สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 302 ข่มเหง

บทที่ 302 ข่มเหง

Trigger Warning: Mentioned Rape (มีเนื้อหากล่าวถึงการข่มขืน)

บทที่ 302 ข่มเหง

ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่นั่งอยู่ตรงข้ามสตรีนามว่าหวังซิ่วเยว่ นางถามอีกฝ่ายด้วยความกังวลใจว่า “นอกจากศีรษะของเจ้าแล้ว เจ้าไม่มีที่อื่นที่รู้สึกเจ็บจริง ๆ หรือ?”

หวังซิ่วเยว่ก้มหน้าลง พยักหน้ารับเบา ๆ

“หากยังมีที่อื่นที่รู้สึกเจ็บก็แค่เพียงบอกข้า คนขับรถม้าของข้าชนเจ้า นี่เป็นความผิดของพวกเรา ข้าควรรับผิดชอบให้ถึงที่สุด”

หวังซิ่วเยว่สั่นศีรษะเบา ๆ

“บ้านเจ้าอยู่ที่ใด? ที่บ้านมีคนหรือไม่?”

“ที่บ้านข้าไม่มีผู้ใด” หวังซิ่วเยว่เนื้อตัวสั่นเทิ้ม

มู่ซืออวี่นิ่งเงียบไปชั่วขณะ “เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร เจ้าพักฟื้นอยู่ที่นี่ก่อน ข้าปรึกษากับท่านหมอกงแล้วจะชดใช้ข้ารักษาทั้งหมดให้เจ้า”

“ขอบคุณ” หลังจากที่หวังซิ่วเยว่เอ่ยจบ นางก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีก

มู่ซืออวี่ส่งหวังซิ่วเยว่ให้โรงหมอดูอาการ จากนั้นจึงกลับไปยังเรือนตระกูลลู่

“เหตุใดวันนี้กลับมาช้าเล่า?” ลู่อี้เดินออกมาจากห้องตำรา “หากยังไม่กลับมาอีก ข้าว่าจะออกไปตามหาเจ้าแล้ว”

“พอดีเกิดเรื่องระหว่างทาง ข้าจึงหาเวลาปลีกตัวออกมาไม่ได้” มู่ซืออวี่ไม่ได้บอกเรื่องราวที่เกิดอย่างละเอียด นางรู้สึกว่าลู่อี้งานรัดตัวมากพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องรบกวนเขา

นางเล่าเรื่องเฉินซือจวินและงานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์ให้เขาฟัง

ลู่อี้ขมวดคิ้ว “เหตุใดนางต้องเอ่ยถึงเรื่องนี้กับเจ้า?”

“ท่านไม่อยากให้ข้าไปใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่สะบัดมือเขาทิ้งแล้วเอ่ยเสียงเย็น “ดูเหมือนใต้เท่าลู่กังวลว่าข้าจะทำให้ท่านขายหน้า”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชมชอบงานเช่นนี้จึงไม่อยากบังคับเจ้า” ลู่อี้ดึงนางเข้ามากอด “ผู้ใดบอกว่าเจ้าจะทำให้ขายหน้า? เจ้าดีที่สุดแล้ว”

“เอ่ยป้อยอคำหวานไปก็ไร้ประโชน์ งานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์เป็นงานที่ทางการจัดขึ้น บุรุษสตรีล้วนเข้าร่วม งานชุมนุมใหญ่โตเช่นนี้จะต้องมีคนคอยจัดการ หากข้าไม่ปรากฏตัว ผู้อื่นเขาจะมองข้าอย่างไร?”

“ไม่ฝืนใจจริง ๆ หรือ?”

มู่ซืออวี่ปัดมือเขาออก เอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าไม่ชอบโอกาสเช่นนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะละเลยหน้าที่ที่ข้าพึงกระทำ”

สถานะฮูหยินนายอำเภอไม่เพียงแต่บ่งบอกว่าเป็นฮูหยินของลู่อี้ ทว่ามาพร้อมกับความรับผิดชอบ ยิ่งไปกว่านั้น งานเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง มีอะไรให้ไม่ยินดีเล่า?

นอกจากนี้ ลู่อี้ยังติดพันอยู่กับเรื่องนี้มาสักพัก งานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์เป็นงานสำคัญของเมืองฮู่เป่ย ขณะที่นายอำเภอฉินยังอยู่ที่นี่ล้วนเคยจัดขึ้นทุกปี

ผู้ที่เข้าร่วมงานชุมนุมล้วนแต่เป็นหัวกะทิของหมู่บัณฑิต เหล่าสตรีก็ล้วนมีพรสวรรค์ ถึงขั้นออกหนังสือที่เก็บรวบรวมบทกวีชั้นเลิศที่ขับขานในงานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์

ลู่อี้จัดหาผู้ช่วยหลายคนให้มู่ซืออวี่ช่วยเตรียมงาน

สถานที่จัดงานชุมนุมเป็นสถานที่ที่เรียกว่า ‘หอวั่งเซียง’ สถานที่แห่งนี้จัดสร้างเพื่องานชุมนุมผู้มีความสามารถด้านวรรณศิลป์โดยเฉพาะ จะเปิดแก่สาธารณชนหนึ่งปีต่อครั้งเท่านั้น นั่นก็คือ เมื่องานนี้จัดขึ้นนั่นเอง

กล่าวได้ว่าผลงานระดับชั้นครูมากมายล้วนเก็บไว้ที่นี่ แน่นอนว่าบทกวีของทุกปีและภาพวาดจะถูกเก็บรวบรวมแขวนไว้บนผนังเพื่อให้ผู้เยี่ยมชมครั้งต่อไปได้ชื่นชม

มู่ซืออวี่นำกุญแจหอวั่งเซียงแห่งนั้นมา พาหวังต้าชุนและคนอื่น ๆ เข้าไปทำการปรับปรุง

เวลาค่อย ๆ น้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว นางไม่มีเวลาให้ทำการปรับปรุงครั้งใหญ่ สามารถปรับเปลี่ยนได้เพียงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น

นอกจากการปรับปรุงแต่งเติมสถานที่แล้ว อาหารและน้ำสำหรับงานเลี้ยงก็ต้องตระเตรียมเช่นกัน และเพื่อการนี้เอง มู่ซืออวี่ได้เขียนรายชื่อของกินจนกระทั่งดึกดื่น ไม่นานก็ใกล้จะเสร็จสิ้น

“ฮูหยิน มีเวลาหรือไม่?” เซี่ยคุนเดินเข้ามา

มู่ซืออวี่กำลังวาดรูป เมื่อได้ยินเสียงของเซี่ยคุนจึงวางพู่กันในมือลงแล้วเอ่ยถาม “หากมีเรื่องจะเอ่ย ข้าสามารถวางมือได้ มีอะไรหรือ?”

“มีเรื่องเกี่ยวกับแม่นางหวังผู้นั้น” เซี่ยคุนกล่าว “ท่านหมอกงเรียกเจ้า อยากไปดูสักหน่อยหรือไม่?”

“ได้” มู่ซืออวี่รับคำ จากนั้นจึงบอกจื่อเยวี่ยนว่า “ช่วยข้าเก็บพู่กันที”

ทันทีที่นางเข้ามาในโรงหมอ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นก็ดังขึ้น

มู่ซืออวี่สาวเท้าก้าวเข้าไป เห็นหวังซิ่วเยว่กำลังร้องไห้ นางไม่รู้สึกประหลาดใจนัก เพียงมองท่านหมอกงเป็นเชิงถาม

ท่านหมอกงชี้ไปข้างนอก ส่งสัญญาณให้นางตามเขาไป

“ท่านหมอกง แม่นางคนนั้นอาการเป็นอย่างไรบ้าง?”

“อาการบาดเจ็บร้ายแรงที่สุดของนางไม่ใช่การบาดเจ็บที่ศีรษะ”

“นางบาดเจ็บที่ใดอีกหรือ? เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าถามนาง แต่นางไม่เอ่ยสิ่งใด ข้ายังนึกว่า…”

“เจ้าอย่าตระหนกไป เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า บาดแผลบนร่างกายของนางไม่ได้มีสาเหตุมาจากเจ้า ทว่าเป็นบาดแผลเก่าของนาง” ท่านหมอกงกล่าวต่อไป

“นางไม่ชอบให้ผู้อื่นแตะต้องตัวนางเป็นพิเศษ ข้าเกรงว่าจะไปกระตุ้นนางเข้า ตอนที่พันแผลจึงระมัดระวังเป็นพิเศษ เมื่อครู่นี้นางฝันร้าย ดูเหมือนว่าจะหวาดกลัวมาก ตอนที่ข้าปลุกนางให้ตื่น ข้าพบว่าบนร่างกายของนางก็มีบาดแผลเช่นกัน ข้าจึงยืนกรานจะตรวจร่างกายให้นาง”

“บาดแผลบางส่วนของนาง หมอหญิงได้ตรวจดูแล้ว ตามที่หมอหญิงท่านนั้นบอกมา นางเคยถูกกระทำชำเรามาก่อน บนร่างกายยังมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ เป็นกลิ่นไม่พึงประสงค์ประเภทนั้นของสตรี…”

“รักษาได้หรือไม่เจ้าคะ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“รักษาได้ แต่ต้องให้นางร่วมมือด้วย ตอนที่หมอหญิงตรวจร่างกายนั้น นางหวีดร้องค่อนข้างเสียงดัง เจ้าก็เห็นว่านางยังคงร้องไห้อยู่ นางถูกหมอหญิงบังคับตรวจร่างกายน่ะ”

“ข้าทราบแล้ว ข้าจะไปคุยกับนางเอง”

“ดี”

คนอื่น ๆ แยกย้ายกันไปแล้ว มู่ซืออวี่จึงนั่งลงตรงข้ามหวังซิ่วเยว่

หวังซิ่วเยว่ยังคงสะอื้นไห้อย่างน่าเวทนา

มู่ซืออวี่ไม่ได้เอ่ยห้าม แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่มีทีท่าว่าจะหยุดก็ขอยืมหนังสือจากคนจัดยามานั่งอ่าน

ท้ายที่สุดหวังซิ่วเยว่ก็หยุดร้องไห้ นางมองมู่ซืออวี่แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ข้ารู้ว่าท่านเป็นคนดี แต่ร่างกายของข้า… มันพังไปแล้ว ท่านไม่ต้องสนใจข้าแล้ว”

“เราพบกันแล้ว เป็นสตรีเหมือนกันด้วย จะให้เมินเฉยได้อย่างไร” มู่ซืออวี่ปิดหนังสือ “เจ้าไม่ต้องกลัว ตราบใดที่เจ้าเชื่อฟังท่านหมอ ร่างกายจะกลับมาดีดังเดิมแน่นอน”

“ร่างกายของข้าหายดีแล้ว แล้วหัวใจของข้าเล่า หัวใจของข้ายังจะหายดีได้อีกหรือ?” หวังซิ่วเยว่น้ำตาไหลออกมา “ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าผ่านอะไรมาบ้าง”

มู่ซืออวี่เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นว่า “ข้าไม่รู้จริง ๆ นั่นแหละ หากเจ้าอยากเล่า ข้ายินดีรับฟังเจ้า”

หวังซิ่วเยว่ใช้ผ้าห่มร่างตัวเองแล้วนอนลง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา

“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าคนที่ทำร้ายเจ้าจะหวนกลับมาหาเจ้าอีก?” มู่ซืออวี่รู้ว่าการเอ่ยเช่นนี้ออกมาเป็นเรื่องโหดร้าย ทว่านางยังคงอยากให้สติ

หวังซิ่วเยว่สั่นสะท้านไปทั่วสรรพางค์กาย

แม้จะมีผ้าห่มผืนบางกั้นอยู่ แต่มู่ซืออวี่ยังคงสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของอีกฝ่าย

“เจ้าหลบหนีออกมาใช่หรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง “หากคนผู้นั้นมาหาเจ้าถึงประตูจะทำอย่างไร ตอนนี้มีคนยินดีช่วยเจ้า เจ้าเพียงแค่ก้าวออกมาหนึ่งก้าว อย่างน้อยตนเองก็จะปลอดภัย”

“ท่านช่วยข้าไม่ได้หรอก คนเหล่านั้นน่ากลัว” หวังซิ่วเยว่สั่นศีรษะเบา ๆ

“คนเหล่านั้น?” มู่ซืออวี่ชะงักงัน “ไม่ใช่คนเดียวหรือ?”

“ไม่ใช่ ท่านไม่ต้องถามแล้ว” หวังซิ่วเยว่หวีดร้องออกมา “ข้าไม่อยากเอ่ยถึงพวกเขา”

“ได้ ข้าไม่เอ่ยถึง ข้าไม่ถามแล้ว” มู่ซืออวี่หยุดกล่าวต่อทันที “เจ้าพักผ่อนก่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะมาดูเจ้า”

หลังจากผละจากหวังซิ่วเยว่มาแล้ว มู่ซืออวี่จึงไปหาท่านหมอกง นางเล่าข้อมูลที่ได้มาจากหวังซิ่วเยว่ให้เขาฟัง

“บางทีอาจมีมากกว่าหนึ่งคนที่บังคับข่มเหงนาง นางถึงได้ใช้คำว่า ‘คนเหล่านั้น’ ท่านหมอกงรบกวนย้ายนางไปยังเรือนหลัง หากมีคนมาถาม อย่าได้เอ่ยว่าเคยเห็นนางนะเจ้าคะ” มู่ซืออวี่เอ่ยกับท่านหมอกง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset