สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 16 ถ้าเจ้ายังทำตัวดี ๆ แบบนี้ต่อไป ข้าจะให้เงินเจ้า

บทที่ 16 ถ้าเจ้ายังทำตัวดี ๆ แบบนี้ต่อไป ข้าจะให้เงินเจ้า

บทที่ 16 ถ้าเจ้ายังทำตัวดี ๆ แบบนี้ต่อไป ข้าจะให้เงินเจ้า

มู่ซืออวี่ออกมาจากห้องนอนของลู่ฉาวอวี่ นางเป่าผมให้ลู่จื่อวิ๋นอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มพับเสื้อผ้าและเก็บกวาดของในห้อง

ลู่อี้หาบน้ำ ผ่าฟืน เดินไปมารอบ ๆ แปลงผักพร้อมกับจอบบนไหล่ เมื่อกลับมาก็พบว่ามู่ซืออวี่กำลังยุ่งอยู่กับงานบ้านจนหัวหมุน สีหน้าของเขาก็พลันเคร่งขรึมขึ้นมา

สุขภาพของลู่เซวียนไม่ค่อยสู้ดีนัก เขาต้องกินยาสามครั้งต่อวัน แม้ว่าจะดีขึ้นแล้ว สามารถลุกจากเตียงเดินเหินเองได้ แต่ก็ไม่ได้มีกำลังมากนัก ลุกได้ไม่นานก็จะหมดแรงและต้องนั่งพัก ทำให้ต้องใช้เวลาอยู่บนรถเข็นหรือเตียงนอนเป็นส่วนใหญ่

ในช่วงแรกลู่อี้ก็เอ่ยขึ้นอย่างสงสัยในความเปลี่ยนแปลงราวกับเป็นคนละคนของนาง แต่มู่ซืออวี่ไม่ได้สนใจ ยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานบ้านต่อไปอย่างคล่องแคล่ว พอลู่อี้เริ่มเห็นว่านี่เป็นเรื่องที่ดีต่อลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่ เขาจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องไปห้ามหญิงสาว

ทว่าถึงอย่างนั้นเขาก็เอาแต่จ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของนางอยู่ตลอดเวลา ราวกับจะทำให้ร่างอวบนั้นพรุนไปทั้งตัว เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีกลอุบายอะไรซ่อนอยู่ในท่าทางขยันขันแข็งแบบนั้น

มู่ซืออวี่เริ่มเข้าไปทำความสะอาดในห้องครัว

ผู้หญิงย่อมต้องละเอียดลออกว่าผู้ชาย แม้ว่าลู่อี้จะเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ทุกซอกทุกมุมละเอียดยิบ เพียงแค่ช่วยให้บ้านไม่กลายเป็นกองขยะเท่านั้น นางจึงได้เข้าไปช่วยทำให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางมากยิ่งขึ้น

หลังจากที่มู่ซืออวี่ใช้เวลาหลายชั่วยามในการทำความสะอาด ห้องทั้งห้องที่เคยดูคับแคบไปด้วยสิ่งของที่ระเกะระกะไร้ระเบียบก็พลันกว้างขึ้นเพราะการเก็บกวาดข้าวของให้เข้าที่ ทุกซอกทุกมุมดูสบายตาไปหมดราวกับว่าได้บ้านหลังใหม่

เมื่อต้องจัดการกับหยากไย่ที่เกาะอยู่ตามกำแพง หญิงสาวก็รู้สึกสงสาร นางไม่สามารถทำร้ายได้แม้แต่แมลงตัวเล็ก ๆ เหล่านี้ จึงเพียงทำลายรังของพวกมันแล้วพยายามไล่ให้ออกไป “อย่าโกรธกันเลยนะ พวกเจ้าไปสร้างรังใหม่ที่อื่นเสียเถอะ แค่ไปให้ไกลจากบ้านนี้ก็พอแล้ว”

ลู่อี้อึ้งไปกับภาพที่เห็น “…”

นี่เขากำลังมองเหตุการณ์แบบไหนอยู่กัน เกิดอะไรขึ้นกับหัวของนางหรือเปล่า เหตุใดถึงได้ดูใสซื่อมากถึงขนาดนี้กัน

ดูเหมือนว่ามู่ซืออวี่คนที่ใสซื่อคนนี้จะดูเป็นสาวน้อยไร้เดียงสา แต่เขากลับชินกับนางตอนร้ายกาจมากกว่าตอนใสซื่อแบบนี้

ลู่เซวียนเข็นรถเข็นเข้าไปหาลู่ฉาวอวี่ที่อยู่ข้างหน้าต่างแล้วถามขึ้น “ช่วงนี้นางเป็นอะไรไปหรือเปล่า จู่ ๆ ถึงเปลี่ยนไปราวกับคนละคนเช่นนี้ได้”

ถึงอย่างนั้นลู่เซวียนก็ไม่ได้คาดหวังคำตอบอะไรจากอีกฝ่ายนัก

เด็กคนนี้ดูต่างจากคนอื่นมาตั้งแต่ยังอ่อนวัย ทั้งยังไม่ได้สนใจผู้ใดเลยตั้งแต่ช่วงปีที่ผ่านมา แม้แต่ลู่อี้ก็ยังถูกเมินเฉย นับประสาอะไรกับอาที่แทบไม่ได้สนทนากัน มีเพียงลู่จื่ออวิ๋นเท่านั้นที่ได้รับความสนใจจากลู่ฉาวอวี่

แต่ในคราวนี้ลู่ฉาวอวี่ไม่เพียงแค่เอ่ยปากตอบเท่านั้น เด็กคนนี้ยังหันมาสบตากับเขา ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เลื่อนลอยราวกับมีหลุมดำอยู่อีกต่อไป แค่เพียงยังดูเย็นชาเล็กน้อยเท่านั้น “แล้วไม่ดีหรือขอรับ”

ลู่เซวียนนิ่งอึ้ง

ย่อมต้องเป็นเรื่องที่ดีอยู่แล้ว

นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มแสนไร้เดียงสาและดูบริสุทธิ์ของเสี่ยวอวี่

เขาคิดถึงเด็กน้อยฉาวอวี่คนนั้นไม่น้อย ลู่ฉาวอวี่ที่ยังรักษาความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเอาไว้ได้

หวังเพียงว่าสักวันจะมีโอกาสได้เห็นรอยยิ้มนั่นอีกครั้ง

จู่ ๆ เขาก็เริ่มรู้สึกไม่อยากจะไล่มู่ซืออวี่ออกไปอีกแล้ว

ถึงอย่างไรเสีย นางก็เป็นแม่ของเด็กทั้งสอง เด็ก ๆ ก็มองนางเป็นแม่ และนางยังเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถมอบความอบอุ่นให้กับลู่ฉาวอวี่ได้

“ข้าพาลู่เซวียนไปพบท่านหมอครั้งนี้ ต้องจ่ายค่ายาห่อละ 10 ตำลึง ต้องใช้ยาทั้งหมด 3 ห่อ ราคาทั้งหมด 30 ตำลึง บ้านเรามีเงินแค่ 10 ตำลึงเท่านั้น ต้องหาหยิบยืมจากเพื่อนมาก่อนอีก 20 ตำลึง” ลู่อี้อธิบายอยู่ด้านหลังมู่ซืออวี่

หญิงสาวที่กำลังคัดแยกผักอยู่ก็ถึงกับชะงัก ก่อนจะเอามือกุมหน้าอกด้วยความตกใจ “ข้าตกใจหมดเลย เหตุใดจู่ ๆ มายืนพูดอยู่ด้านหลังแบบนี้เล่า”

นางจะต้องหาเงินที่เหลือมาคืนสินะ

เจ้าของร่างนี้ไม่น่าจะเป็นคนขี้โกงถึงเพียงนั้นหรอก

นางเพิ่งจะมาถึงโลกนี้ ยังไม่ทันปรับตัวให้เข้ากับร่างกายนี้ได้ดีนักก็ต้องมาหาเงินใช้หนี้เสียแล้วหรือ

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังวุ่ยวายอยู่กับความคิดในหัว ลู่อี้ก็โยนอะไรบางอย่างใส่อ้อมแขนของนาง

สีหน้าของมู่ซืออวี่เต็มไปด้วยความสงสัย นางเปิดกระเป๋าใบนั้นออกแล้วเทเงิน 15 เหวินออกมา

“เงินส่วนตัวของข้ามีอยู่เท่านี้” ลู่อี้อธิบายเพิ่ม

มู่ซืออวี่มีแววประหลาดใจ “ให้ข้าอย่างนั้นหรือ?”

ก่อนหน้านี้เขาดูไม่ไว้ใจนาง แต่ตอนนี้เริ่มเอาเงินมาให้นางเป็นคนดูแล และยังเล่าเรื่องค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ให้ฟังอีกด้วย เช่นนี้เท่ากับว่ากำลังยอมรับในตัวนางมากขึ้นหรือเปล่านะ

“ใช่” ลู่อี้เห็นว่านางมีท่าทางสนอกสนใจเงินนั้นก็นึกเย้ยหยันขึ้นมา

จริงสินะ

ไม่แปลกใจเลยที่ทำตัวดีเสียจนผิดปกติขนาดนี้

มู่ซืออวี่นับเหรียญพลางคิดคำนวณในหัว มีเงินทั้งหมด 15 เหวิน ตามค่าเงินในยุคนี้ ข้าวโพดชั่งละ 3 เหวิน ปลายข้าวชั่งละ 5 เหวิน ส่วนข้าวขาวแบบเต็มเมล็ดราคาชั่งละ 7 เหวิน เช่นนี้ก็แสดงว่าเงินจำนวนนี้จะสามารถซื้อปลายข้าวได้สามชั่ง

ปลายข้าวสามชั่งและผักป่าที่หาเก็บมาน่าจะอยู่ได้นานกว่าครึ่งเดือน และถ้าประหยัดมากกว่านี้ก็อาจจะกินได้นานขึ้นอีกหน่อย

“ถ้าเจ้ายังทำตัวดี ๆ แบบนี้ต่อไป ข้าจะให้เจ้าเดือนละ 50 เหวิน เป็นค่าใช้จ่ายในบ้าน” ลู่อี้ขัดจังหวะคิดคำนวณของนาง

มู่ซืออวี่กำลังพยายามคิดว่าจะทำอย่างไรให้อยู่รอดด้วยเงินเพียง 15 เหวิน นางรู้สึกสับสนเมื่อได้ยินสิ่งที่ลู่อี้กล่าวเมื่อครู่ จึงกะพริบตาอย่างใสซื่อแล้วถามอย่างสงสัย “เหตุใดต้องให้ค่าใช้จ่ายในบ้านกับข้าด้วยล่ะ?”

ลู่อี้เงียบไปครู่หนึ่ง สีหน้าของเขาดูเย็นชา ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหมดความอดทน “อย่าทำเป็นซื่อไปหน่อยเลย ลู่เซวียนยังต้องไปหาหมอ มีให้แค่นั้นแหละ”

เหตุใดถึงได้โลภมากเช่นนี้กัน

“เดี๋ยวสิ” มู่ซืออวี่ขัดจังหวะเขา นางทำความเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ และในที่สุดทุกอย่างก็เริ่มกระจ่างขึ้นมา “เจ้าหมายความว่า ถ้าข้าดูแลเด็กทั้งสองคนอย่างดี และขยันดูแลบ้านเหมือนที่ทำในวันนี้ เจ้าจะให้เงิน 50 เหวินกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

ในสายตาของเขา สิ่งที่นางตั้งใจทำดีโน่นนี่นั่นก็เพียงเพื่อเงินเท่านั้นสินะ

หึ! ฟังดูน่าโมโหไม่น้อย

แต่ก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดเช่นนั้น

“ได้สิ!” มู่ซืออวี่ไม่ได้อธิบายอะไรต่อ “ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อน”

เมื่อเห็นว่านางเก็บเงินไปแล้ว ลู่อี้ก็หันหลังจากไปแบบไร้ซึ่งคำพูดใด ๆ

มู่ซืออวี่มองตามหลังลู่อี้ “คนอะไรอย่างกับก้อนหิน”

เสียงฝีเท้าของอีกฝ่ายพลันหยุดลง

หญิงสาวอับอายขึ้นมาเล็กน้อย ไม่แน่ใจว่าเขาได้ยินสิ่งที่นางพูดหรือไม่

ชายหนุ่มเพียงฟังที่นางพูดอย่างเงียบ ๆ ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป แท้จริงแล้วเขาก็เป็นคนเย็นชาอย่างที่นางว่า ไม่แปลกที่จะถูกเรียกแบบนั้นมาตั้งแต่อายุยังน้อย

“15 เหวิน ขายไก่สามตัวน่าจะได้ 10 เหวิน วันนี้จับมาได้สองตัว เอาไปกินหนึ่งตัว ส่วนอีกตัวเอาไปขาย…” มู่ซืออวี่คิดคำนวณกับตัวเอง

ทันใดนั้น ลู่จื่ออวิ๋นก็เดินเข้ามาจากด้านนอก หญิงสาวจึงโบกมือให้เด็กน้อย “เสี่ยวอวิ๋น มานี่สิ”

“ท่านแม่” ลู่จื่ออวิ๋นเดินเข้ามาหาอย่างเชื่อฟัง

“เสี่ยวอวิ๋น บอกพ่อของเจ้าสิว่าเจ้าอยากกินไก่ ขอให้เขาฆ่าไก่ที่หามาได้วันนี้สักตัว” มู่ซืออวิ๋นกระซิบกระซาบ

ลู่จื่ออวิ๋นมีสีหน้าขมขื่นทันที “ท่านแม่ ข้าไม่อยากกินไก่หรอกเจ้าค่ะ ท่านอาเสียเงินตั้งเยอะเพื่อซื้อยา เอาไก่ไปขายดีกว่า จะได้มีเงินมาเพิ่ม”

“ท่านอาของเจ้าไม่ได้ต้องการเงิน 20 เหวินนี้ไปซื้อยาหรอกน่า”

มู่ซืออวี่ไม่ได้เห็นแก่กิน แต่นางรู้สึกว่าร่างกายนี้แทบไม่ได้รับการบำรุงด้วยอาหารที่มีประโยชน์เอาเสียเลย จำเป็นที่จะต้องบำรุงกำลังเสียบ้างจะได้มีแรงทำงาน

เด็กทั้งสองเองก็ต้องกินของมีประโยชน์บ้างเหมือนกัน

“ท่านอยากกินเองก็ไปบอกสิ อย่าให้น้องข้าโกหก” ลู่ฉาวอวี่ยืนอยู่ที่ประตูและจับจ้องมาที่นาง

มู่ซืออวี่ประดักประเดิดขึ้นมาทันทีหลังจากถูกจับได้ ใบหน้าของนางแดงก่ำ

ให้เด็กคนหนึ่งมาสอนอะไรแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

คนเป็นน้องสาวมองไปทางพี่ชาย จากนั้นก็หันไปบอกมู่ซืออวี่ สีหน้าของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความลำบากใจ “อย่าทะเลาะกันสิเจ้าคะ”

ลู่ฉาวอวี่สงบลงแล้วดึงน้องสาวออกมา “ไปเล่นกับพี่ดีกว่า อย่าไปสนใจนางเลย”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset