โตขนาดแล้วหรือ ยิ่งโตยิ่งขาว แม่เจ้ารู้จักวิธีเลี้ยงเด็กดีจริง ๆ”

เอ้อร์หนิวเห็นลู่จื่ออวิ๋นถูกคนมากมายรายล้อมก็ไม่ได้รู้สึกกลัว อีกฝ่ายจิตใจดีงามราวกับผลไม้หวานลูกน้อย สายตาของนางจึงเต็มไปด้วยความอิจฉา

ในตอนนี้เองเสียงของมู่ซืออวี่พลันดังขึ้นมาจากข้างใน คนสองสามคนข้างนอกหยุดพูดคุยทันที ก่อนจะมองไปทางห้องนั้นโดยพร้อมเพรียงกัน

“ท่านแม่ ท่านตื่นแล้วหรือ!” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเข้าไปข้างใน

ถงซื่อนำยาน้ำไปให้ แล้วเอ่ยกับมู่ซืออวี่ว่า “ดื่มยาก่อน”

มู่ซืออวี่เหงื่อชะโลมไปทั้งกาย ผมของนางเหนียวหนืด รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก

หลังจากดื่มยาแล้ว นางกำลังจะไปอาบน้ำ แต่เห็นเจิ้งซูอวี้และหลี่หงซูเดินเข้ามาเสียก่อน

“หืม พวกท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”

เจิ้งซูอวี้มองไปทางหลี่หงซู

หลี่หงซูยิ้มอย่างอ่อนล้า “หากไม่อยากทำบุญคงไม่เข้าวัด วันนี้มาเยือน ข้าไม่มีหน้าจะเอ่ยปากจริง ๆ”

“เถ้าแก่เนี้ยเพิ่งตื่น อาจจะต้องใช้เวลาจัดการตัวเอง พวกเราออกไปรอนางข้างนอกเถอะ” เจิ้งซูอวี้เอ่ยกับหลี่หงซู จากนั้นหันไปทางมู่ซืออวี่ “ท่านค่อย ๆ จัดการตัวเอง พวกข้าจะไปรอข้างนอก”

[1] นายทัพโกรธเกศาชันเพื่อโฉมงาม แปลว่า พยายามอย่างหนักเพื่อสาวงาม

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset