สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 239 ขาของเขารักษาไว้ได้แล้ว

บทที่ 239 ขาของเขารักษาไว้ได้แล้ว

แม่เฒ่าเจียงนำเก้าอี้มาให้ท่านหมอลี่และคนจัดยา บอกให้นั่งรออยู่บริเวณลานบ้านสักพัก ส่วนนางขอตัวเข้าไปทำความสะอาดห้อง

ตอนนี้ราวกับนางไม่ใช่คนเกรี้ยวกราดอีกต่อไป แต่ดูเหมือนหญิงชาวไร่ชาวสวนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง ในสมองล้วนมีแต่ความกังวลเรื่องลูกชายของตน

ท่านหมอลี่ถอนหายใจเบา ๆ “เอ้อร์หยวน เจ้าไปช่วยเสียหน่อย”

คนจัดยาที่ชื่อเอ้อร์หยวนผู้นั้นเข้าไปช่วยอย่างไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

“ขอบคุณนะ” แม่เฒ่าเจียงกล่าวขอบคุณอย่างเอาใจ

แววตาดูถูกแวบผ่านดวงตาของมู่ตงหยวน

กับคนจัดยาต่ำต้อยเช่นนี้มีอะไรให้ต้องประจบเอาใจ? สีหน้าเช่นนั้นของนางช่างน่ารังเกียจจริง ๆ

ท้ายที่สุดห้องก็ได้รับการทำความสะอาดจนหมดจด ทว่ากลิ่นเหม็นอับยังคงฟุ้งอยู่ในอากาศ

เอ้อร์หยวนเดินออกมาบอกว่า “อาจารย์อา กลิ่นข้างในระคายจมูกยิ่งนัก ข้าเอาผ้าปิดจมูกให้ท่านดีหรือไม่ขอรับ?”

“ไม่จำเป็นล่ะ” ท่านหมอลี่ลุกขึ้น “เข้าไปกันเถอะ”

ท่านหมอลี่ตรวจชีพจรของมู่ตงหยวน จากนั้นจึงตรวจดูบาดแผลของอีกฝ่าย

“ก่อนหน้านี้ได้ทานยาหรือไม่?” ท่านหมอลี่ถาม

“ทานเจ้าค่ะ หมอเท้าเปล่าในหมู่บ้านจัดตำรับยาห้ามเลือดไว้ให้” แม่เฒ่าเจียงกล่าว “หรือว่ายาที่เขาจัดให้ผิดพลาดเจ้าคะ?”

“ไม่ใช่ ยาขนานนี้ดีมาก โชคดีที่ได้ทานยาของเขาเข้าไป มิเช่นนั้นเกรงว่าลูกชายของเจ้าคงไม่มีชีวิตอยู่มาจนถึงตอนนี้” ท่านหมอลี่ยกมือขึ้นลูบเคราของตน “บาดแผลนี้จัดการยากอยู่ พอรักษาได้ แต่อาจจะรักษาไม่ได้ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นค่ารักษายังสูงมาก ดูจากสถานการณ์ครอบครัวของเจ้าอาจจะไม่สามารถจ่ายได้”

“ต้องใช้เงินมากน้อยเท่าใดหรือเจ้าคะ?”

“เพียงแค่ค่ายาจัดกระดูกก็เป็นเงิน 100 ตำลึงแล้ว ต่อไปยังต้องฟื้นฟูร่างกายอีก ทั้งหมดจำเป็นต้องใช้เงิน 150 ตำลึง”

“แพงถึงเพียงนี้เชียว!” แม่เฒ่าเจียงตกใจจนต้องผงะ

ในมือนางมีทั้งหมด 50 ตำลึงเงิน หลังจากซื้อข้าวซื้อบะหมี่มา ตอนนี้เหลือแค่เพียง 47 ตำลึงเงินเท่านั้น

“บาดแผลของเขาสาหัสมาก จำเป็นต้องใช้ตำรับยาที่ข้าทำขึ้นโดยเฉพาะ ยานี้ปรุงได้ยากมาก ในมือข้าตอนนี้มีเพียงห้าขวด ห้าขวดนี้เพียงพอให้เขาใช้เพียงสองเดือนเท่านั้น หลังจากกลับไปแล้วยังต้องปรุงอีก หากเจ้าคิดว่าไม่เหมาะสม ข้าก็สามารถจ่ายยาที่ถูกลงมาหน่อยให้ได้ เพียงแต่เกรงว่าภายภาคหน้าเขาจะไม่สามารถลงจากเตียงได้อีก”

“ใช้ยาที่ดีที่สุด” มู่ตงหยวนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง “ข้าไม่อยากนอนอยู่กับเตียงไปชั่วชีวิต”

“ท่านหมอ ใช้ยาที่ดีที่สุดเถิด” แม่เฒ่าเจียงกล่าว “เช่นนั้นห้าขวดนั้นเท่าใดหรือเจ้าคะ?”

“80 ตำลึง”

“ในมือของข้าไม่มีเงินมากมายเพียงนั้น ท่านขายให้ข้าก่อนสองขวด อีกไม่กี่วันข้าค่อยซื้ออีกสามขวดที่เหลือได้หรือไม่เจ้าคะ?” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยถาม

“ได้” ท่านหมอลี่ลุกขึ้น “ข้าจะจัดตำรับยาทานรักษาภายในอีกขนานให้เจ้า เจ้าต้มให้เขาดื่มทุกวัน จะช่วยให้เขาฟื้นฟูเร็วขึ้น”

เมื่อออกมาจากบ้านแม่เฒ่าเจียงแล้ว ท่านหมอลี่ยังไม่รีบร้อนที่จะกลับ เขาหันกลับมาถามแม่เฒ่าเจียงว่า “ครอบครัวลู่อี้ไปทางใด?”

สีหน้าของแม่เฒ่าเจียงแข็งทื่อ จากนั้นนางจึงชี้ไปทิศทางหนึ่ง “บ้านหลังที่ใหญ่ที่สุดทางนู้นเจ้าค่ะ”

มู่ซืออวี่เชิญเหยาซื่อมาที่บ้านของนางเพื่อสอบถามสิ่งที่ต้องซื้อในการตระเตรียมจัดงานแต่ง

การจัดงานแต่งในหมู่บ้านนั้นจัดอย่างเรียบง่าย ไม่ได้มีวิธีที่หลากหลายอะไร เหยาซื่อก็ไม่สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจน แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อนกลับบ้าน คอยเสนอแนะความคิดเห็นอยู่ข้าง ๆ แทน

“พี่ใหญ่เซี่ย ท่านไม่ต้องเอาแต่ยุ่งแล้ว มาช่วยข้าออกความคิดหน่อย”

สีหน้าว่างเปล่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าเย็นชาราวกับน้ำแข็งของเซี่ยคุน “ความคิดอะไร?”

“ถึงแม้อันอวี้จะอยู่บ้านข้าง ๆ แต่ท่านก็ต้องทำตามขนบ ถึงเวลานั้นก็ให้คนแบกเกี้ยวของอันอวี้ไปรอบ ๆ หมู่บ้านสักเที่ยว ส่วนท่านก็ขี่ม้านำทางข้างหน้า…”

“ยังต้องนั่งเกี้ยวเจ้าสาวด้วยหรือ?” เหยาซื่อประหลาดใจ

“แน่นอนว่าต้องนั่ง นี่เป็นโอกาสเพียงครั้งเดียวในชีวิต จะต้องจัดอย่างหรูหราอลังการ อันอวี้เป็นเจ้าสาว นางต้องนั่งเกี้ยวเข้าประตูบ้านเรา”

“จากนั้นก็เป็นห้องใหม่ เราต้องประดับตกแต่ง…”

เนื่องจากไม่มีผู้ใดออกความคิดเห็นให้นาง นางจึงตัดสินใจว่าจะทำแบบในยุคปัจจุบัน

ลู่อี้นำท่านหมอลี่เข้ามา

“ฮูหยิน เจ้าดูสิผู้ใดมา”

“ท่านหมอลี่!” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “ท่านหาบ้านพวกเราเจอได้อย่างไรเจ้าคะ?”

“ข้ามาตรวจคนไข้ที่หมู่บ้าน นึกขึ้นได้ว่าครอบครัวของพวกเจ้าอาศัยอยู่ที่หมู่บ้านครอบครัวลู่ ข้าจึงแวะมาดูสักหน่อย” ท่านหมอลี่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คงไม่รบกวนพวกเจ้ากระมัง?”

“ไม่เลยเจ้าค่ะ” มู่ซืออวี่ต้อนรับอย่างอบอุ่น “นั่งลงเถอะเจ้าค่ะ ข้าจะไปชงชามาให้”

เหยาซื่อเห็นพวกเขามีแขก นางจึงกลับไป

แต่นางจะต้องเอาเรื่องที่ครอบครัวลู่จ่ายเงินออกไปจำนวนมากเพื่อจัดงานแต่งครั้งนี้ไปบอกหญิงสาวในหมู่บ้าน เพื่อให้พวกนางอิจฉาตาร้อนเล่น ๆ ขณะเดียวกันจะได้ย้ำเตือนพวกนาง คนเขากำลังจะจัดงานใหญ่โต ถึงตอนนั้นก็อย่าได้ส่งเงินเพียง 10 อีแปะหรือไข่แค่เพียงยี่สิบกว่าฟองมาเป็นอันขาด หรือหากคิดจะนำผักมาแค่เพียงหนึ่งกำมือ แล้วอยากมาทานอาหารให้อิ่มหนำละก็ เช่นนั้นมิสู้ไม่ต้องมาเสียเลยดีกว่า

มู่ซืออวี่เดินไปบ้านข้าง ๆ แล้วเชิญอันอวี้มา

ท่านหมอลี่ตรวจดูตาของอันอวี้อีกครั้งแล้วเอ่ยคำเดิม

“ข้าไม่ทันได้ตระเตรียมมาให้พร้อม วันนี้ฝังเข็มก่อน กลับไปแล้วข้าจะส่งยามาให้” ท่านหมอลี่กล่าว

“ต้องรบกวนท่านหมอแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว “อีกไม่นานอันอวี้ต้องแต่งงานกับพี่ใหญ่เซี่ยแล้ว หากเริ่มรักษาตอนนี้จะกระทบอะไรหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่กระทบสิ่งใด ทว่าทันทีที่เริ่มรักษาแล้วย่อมไม่อาจหยุดได้ มิเช่นนั้นความพยายามก่อนหน้าก็จะสูญเปล่า ข้าแนะนำให้พวกเจ้าพานางไปที่เมืองซูโจวเพื่อรับการรักษาอย่างจริงจัง เช่นนี้จะได้ไม่มีคนรบกวนนาง หากอารมณ์ของนางผ่อนคลาย ยิ่งจะช่วยในการรักษาอย่างมาก”

อันอวี้จับแขนของมู่ซืออวี่เอาไว้แน่น “ข้ากลัว”

“ไม่ต้องกลัว เจ้าผ่อนคลายหน่อย” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านหมอลี่เป็นหมอที่มีชื่อเสียง น้องสามีของพวกเราก็ได้ท่านหมอลี่รักษาจนหายดี ข้าเชื่อว่าเจ้าก็จะหายดีเช่นกัน เจ้ายังเยาว์วัย ขอแค่มีความหวัง ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองพยายามดูใช่หรือไม่?”

“คงแพงมากกระมัง?”

“พี่ใหญ่เซี่ยยังหนุ่มยังแน่น เขาย่อมหาเงินได้มากพอจะนำมาคืนข้าอยู่แล้ว หากตาเจ้าหายดีแล้ว เจ้าจะได้ดูแลพี่ใหญ่เซี่ยอย่างไรล่ะ ไม่ดีหรือ?”

อันอวี้กำผ้าเช็ดหน้าในมือแล้วพยักหน้าเบา ๆ

หากพอเป็นไปได้ นางก็หวังว่าตนจะหายดี

“ท่านหมอลี่ ในหมู่บ้านพวกเรามีคนป่วยหรือเจ้าคะ? เขาเชิญท่านมาได้เชียวหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามโดยไม่ได้คิดสิ่งใด

“มีหญิงนางหนึ่งเชิญข้ามา นางกล่าวว่านางตามหาข้าทั่วทั้งเมืองอยู่หลายชั่วยาม นางไปถามร้านขายยาทุกร้านแล้ว ข้าไปหาสหายเก่าแก่ผู้หนึ่งจึงพบกับนางเข้าพอดี ขาของลูกชายนางใช้การไม่ได้แล้ว ข้าเพิ่งไปดูมา ช่างน่าเวทนา รักษาไม่ได้ง่าย ๆ เลย อย่างมากข้าทำได้แค่เพียงทำให้เขาลุกจากเตียงเดินเหินไปมาได้ แต่ไม่อาจรักษาให้กลับมาดีอย่างแต่ก่อนได้”

“ขาใช้การไม่ได้? ใช่แซ่เจียงใช่หรือไม่เจ้าคะ? ที่มีลูกชายแซ่มู่?”

“หญิงนางนั้นแซ่เจียง ลูกชายแซ่มู่หรือไม่นั้นข้าก็ไม่อาจรู้ได้ ฮูหยินลู่แซ่มู่ใช่หรือไม่? หรือจะเป็นญาติของท่าน?”

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ไม่คุ้นเคยกัน” มู่ซืออวี่ยิ้มบาง ๆ

นางไม่อยากมีญาติเช่นนั้นหรอก

แม่เฒ่าเจียงรักใคร่ลูกชายคนเล็กคนนี้จริง ๆ แต่ไม่รู้ว่าลูกชายคนนี้จะซาบซึ้งกับสิ่งที่นางทำเพื่อเขาหรือไม่ มู่ตงหยวนผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไรนัก

ทางด้านแม่เฒ่าเจียงที่เพิ่งทำอาหารเสร็จก็รีบยกเข้าไปในห้องของมู่ตงหยวน

เสียงเคาะประตูพลันดังขึ้นมาจากด้านนอก

“ตงหยวน เจ้ากินไปก่อน ข้าจะไปดูว่าใครมา”

มู่ตงหยวนทานอาหารที่อยู่ในมือ ไม่ได้สนใจแม่เฒ่าเจียงแม้แต่น้อย

สายตาหมองหม่นของแม่เฒ่าเจียงหยุดลงบนร่างของมู่ตงหยวน แววตาของนางเต็มไปด้วยความผิดหวัง

ตอนนั้นตงหยวนไม่ควรไปเป็นคนติดตามบัณฑิตอะไรนั่นเลยจริง ๆ ตอนนี้ถึงได้กลายมาเป็นคนไม่พูดไม่จาเช่นนี้ ไม่สนิทสนมกับนางอีกต่อไปแล้ว

“มาแล้ว ๆ ผู้ใดกัน เหตุใดจึงต้องรีบเร่งเช่นนี้!” แม่เฒ่าเจียงเดินออกไปพลางบ่นไปตามทาง

บัดนี้นางนับวันยิ่งเปลี่ยนแปลงพลิกผัน เดินเหินช้าลงยิ่งกว่าเดิม แผ่นหลังเริ่มงองุ้ม เส้นผมก็ขาวโพลนเกินกว่าครึ่ง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset