สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 270 แม่เฒ่าเจียงพัฒนาขึ้นแล้ว

บทที่ 270 แม่เฒ่าเจียงพัฒนาขึ้นแล้ว

บทที่ 270 แม่เฒ่าเจียงพัฒนาขึ้นแล้ว

ชาวบ้านที่ทำงานอยู่ในไร่ประหลาดใจเมื่อเห็นรถม้าคันหนึ่งเคลื่อนเข้าไปในหมู่บ้าน

เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนไปทางบ้านหลังใหญ่ที่สุดในหมู่บ้าน พวกเขาถึงกับต้องผละจากงานที่กำลังทำ หยิบเครื่องมือการเกษตรขึ้นมาแล้วกลับไป

ลู่อี้ลงจากรถม้าก่อน จากนั้นจึงช่วยมู่ซืออวี่ที่อยู่ข้างในลงมา

จือเชียน เซี่ยคุน และคนอื่น ๆ ช่วยขนย้ายของลงจากรถม้า

ลู่อี้ลาออกจากตำแหน่งขุนนางแล้ว พวกเขาจึงตัดสินใจกลับไปยังหมู่บ้านที่ชนบทเพื่อผ่อนคลายอารมณ์สักพัก

“อันอวี้ พวกเราไปเก็บผักเถอะ!”

ผู้อื่นในหมู่บ้านจะได้รู้ด้วยว่าดวงตาของอันอวี้รักษาหายแล้ว คำนินทาว่าร้ายจะได้หายไปเสียที

“ได้จ้ะ”

แม่เฒ่าเจียงในชุดผ้าแพรไหมกำลังส่งแม่สื่อกลับไป นางทันได้เห็นมู่ซืออวี่และอันอวี้เดินมาด้วยกัน จึงกล่าวออกมาเสียงแหลม “บางคนน่ะไม่รู้จักกตัญญูรู้คุณ เทพยดาฟ้าดินทนดูไม่ได้ เป็นขุนนางอยู่ดี ๆ ก็ไม่ได้เป็นเสียแล้ว หึหึ”

มู่ซืออวี่ไม่คิดจะคุยกับอีกฝ่าย

แม่เฒ่าเจียงมองตามหลังมู่ซืออวี่ไปก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกหนึ่งประโยค

“หยิ่งยโสมาจากไหนนั่น อีกเดี๋ยวข้าจะมีบ้านใหม่อยู่แล้ว ใหญ่กว่าบ้านของพวกเจ้าหลังนั้นอีก”

เมื่อนึกถึงเรื่องใหญ่ที่นางจะทำเร็ว ๆ นี้แล้ว สายตาของแม่เฒ่าเจียงก็เต็มไปด้วยความพอใจ

หลังจากสร้างบ้าน แต่งสะใภ้ให้ตงหยวน ภายภาคหน้าชีวิตของพวกนางจะต้องดีขึ้นเรื่อย ๆ เป็นแน่

“ท่านแม่” ถังซื่อเดินออกมาพลางกล่าวประจบประแจง “บ้านพวกเราไม่มีเส้นบะหมี่แล้ว ท่านนำเงินออกมาสักหน่อยเถิด พรุ่งนี้ข้าจะเข้าเมืองไปซื้อมา”

“หมดอีกแล้ว? ข้าเพิ่งให้เจ้าไป 2 ตำลึงเงินไม่ใช่หรือ?” แม่เฒ่าเจียงหมดความอดทน

สายตารำคาญแวบผ่านดวงตาของถังซื่อ ทว่านางไม่กล้าเผยสีหน้าไม่พอใจ มิเช่นนั้นแม่เฒ่าเจียงคงด่าทอนางอีก

ระหว่างที่มู่ซืออวี่และอันอวี้กลับจากแปลงผัก ทุกคนในหมู่บ้านจึงได้รู้ว่าดวงตาของอันอวี้ได้รับการรักษาจนหายดีแล้ว

ในตอนนั้นเอง เหยาซื่อก็พาลูกสาวมาเยี่ยม

“พวกเจ้าเพิ่งกลับมาที่บ้าน ไก่ของพวกเจ้าล้วนถูกจับไปไว้ในเมืองแล้ว ที่บ้านคงไม่มีไข่ไก่ล่ะสิ ข้านำมาให้พวกเจ้ากินก่อนยี่สิบฟอง”

“ป้าเหยา ขอบคุณท่านมาก” มู่ซืออวี่ไม่ปฏิเสธความมีน้ำใจของเหยาซื่อ “จริงสิ ข้าซื้อขนมหลายอย่างมาจากในเมือง ท่านนำกลับไปให้คนที่บ้านลองชิมดู”

“ได้ ข้ากำลังหิวพอดี” เหยาซื่อเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ครั้งนี้ตั้งใจจะอยู่กี่วันล่ะ? ข้าเห็นพวกเจ้ามีห่อสัมภาระมามากมาย ดูไม่เหมือนจะอยู่เพียงแค่สองสามวันเลย”

“สามีของข้าไม่ได้เป็นขุนนางแล้ว ตอนนี้พวกเราจึงมีเวลาว่างเหลือเฟือ พวกเราตั้งใจจะอาศัยอยู่ที่หมู่บ้าน เข้าไปในเมืองเฉพาะตอนที่จำเป็น” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าเห็นผู้คนในหมู่บ้านมีท่าทีแปลก ๆ คงทราบข่าวนานแล้วกระมัง?”

“หวังซื่อมีญาติห่าง ๆ ทำงานอยู่ที่ศาลาว่าการน่ะ ทันทีที่ข่าวออกมา ทุกคนในหมู่บ้านก็เลยรู้ทันที” เหยาซื่อเบ้ปาก “แต่ว่าอย่าไปสนใจพวกเขาเลย พวกเขาก็กล้าแต่นินทาว่าร้ายลับหลังเท่านั้น ไม่กล้ามาเอ่ยอะไรต่อหน้าพวกเจ้าหรอก”

“ข้ารู้”

“ก่อนหน้านี้พวกเจ้าไม่อยู่ในหมู่บ้าน ไม่รู้ความครึกครื้นในหมู่บ้านของพวกเราสินะ” เหยาซื่อเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้

อันอวี้นำผลไม้แห้งและน้ำชามาให้

จางโม่หลานที่ท้องโตช่วยอันอวี้ปัดกวาดเช็ดถูห้องอีกแรง

“พี่โม่หลาน ท่านเป็นแขก เรื่องเหล่านี้ท่านไม่จำเป็นต้องทำ อีกทั้งท้องของท่านโตเพียงนี้แล้ว ท่านต้องระมัดระวังตัวจึงจะถูก” อันอวี้ห้ามโม่หลานที่กำลังจะย้ายเก้าอี้

“ข้าไม่เป็นไร อยู่ที่บ้านข้าก็ทำอย่างนี้ ข้าไม่ได้เปราะบางถึงเพียงนั้น” จางโม่หลานเอ่ยยิ้ม ๆ

“ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้” อันอวี้ส่ายหัวอย่างจริงจัง

“เจ้านี่นะ ท่าทีเช่นนี้ของเจ้าช่างเหมือนกับพี่ใหญ่เซี่ยจริง ๆ” จางโม่หลานเอ่ยกระเซ้า

อันอวี้หน้าแดงเรื่อขึ้นมา “ที่ใดกัน?”

“สายตาของเจ้าดีแล้ว โชคดีกลับมาหาเจ้าแล้ว!” จางโม่หลานกล่าว “แม่นางในหมู่บ้านที่เอ่ยถึงเจ้า ผู้ใดบ้างไม่รู้สึกอิจฉา?”

อันอวี้เพียงพยักหน้าตอบรับ

นางมองร่างของเซี่ยคุนที่ง่วนอยู่กับงาน แววตาปรากฏร่องรอยของความผิดหวัง

ทุกคนล้วนคิดว่าพี่ใหญ่เซี่ยรักใคร่โปรดปรานนาง แต่กลับไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขายังไม่เคยแตะต้องนางจนกระทั่งบัดนี้

“ระวัง” เซี่ยคุนรับแจกันที่กำลังจะหล่นลงมา “ไฉนจึงเหม่อลอย? แจกันจะตกใส่เจ้าอยู่แล้ว”

“ข้าไม่ได้มอง” อันอวี้มองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม หัวใจของนางเต้นรัวอย่างไม่อาจควบคุมได้

เซี่ยคุนจับไหล่ของอันอวี้ไว้ แล้วดันนางให้นั่งลงบนเก้าอี้ “เจ้าไม่ต้องทำแล้ว พักสักครู่ก่อน”

“ข้าไม่เป็นไร”

“เชื่อฟังข้า” เซี่ยคุนขมวดคิ้ว “ดวงตาของเจ้ายังต้องค่อย ๆ ฟื้นฟู อย่าทำงานหนักเลย”

คนของครอบครัวลู่มาอยู่ที่นี่แล้ว หูซื่อจึงพาลูกสาวสองคนมาเยี่ยมเยือน

สุขภาพของหวงเฉิงเฟิงดีขึ้นมากแล้ว ทว่าเขายังคงเหนื่อยมากหากเดินนานไป เขาจึงแทบจะไม่ได้ออกมาข้างนอกเลย

“นี่เป็นเห็ดที่อันหนิงและอันจิ้งเก็บมาจากบนภูเขา สดใหม่ยิ่งนัก ข้าคิดว่าคงทำอาหารเพิ่มได้อีกอย่างก็เลยนำมาให้” หูซื่อละอายใจ “ไก่ที่ข้าเพิ่งซื้อมายังไม่ฟักไข่ อีกทั้งผักที่บ้านของเราก็มีถงซื่อที่เป็นคนปลูก พวกเราจึงนำเท่าที่เรามีอยู่ในตอนนี้มา มีเพียงเห็ดนี้ที่เราพอจะแสดงความจริงใจได้ หวังว่าเจ้าจะไม่รังเกียจ”

“เจ้าจะเกรงใจนางไปไย?” เหยาซื่อที่อยู่ด้านข้างเอ่ยขึ้น “เจ้าใจกว้างเพียงนี้! สิ่งใดล้วนไม่ต้องการ”

เดิมทีเหยาซื่อเพียงแค่ช่วยหูซื่อเพราะเห็นแก่มู่ซืออวี่ แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสหายสนิทกับนางไปแล้ว

“วันนี้พวกเรามาทานมื้อเย็นด้วยกันเถอะ!” มู่ซืออวี่เอ่ยเชิญทั้งสองครอบครัว “ป้าเหยา เรียกท่านอาจงและคนอื่นมาด้วยเถอะ”

ตอนที่ทุกคนในครอบครัวลู่กลับมา ผู้คนในหมู่บ้านนินทาไปอีกสองสามวัน ทว่าเมื่อเห็นมู่ซืออวี่ไม่ตอบโต้ใด ๆ พูดต่อไปก็เปล่าประโยชน์ ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ผู้อื่นเขาจะไม่ใช่ขุนนางแล้ว ถึงอย่างไรก็มั่งคั่งกว่าเมื่อก่อนมาก

ชีวิตในชนบทผ่านไปอย่างผ่อนคลายสบายใจ

ก่อนที่จะทันได้รู้ตัว ปีใหม่ก็มาเยือนแล้ว ทุกคนใช้วันปีใหม่อยู่ในหมู่บ้านครอบครัวลู่อย่างมั่นคงและผาสุก

ลู่ฉาวอวี่และมู่เจิ้งหานยังคงอยู่ที่เมืองหยางหลิ่ว มู่ซืออวี่พาถงซื่อกลับไปที่หมู่บ้านชนบทเพื่อฉลองปีใหม่

ก่อนถึงปีใหม่ ลู่เซวียนก็ได้ส่งต้นฉบับเล่มสุดท้ายของ ‘คันฉ่องสองด้าน’ ให้หอหนังสือหงเหวิน นับว่าเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์ที่สุด

ปีต่อมา บ้านหลังใหญ่ของแม่เฒ่าเจียงก็เสร็จสิ้นแล้ว นางใช้เงินจำนวนมากจ้างคนทั้งหมู่บ้านจัดงานขึ้นบ้านใหม่ ขาดแค่เพียงครอบครัวลู่อี้ครอบครัวเดียวเท่านั้น

ณ เรือนกรุ่นฝัน

“เถ้าแก่เนี้ย ภาษีการค้าที่เพิ่มขึ้นมาใหม่อะไรนี่ เดิมทีก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้างเพื่อเก็บเงินเข้าถุงเงินของนายอำเภอโจว หากพวกเราจ่าย อย่างน้อยก็ต้องจ่ายเงินออกไปถึงหนึ่งร้อยตำลึงเงินในทุก ๆ เดือน พวกเราจะยอมรับความเสียหายนี้หรือ?” เฟิงเจิงกล่าวขึ้นมา

“เก็บแค่ของพวกเราใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่พลิกสมุดบัญชีดู

“แน่นอนว่าไม่ใช่” เฟิงเจิงตอบ “นี่เป็นคำสั่งของทางการที่ประกาศใช้ใหม่ ทุกคนที่ทำการค้าล้วนต้องจ่าย เพียงแต่จ่ายมากจ่ายน้อยขึ้นอยู่กับประเภทของกิจการที่ทำ ร้านของเราจะต้องจ่ายเยอะมากเป็นแน่ ข้าได้ยินว่าภัตตาคารฝั่งตรงข้ามต้องจ่ายเพียงแค่ 50 ตำลึง กิจการของพวกเขาดีกว่าขนาดนั้น เหตุใดพวกเราจึงต้องจ่ายมากกว่าด้วย?”

“ทางการสั่งให้เจ้าจ่าย เจ้ากล้าไม่จ่ายหรือ? หากไม่จ่ายแล้วละก็ ข้าว่าปัญหามากมายคงเข้ามาเคาะประตูของเจ้า” มู่ซืออวี่กล่าว “โชคดีที่ร้านของเราในเมืองซูโจวเปิดแล้ว ตอนนี้รายได้ต่อเดือนคงค่อย ๆ พุ่งขึ้น เท่านี้ข้าก็สบายใจมากขึ้นแล้ว”

“ยังคงเป็นเถ้าแก่เนี้ยที่สายตากว้างไกล คุณหนูรองเจิ้งดูแลรับผิดชอบสาขาในเมืองซูโจว รายได้แต่ละเดือนใกล้จะตามพวกเราที่นี่ทันแล้ว ที่นี่ยังมีเถ้าแก่เนี้ยคอยดูแลด้วยตัวเอง รับผิดชอบทำเครื่องเรือนที่สั่งทำเป็นพิเศษ คุณหนูรองเจิ้งทำได้เพียงจำหน่ายเครื่องเรือน ไม่รับงานสั่งทำพิเศษด้วยซ้ำ”

“วันนี้ข้ากำลังจะคุยเรื่องนี้พอดี” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้น “เรียกเจี่ยงจงและหวังต้าชุนมา พวกเรามาปรึกษากันว่าผู้ใดจะไปทำหน้าที่รับผิดชอบงานสั่งทำที่เมืองซูโจว”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset