สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 264 ท่านแม่ ท่านควรหาคนรักใหม่ได้แล้ว

บทที่ 264 ท่านแม่ ท่านควรหาคนรักใหม่ได้แล้ว

บทที่ 264 ท่านแม่ ท่านควรหาคนรักใหม่ได้แล้ว

มู่ซืออวี่ตื่นขึ้นพร้อมเสียงสวบสาบ

เมื่อลืมตาขึ้น นางก็พบว่าฟ้าข้างนอกยังไม่สาง ลู่อี้กำลังแต่งตัวโดยหันหลังให้นาง

นางลุกขึ้นนั่ง สวมรองเท้าแล้วลุกจากเตียง

“ยังเช้าอยู่ เจ้านอนต่อสักหน่อยเถอะ” ลู่อี้คว้ามือนางไว้

“ช่วงนี้ท่านตื่นเช้ากลับดึก สามมื้อต่างไปกินข้างนอก ดูซิว่าซูบผอมลงเพียงไรแล้ว? เมื่อวานข้าต้มแกงและทำซาลาเปาไว้ อุ่นสักหน่อยท่านก็กินก่อนไปได้แล้ว”

ลู่อี้กอดเอวนางไว้แน่น “มีภรรยาเช่นนี้ ข้าก็คือผู้โชคดีที่สุดในโลกจริง ๆ”

“เช่นนั้นเจ้าต้องดีกับข้าให้มากนะ” มู่ซืออวี่กล่าว “ไม่อย่างนั้น ข้าจะหนีไปกับคนอื่น”

“ไม่ได้ ข้าไม่ให้ใครแย่งเจ้าไปหรอก” ลู่อี้จุมพิตริมฝีปากนาง

มู่ซืออวี่ไม่นัวเนียกับเขาต่อ นางผลักเขาออก “ท่านไม่ได้รีบอยู่หรือ?”

“ฮูหยินไม่ชอบข้าหรือ?” ลู่อี้รำพึงอย่างเศร้าสร้อย

“ข้าไม่อยากถ่วงเวลาท่าน” มู่ซืออวี่เขย่งเท้าขึ้นจุมพิตริมฝีปากลู่อี้ “นายอำเภอคนใหม่หมายถึงอำนาจระส่ำระสาย ในช่วงนี้ท่านต้องระวังตัว อย่าสร้างเรื่องล่ะ”

จือเชียนเตรียมพร้อมจะไปซื้อโจ๊กและซาลาเปาจากข้างนอก เมื่อทราบว่าเขาจะได้อยู่ทานข้าวที่บ้านในวันนี้ เขาก็แสนปรีดา กินซาลาเปาไส้เนื้อลูกโตสิบลูกในรวดเดียว

มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “ดูเหมือนคราวหน้าข้าต้องทำมากกว่านี้”

“ฮูหยิน ท่านไม่ทราบหรอกว่าช่วงนี้เราคิดถึงอาหารของท่านมากเพียงไร” จือเชียนโอดครวญ “อาหารข้างนอกนั่นขายแพงมาก แต่เทียบความอร่อยกับอาหารที่ฮูหยินทำสักครึ่งยังไม่ได้เลย”

“ยามเจ้ามีเวลา ข้าจะจัดสำรับดี ๆ สักโต๊ะมาบำรุงเจ้า” มู่ซืออวี่กล่าว

ลู่อี้ลุกขึ้นเร่งจือเชียน “อิ่มแล้วหรือไม่? ไปกันเถิด”

จือเชียนงับซาลาเปาแล้วตามลู่อี้ไป

ส่วนมู่ซืออวี่ยืนใต้ชายคา มองร่างของลู่อี้หายลับสู่ความมืดไป

“เฮ้อ…” เสียงถอนหายใจหนึ่งดังมาจากห้องข้าง ๆ

เป็นห้องของถงซื่อนั่นเอง

มู่ซืออวี่ได้ยินเสียงมารดานอนกระสับกระส่าย

จู่ ๆ มู่ซืออวี่ก็คิดขึ้นว่า อายุอานามของถงซื่อก็ยังสาว ไม่มีทางอยู่ลำพังเช่นนี้ได้ตลอดกระมัง?

แม้จะมีลูกมีหลานแล้ว แต่ก็มีบ้านของตน มู่เจิ้งหานยามนี้กำลังร่ำเรียน ภายหน้าก็จะออกเรือนเล็ก ๆ ของตนเอง เหลือเพียงมารดาของนางอยู่ลำพัง แทนที่จะเป็นเช่นนี้ ก็ควรหาชายผู้ที่จะมาอยู่ด้วยจะดีกว่า

ชั่วยามต่อมา ทุกคนก็ตื่นร่วมวงอาหารเช้า

มู่ซืออวี่กล่าวสิ่งที่นางคิดออกมา

“แค่ก ๆ” ถงซื่อได้ยินวาจาของมู่ซืออวี่แล้วก็สำลัก

ท่านหมอจูมองถงซื่ออย่างกระวนกระวาย

มู่เจิ้งหานเองก็เผยสีหน้าประหลาดใจ “พี่สาว อยากให้ท่านแม่เรา…”

“ท่านแม่ยังสาว นางก็ควรมีความสุขของนาง” มู่ซืออวี่กล่าว “น้องหาน เจ้าคิดอย่างไร?”

มู่เจิ้งหานมองถงซื่อ ไม่รู้จะพูดอะไรไปชั่วขณะ

แน่นอนว่าเขาหวังให้มารดาของตนมีความสุข แต่การจะหาชายอื่นซึ่งรับเรื่องของนางได้นั้นไม่ง่ายเลย

อายุเท่านาง ชายทั่วไปต่างแต่งงานแล้ว ส่วนผู้ที่ไม่ได้แต่งภรรยานั้น หากไม่ใช่พ่อม่ายก็เป็นคนโสดไร้ฝีมือ ไม่คู่ควรกับนางเลย

แน่นอนว่าพ่อม่ายบางคนไม่เลวเลย แต่คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มีลูกติด หากมารดาของเขาแต่งงานเข้าบ้านไป นางก็ต้องรับใช้ลูกผู้อื่น หาเรื่องใส่ตัวโดยแท้ไม่ใช่หรือ? ไม่อาจสุขสบายเช่นยามนี้ได้

“ข้าไม่อยาก” ถงซื่อหน้าแดงกล่าวขึ้น “ลูกอวี่ อย่าหาเรื่องไล่กันแบบนี้ หากเจ้าคิดว่ามีแม่อยู่แล้วลำบากติดขัด แม่…”

“ท่านแม่ ท่านรู้ว่าข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้นหรอก ไฉนต้องพูดเช่นนี้ออกมาด้วย?” มู่ซืออวี่กุมมืออีกฝ่ายไว้ “ข้าว่าท่านทนทุกข์กับการแต่งงานกับมู่ต้าซาน ชั่วชีวิตข้าไม่เคยเห็นวันที่ท่านรักชายใดสักคนอย่างเต็มหัวใจเลย”

“นั่นพ่อเจ้านะ” ถงซื่อตำหนิ “ถึงเราจะตัดสัมพันธ์กันแล้ว เขาก็คือบิดาเจ้า อย่าเรียกเขาด้วยนามห้วน ๆ เช่นนั้น”

“ก็ได้ ข้าจะให้เกียรติเขา” มู่ซืออวี่เกลี้ยกล่อมต่อ “ข้าอยากให้ท่านรู้ว่าบุรุษทุกคนไม่ได้เป็นเช่นเขา ท่านดีเพียงนี้ ก็ควรหาชายผู้รู้จักคุณค่าและทะนุถนอมท่านสิ”

ท่านหมอจูมองถงซื่อด้วยสายตารุ่มร้อน

ถงซื่อหวาดเกรงเกินกว่าจะเงยหน้ามองเขา

นางหรือจะไม่รู้ว่าเขาอยากสื่ออะไร? เขาอยากฉวยโอกาสนี้แสดงความรักระหว่างพวกนางต่อบุตรหลาน ทว่า…

นางไม่กล้าหรอก

“แม่สื่อน้อย พวกเรา… อั่ก” เมื่อเห็นถงซื่อไม่พูด ท่านหมอจูก็กัดฟันคิดสารภาพ ทว่าโดนถงซื่อขัดเข้าเสียก่อน

นางเหยียบเท้าเขาในครั้งนี้ไม่ได้เบาเลย เห็นได้ชัดว่านางรีบร้อนเพียงไร

ถงซื่อรู้สึกผิดในใจ ได้แต่มองท่านหมอจูอย่างเว้าวอน

ท่านหมอจูหน้าเสีย เขาลุกขึ้นกล่าวว่า “ข้ายังมีงานต้องทำ ต้องกลับก่อน หากมีเรื่องอะไรไปตามข้าได้!”

“ไฉนกะทันหันนักเล่า?” มู่ซืออวี่ถามขึ้น “ไม่ใช่ท่านบอกว่าจะอยู่ต่ออีกสองสามวันหรือ?”

“เกิดเรื่องบางอย่างน่ะ ต้องกลับก่อน” ท่านหมอจูกล่าวพลางแบกตะกร้าที่เขานำมาด้วยเดินออกไป

ลู่ฉาวอวี่มองถงซื่อผู้หน้าแดงแปร๊ด ก่อนจะมองไปทางที่ท่านหมอจูเดินจากไป

ส่วนมู่ซืออวี่รู้สึกพิกล แต่ก็ไม่เห็นสิ่งใดผิดแปลก

“ท่านแม่ ข้ากับน้าเล็กจะไปเมืองหยางหลิ่วกันนะ” ลู่ฉาวอวี่กล่าวขัดความคิดของนาง

“เหตุใดถึงจะไปเมืองหยางหลิ่ว?” มู่ซืออวี่ถาม

“อาจารย์บอกว่ามีสำนักบัณฑิตแห่งหนึ่งในเมืองหยางหลิ่ว ศิษย์ที่นั่นมีความสามารถ พวกเขาล้วนมีหน้ามีตาในการสอบของราชสำนัก อาจารย์เป็นสหายกับเจ้าสำนักที่นั่น อีกฝ่ายจะเลือกศิษย์สิบคนไปร่ำเรียนเป็นเวลาสองเดือน กล่าวได้ว่าเรียนรู้จากจุดแข็งของกันและกัน เราจะได้ไปเยือนหอตำราของพวกเขาด้วย อาจารย์ก็จะไปเช่นกัน ไม่ต้องห่วงเรื่องเงิน”

“นี่เรื่องใหญ่เลยนะ ข้าจะเตรียมให้พวกเจ้าเอง” มู่ซืออวี่กล่าว “อีกสองเดือนจะปีใหม่แล้ว กลับมาทันปีใหม่ได้หรือไม่?”

“นั่งรถจากที่นี่ไปเมืองหยางหลิ่วใช้เวลาแค่สามวัน เรากลับมาทันได้แน่” ลู่ฉาวอวี่กล่าว

“ดี แต่อากาศกำลังเย็นลง ข้าจะต้องเตรียมชุดฤดูหนาวให้พวกเจ้าอีกสองชุด ออกไปข้างนอกมีเหตุไม่สะดวกมากมาย ควรพกเงินไปมากกว่านี้” มู่ซืออวี่ร่ายเรียงสิ่งที่พวกเขาต้องเตรียม

“ท่านพี่ ค่อยเป็นค่อยไปเถิด อาจารย์บอกว่าเรามีเวลาเตรียมตัวห้าวัน” มู่เจิ้งหานกล่าว “เรากลับสำนักกันก่อนนะ”

ลู่จื่ออวิ๋นวางตะเกียบลง “ท่านแม่ ข้าก็อยากออกไปเล่น”

“ไฉนช่วงนี้เจ้าอยากออกไปเล่นประจำเลย? มีเพื่อนใหม่แล้วหรือ?” มู่ซืออวี่ถาม

เดิมทีนี่เป็นเพียงคำถามง่าย ๆ ทว่านางกลับไม่ได้รับคำตอบเนิ่นนาน เมื่อมองไปอีกที นางก็พบว่าลู่จื่ออวิ๋นหนีหายไปแล้ว

“อวิ๋นเอ๋อช่วงนี้กินเสร็จก็วิ่งหนีหาย ควรไปดูหรือไม่ว่าคบเพื่อนผู้ใดไว้?” ถงซื่อกล่าว “นางยังเล็กมาก หากมีเพื่อนแย่ ล่อลวงสองสามคำนางก็คล้อยตามแล้ว จะเสียคนเอาเปล่า ๆ”

“ยามนี้นางไม่อยู่แล้ว คงถามคำถามเพิ่มเติมไม่ได้ เดี๋ยวกลางวันนางกลับมากินข้าว ค่อยรอถามนางยามนั้นก็แล้วกัน” มู่ซืออวี่กล่าว “ท่านแม่ ท่านก็เก็บสิ่งที่ข้าเพิ่งพูดไปคิดด้วยนะ”

“ไม่มีทาง” ถงซื่อเขม่นตามอง “ข้าเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว หยุดก่อเรื่องให้ยุ่งยากเถอะ”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset