สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 228 สารภาพหมดเปลือก

บทที่ 228 สารภาพหมดเปลือก

“เช่นนั้นข้าเล่า? ท่านจะให้ข้าอดตายหรือ?” มู่ตงหยวนมองแม่เฒ่าเจียงด้วยสายตาเยือกเย็น

จนถึงตอนนี้แม่เฒ่าเจียงก็เป็นเพียงแค่หญิงชราไร้ประโยชน์คนหนึ่งในสายตาของเขา ดวงตาดั่งงูพิษจ้องมองหญิงชรา ราวกับว่าในสายตาคนข้างหน้าไม่ใช่แม่แท้ ๆ ของตน แต่เป็นศัตรู

“แม่จะทำให้เจ้าอดตายได้อย่างไร?” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยด้วยความโศกเศร้า “แต่ว่านะตงหยวน เจ้าช่วยแม่คิดหาวิธีก่อนเถอะ อีกเดี๋ยวเจ้าปีศาจร้ายลู่อี้คนนั้นก็จะมาแล้ว วันนี้แม่ทำเรื่องหนึ่งลงไป…”

แม่เฒ่าเจียงเล่าความเป็นมาทั้งหมดให้มู่ตงหยวนฟัง

“หลินต้าจ้วงบอกว่าตราบใดที่ช่วยเขา เขาจะจ่ายค่ารักษาขาให้เจ้า ข้าคิดว่าถงซื่อคนนั้นเป็นคนเหนียมอายมาโดยตลอด ขอแค่นางเสื่อมเสียชื่อเสียง ย่อมไม่มีทางเลือกอื่น ขู่ให้นางตกใจกลัวสักสองสามครั้ง แม้แต่มู่ซืออวี่และลู่อี้คงไม่กล้าเอ่ยสิ่งใด จำต้องยอมแต่งงานกับหลินต้าจ้วง ใครจะไปรู้ว่าตอนนี้จะใจกล้าเช่นนั้น ถึงกลับกล้าแขวนคอตัวเอง บัดนี้เรื่องร้ายแรงถึงเพียงนั้นแล้ว เช่นนั้นลู่อี้กับมู่ซืออวี่จะไม่อยากเขมือบข้าหรือ? เจ้ารีบช่วยข้าคิดหาวิธีเร็วเข้า”

มู่ตงหยวนเผยสีหน้าหมดความอดทน

หญิงชาวบ้านก็สมกับเป็นหญิงชาวบ้านจริง ๆ หลายปีก่อนนางใช้อุบายนี้ หลายปีต่อมานางก็ยังใช้อุบายนี้อยู่อีก สายตาของนางไม่กว้างไกลขึ้นมาบ้างเลยหรือไร?

“หากพวกเขามา ท่านก็แค่บอกว่าท่านไม่รู้ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับท่าน พวกเขาจะกล้าทำอะไรอีก” มู่ตงหยวนเอ่ยอย่างเย็นชา “ร้อนอกร้อนใจไปไย”

“จะดีหรือ?” แม่เฒ่าเจียงรู้สึกไม่ค่อยเชื่อนัก

“ไม่เช่นนั้นท่านจะหนีหรือ จะหนีไปที่ใด? ท่านมีเงินหลบหนีหรือ?” มู่ตงหยวนเย้ยหยัน

แม่เฒ่าเจียงพูดไม่ออก

ตอนนี้นางไม่เหลืออะไรแล้ว เหลือแค่เพียงที่ดินไม่กี่หมู่เท่านั้น

ใช่แล้ว ไม่ว่าพวกเขาจะถามอะไร นางก็ไม่รู้ทั้งสิ้น พวกเขาจะกล้าทำหญิงชราเช่นนางได้อย่างไร

ถงซื่อค่อย ๆ ตื่นขึ้นมา เมื่อนางเห็นห้องที่คุ้นตาก็น้ำตาไหลพราก

“ท่านแม่” มู่ซืออวี่คว้ามือของมารดามากุม “รู้สึกไม่สบายตรงไหนหรือไม่?”

“ลูกสาวข้า” เสียงของถงซื่อแหบพร่า เมื่อเปล่งเสียงออกมาก็ทำให้ต้องตกใจ นางเจ็บคอเป็นอย่างมาก คาดเดาได้ว่าตนทำให้คอบาดเจ็บเสียแล้ว

มู่ซืออวี่ตบหลังมือของผู้เป็นแม่เบา ๆ “ไม่เป็นอะไรแล้ว ข้าจะรินน้ำให้ท่าน”

ถงซื่อดื่มน้ำ ก่อนจะยกมือของตนขึ้นปิดหน้าร้องไห้อย่างไร้สุ้มเสียง

มู่ซืออวี่ไม่ได้ถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เพียงแต่อยู่กับอีกฝ่ายเงียบ ๆ เท่านั้น

“ย่าของเจ้าบอกว่า ปิ่นที่ข้านำมาด้วยตอนแต่งงานยังอยู่กับนาง นางให้ข้าเข้าไปรอในบ้าน ส่วนนางจะไปหาให้ข้า ปิ่นปักผมอันนั้นเป็นของสำคัญสำหรับข้าตั้งแต่ข้ายังเล็ก เมื่อได้ยินว่านางเต็มใจจะคืนให้ข้า ข้าจึงไป หลังจากนั่งอยู่ที่นั่นสักพัก ข้าก็เริ่มง่วงขึ้นมา จากนั้นข้าก็ไม่รู้สึกตัวอีกแล้ว ตอนที่ข้าตื่นขึ้นมา ข้างกายข้า…”

ข้างนอกห้อง ท่านหมอจูที่ฟังบทสนทนาดังกล่าวพลันรู้สึกซับซ้อนในใจ

ที่แท้นางก็ถูกขุดหลุมพลางเพราะปิ่นปักผมอันนั้น เขาควรจะโกรธตนเอง หรือควรจะโกรธหลินต้าจ้วงไร้ยางอายผู้นั้นกันแน่?

“ท่านแม่ ท่านฟังข้า ตอนนั้นอยู่ที่บ้านแม่เฒ่าเจียง ถึงแม้แม่เฒ่าเจียงจะช่วยหลินต้าจ้วงวางแผนทำร้ายท่าน แต่นางก็ไม่กล้าให้เขาแตะต้องท่านที่บ้านของนางแน่นอน ท่านยังใสสะอาด เรื่องนี้ท่านก็ถือเสียว่าถูกสุนัขกัด สุนัขบ้าที่กัดคนไปทั่วประเภทนั้น พวกเราไม่มีวันกัดกลับเด็ดขาด”

“แต่ชื่อเสียงของข้า… ชื่อเสียงของสตรีสำคัญเพียงใดเจ้าก็รู้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าคนอื่น ๆ ในหมู่บ้านจะมองข้าอย่างไร”

หลังจากตื่นขึ้นมาถงซื่อก็สำรวจร่างกายตนเอง จึงรู้ว่าร่างกายของตนไม่ได้ถูกแตะต้อง แต่คำพูดคนเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวที่สุด ต่อไปนางจะเงยหน้าได้อย่างไร?

“ท่านแม่ ท่านใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง ไม่ใช่เพื่อคนอื่น ภายหน้าน้องหานก็จะไปจากที่นี่แล้ว เมื่อท่านตามเขาไป ผู้ใดจะจำท่านได้?”

“พวกเราไม่อาจตกหลุมพรางของคนชั่วเช่นนั้นเป็นอันขาด เขารู้ว่าท่านให้ความสำคัญกับชื่อเสียง คิดว่าทำให้ชื่อเสียงของท่านแปดเปื้อนแล้วจะควบคุมท่าน ให้ท่านแต่งงานกับเขาได้ แล้วท่านจะยินยอมแต่งงานกับคนประเภทนั้นหรือ?”

“ให้ข้าตายเสียยังดีกว่า” ถงซื่อเอ่ยด้วยความโมโห

มู่ซืออวี่ปลอบใจถงซื่อ เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสงบลงแล้วค่อยรู้สึกโล่งใจขึ้นมา

หลังจากมั่นใจแล้วว่าถงซื่อจะไม่ฆ่าตัวตายอีก นางก็ถกแขนเสื้อขึ้น มุ่งหน้าตรงไปที่บ้านของแม่เฒ่าเจียง

“พี่ใหญ่เซี่ยเล่า?” มู่ซืออวี่เดินมาถึงประตูบ้านของแม่เฒ่าเจียงก็เห็นจือเชียนยืนเฝ้าอยู่ที่นั่นเพียงลำพัง

จือเชียนตอบว่า “นายท่านตามหลินต้าจ้วงไปแล้ว พี่คุนก็ตามไปด้วยขอรับ เขาใช้เส้นทางคนละเส้นทางกับนายท่าน คิดว่าคงไปดักคนได้พอดีขอรับ”

“ยังดีที่มีพวกเจ้า” มู่ซืออวี่เอ่ยชมเชย

จือเชียนยืนเฝ้าอยู่ที่นี่เพราะไม่อยากให้แม่เฒ่าเจียงหลบหนีไปได้

“เจ้าเข้าไปข้างในกับข้า ทุบทำลายข้าวของในบ้านของนางเสีย” มู่ซืออวี่เอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา

“ขอรับ” จือเชียนอยากทำเรื่องเช่นนี้มานานแล้ว

เขาได้ยินเรื่องที่ถงซื่อถูกข่มเหงรังแกมานาน จึงรู้สึกไม่พอใจแม่เฒ่าเจียงหญิงชราผู้นั้นมานานแล้ว

ทันทีที่พวกเขาเข้าไป ทั้งสองคนก็เริ่มทุบตีข้าวของ ระบายโทสะครั้งนี้ออกมาโดยไม่สนใจสิ่งอื่นใด

แม่เฒ่าเจียงได้ยินเสียงดังจึงเดินออกมาดู เมื่อเห็นว่าเป็นมู่ซืออวี่และจือเชียน นางก็สั่นเทิ้มทันทีโดยสัญชาตญาณ

“เจ้าทำอะไร?”

มู่ซืออวี่หันกลับมา คว้าจอบขึ้นมาฟาดไปที่ราวตากผ้า “ท่านว่าข้ากำลังทำอะไรล่ะ?”

“เจ้า! เจ้า! เจ้า!….ใครก็ได้ มีคนจะฆ่าแกงคนแล้ว! ใครก็ได้….” แม่เฒ่าเจียงกรีดร้อง

ประตูบ้านไม่ได้ถูกปิดไว้ ทุกคนในหมู่บ้านจึงมองเห็นว่าข้างในเกิดสิ่งใดขึ้น

มู่ซืออวี่แค่ทุบตีทำลายข้าวของ ไม่ได้แตะต้องแม่เฒ่าเจียงแม้แต่ผมเส้นเดียว จะร้ายแรงถึงขั้นฆ่าแกงคนได้อย่างไร แน่นอนว่าไม่มีใครเข้ามาห้ามปรามนาง

แม่เฒ่าเจียงใจดำอำมหิตมาก นางควรได้รับการสั่งสอนบทเรียนเสียบ้าง ไม่อย่างนั้นครั้งหน้าคงไม่รู้ว่าจะกลายเป็นภูตผีปีศาจอันใด

มู่ซืออวี่และจือเชียนทุบตีข้าวของทั้งข้างนอกและข้างใน ตราบใดที่มันสามารถทุบทำลายได้ แม้แต่หม้อใบหนึ่งนางก็ทุบจนแตก

นางไม่ใช่คนมีคุณธรรมอะไรนัก

แม่เฒ่าเจียงอยากจะเข้าไปลากมู่ซืออวี่ออกมา ทว่าสายตาของอีกฝ่ายทำให้หญิงชราหมดเรี่ยวหมดแรงด้วยความหวาดกลัว

“พวกเจ้า… พวกเจ้าคิดจะทำอะไร?” มู่ตงหยวนพูดขึ้นมาด้วยความโมโห “มู่ซืออวี่ ไม่ว่าจะอย่างไรนางก็เป็นย่าของเจ้า ส่วนข้าเป็นอาของเจ้า เจ้าไม่กลัวฟ้าผ่าเอาหรือ?”

“ท่านทำเรื่องเลวทรามต่ำช้ามามากมายยังไม่กลัวฟ้าผ่า เหตุใดข้าต้องกลัว?” มู่ซืออวี่กล่าวขึ้นพลางใช้จอบจามลงที่โต๊ะ “วางใจเถอะ ข้าจะเหลือเตียงไว้ให้ท่าน ไม่เช่นนั้นชั่วชีวิตนี้ท่านจะไปนอนที่ไหน”

“เสร็จแล้วขอรับ” จือเชียนเดินเข้ามาบอก “ฮูหยิน ยังมีที่ใดให้ทุบอีกขอรับ?”

“ช่างเถอะ เหลือผนังไว้ปกป้องพวกเขาจากลมฝนเสียหน่อย หมาป่าข้างนอกนั่นจะได้ไม่พุ่งเข้ามาเขมือบพวกเขา เดี๋ยวพวกเราจะโดนคดีฆ่าคนตาย” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างเย็นชา

“แม่เฒ่าเจียง ฟังให้ดี อย่าได้คิดว่าไม่มีหลักฐานแล้วจะหลบหนีได้ ขอแค่หลินต้าจ้วงถูกจับ เขาจะต้องโยงไปถึงท่าน ชั่วชีวิตนี้ท่านไปใช้ชีวิตในห้องขังเสียเถอะ!”

“ไม่เอา ไม่เอา!” แม่เฒ่าเจียงเอื้อมมาจับแขนของมู่ซืออวี่ “เรื่องทั้งหมดนี้หลินต้าจ้วงทำเอง ไม่เกี่ยวกับข้า ระหว่างแม่ของเจ้าและหลินต้าจ้วงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลย จริง ๆ นะ ข้าเฝ้าไว้ตลอด หลังจากข้าทำให้แม่ของเจ้าสลบไปแล้ว ข้าก็เรียกคนในหมู่บ้านมา เดิมทีก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้น”

มู่ตงหยวน “…”

โง่งมจริง ๆ

แค่ขู่เพียงเล็กน้อยก็สารภาพทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหมดแล้ว

“ยาล่ะ?” มู่ซืออวี่มองแม่เฒ่าเจียงอย่างเย็นชา

“หลินต้าจ้วงเป็นคนเตรียม จะต้องอยู่บนตัวเขาแน่นอน” แม่เฒ่าเจียงกล่าว

มู่ซืออวี่ก้มหน้าลงเอ่ยข่มขู่ “หากข้ารู้ว่าท่านทำร้ายแม่ของข้า เช่นนั้นก็รอรับผลของการกระทำเถอะ”

“ไม่ใช่ข้า ๆ” แม่เฒ่าเจียงโบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

มู่ซืออวี่หันมาเอ่ยกับจือเชียน “พวกเราไปกันเถอะ”

หลังจากนั้น นางก็โยนจอบในมือทิ้งลงอย่างแรง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset