บทที่ 307 อันอวี้ไม่มีเงินมากมายถึงเพียงนั้น
บทที่ 307 อันอวี้ไม่มีเงินมากมายถึงเพียงนั้น
“เจ้าคือคุณหนูจวนลู่กระมัง เจ้าไปยืมเงินจากท่านแม่ของเจ้ามาสักหน่อยได้หรือไม่?” อวี้ซื่อเอ่ยอย่างร้อนรน
ครั้นอวี้ซื่อกล่าวออกมาเช่นนี้ อันอวี้ก็ไม่อาจเพิกเฉยได้จริง ๆ
“อวิ๋นเอ๋อร์ ข้าจะพาเจ้ากลับไปส่งก่อน” หลังจากที่อันอวี้กล่าวจบ นางก็หันไปเอ่ยกับอวี้ซื่ออีกครั้ง “หลังจากไปส่งอวิ๋นเอ๋อร์แล้ว ข้าจะกลับบ้านกับท่าน ท่านค่อย ๆ บอกข้าว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”
อันอวี้ไม่ใช่แม่นางน้อยที่จะถูกอวี้ซื่อรังแกจนแอบร้องไห้คนเดียวอีกต่อไปแล้ว สายตาของนางแน่วแน่ เปี่ยมความมั่นใจ อีกทั้งยังซึมซับบรรยากาศเช่นเดียวกับเซี่ยคุนมาด้วย
อวี้ซื่อที่มาขอร้องผู้อื่นย่อมไม่กล้ายโสโอหังอย่างที่นางเคยทำ จึงทำได้เพียงทำตามคำพูดของบุตรสาวเท่านั้น
ลู่จื่ออวิ๋นดึงแขนเสื้อของอันอวี้ “น้าอัน ท่านจะตามนางไปจริง ๆ หรือ? หากนางรังแกท่านอีกจะทำอย่างไรเจ้าคะ?”
“ไม่หรอก” อันอวี้ยิ้มบาง ๆ
นางจะไม่ปล่อยให้คนอื่นรังแกอีกต่อไปแล้ว ถึงจะเป็นท่านแม่ก็ไม่ได้
อวี้ซื่อสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในตัวของอันอวี้
ตอนนั้นที่อวี้ซื่อแต่งอันอวี้ออกไปให้เซี่ยคุน อันที่จริงแล้วนางไม่ได้ใคร่ครวญเลยว่าแต่งลูกสาวให้กับคนใช้คนหนึ่งจะดีหรือไม่ รู้เพียงว่าครอบครัวของลู่อี้ร่ำรวย แต่งออกไปแล้วภายหน้าไม่แน่ว่าอาจจะช่วยนางได้
นับตั้งแต่อันอวี้แต่งงานออกไป อันอี้หางก็สั่งห้ามไม่ให้อวี้ซื่อไปหาอันอวี้ หากนางไป อันอี้หางจะพานางออกไปจากเมืองฮู่เป่ย ยิ่งไกลจากที่นี่ ไกลจากอันอวี้เพียงใดยิ่งดีเพียงนั้น
คำขู่นั้นทำให้อวี้ซื่อกลัว นางจึงอยู่อย่างสงบเสงี่ยมได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
มู่ซืออวี่ทำของว่างชนิดใหม่ รอให้อันอวี้กับลู่จื่ออวิ๋นกลับมาลองชิมดู
“ท่านแม่…” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งโผเข้ามาหามู่ซืออวี่ราวกับผีเสื้อตัวน้อยที่แสนเริงร่า
มู่ซืออวี่เช็ดไม้เช็ดมือตนเองแล้วคุกเข่าลงรับตัวเด็กน้อยไว้
“วันนี้เรียนเป็นอย่างไรบ้าง?”
“วันนี้ข้าได้ฝึกทักษะใหม่ด้วยล่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นยิ้มหวาน “อาจารย์บอกว่าข้าเรียนรู้ได้ไวมาก”
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว” มู่ซืออวี่มองไปข้างหลังบุตรสาวแล้วเอ่ยถาม “น้าอันเล่า?”
“ท่านแม่ น้าอันตามแม่ของนางไปแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง “ตอนที่ข้าเห็นนั้น นางจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว คงจะมีเรื่องอะไรจริง ๆ กระมัง แต่น้าอันจะแก้ไขได้หรือไม่?”
“ข้าจะให้คนไปตามท่านลุงเซี่ยของเจ้ากลับมา ให้เขาไปดูสักหน่อย” มู่ซืออวี่ลุกขึ้นยืน “วันนี้ข้าทำของว่างชนิดใหม่ เจ้าลองไปชิมดูว่ารสชาติเป็นอย่างไร เดี๋ยวข้าจะกลับมา”
ระยะนี้เซี่ยคุนติดตามลู่อี้เพื่อช่วยทำงานบางอย่างให้เขา
จือเชียนรู้จักยืดหยุ่น ฉลาดหลักแหลม มีไหวพริบ ส่วนเซี่ยคุนมีความสามารถเหนือกว่าผู้อื่นมาก แม้แต่ลู่อี้ยังดูไม่ออกว่าแท้จริงแล้วความสามารถของคนผู้นี้มีมากเพียงใด
หลังจากได้รับข่าว เซี่ยคุนก็รุดไปที่บ้านของอวี้ซื่อทันทีทันใด
ฟ้ามืดสนิทแล้ว แสงเทียนเหลืองนวลราวหิ่งห้อยส่องแสงออกมาจากบ้านหลังเล็กของอวี้ซื่อ
เซี่ยคุนลังเลใจพักหนึ่ง ก่อนจะเคาะลงไปบนประตู
ผู้ที่มาเปิดประตูเป็นอันอวี้ นางเห็นเซี่ยคุนจึงเอ่ยขึ้นมาอย่างเอียงอาย “ท่านมาได้อย่างไร?”
“ฮูหยินบอกว่าเจ้ากลับมาที่บ้านท่านแม่ ข้าจึงมารับเจ้าที่นี่”
“เซี่ยคุนมาหรือ?” เสียงอวี้ซื่อดังขึ้นมาจากข้างใน “เข้ามานั่งข้างในเถอะ”
อันอวี้เงยหน้ามองเซี่ยคุน
“ท่านแม่เผชิญปัญหาเล็กน้อย”
“ให้ข้าช่วยหรือไม่?” เซี่ยคุนเอ่ยถาม
“อืม ข้าเกรงว่าจะรับมือเพียงคนเดียวไม่ไหว” อันอวี้มองเข้าไปข้างใน “มีปัญหาบางอย่างน่ะ”
เซี่ยคุนพยักหน้าแล้วตามอันอวี้เข้าไปข้างใน
อวี้ซื่อยกน้ำชามาให้ด้วยตัวเอง
“ไม่ใช่ชาชั้นเลิศอะไร อย่าได้ถือสา”
เซี่ยคุนย่อมไม่สร้างควากยุ่งยากให้อวี้ซื่อ เขาเอ่ยเข้าประเด็นทันที “ที่แท้ท่านพบปัญหาอะไรแน่?”
“ข้า…” อวี้ซื่อลังเลใจ ไม่กล้าเอ่ยปากออกมา
“หากไม่เอ่ยออกมา พวกเราจะกลับแล้ว” เซี่ยคุนกล่าวออกมาอย่างไม่ยี่หระ
“ข้าพูดแล้ว ๆ” อวี้ซื่อไร้ทางเลือก ได้แต่บอกความจริงออกมา “ไม่นานมานี้ข้าพบกับชายผู้หนึ่ง คนผู้นั้นช่วยข้าเอาไว้ อีกทั้งเขายังเป็นสุภาพบุรุษมาก เขาบอกว่าตนมีกิจการที่บ้าน แต่เพราะเจอโจรปล้นระหว่างทางจึงไม่เหลือสินค้าอะไรเลย แต่เขาเก่งกาจเรื่องการค้า หากทำการค้าร่วมกันกับเขาจะต้องร่ำรวยอย่างแน่นอน จึงให้ข้านำเงินไปทำการค้ากับเขา”
“ท่านให้ไปแล้วหรือ?” อันอวี้ถาม
อวี้ซื่อพยักหน้าเบา ๆ
“ในมือของท่านมีเงินอยู่กี่มากน้อย? เมื่อครู่นี้ท่านบอกให้ข้าเอาให้ท่าน 500 ตำลึง ท่านคงไม่ได้มีอยู่ 500 ตำลึงกระมัง?”
อวี้ซื่อเอ่ยด้วยสีหน้าเป็นทุกข์ “มีอยู่ที่ข้า 100 ตำลึง ล้วนเป็นเงินที่พี่ชายเจ้าให้ข้าเก็บไว้ แต่เขาบอกว่าเงินจำนวนนี้น้อยเกินไป เขาต้องใช้อีก 500 ตำลึงถึงจะได้ทำการค้าครั้งใหญ่”
“ท่านไปยืมเงิน 500 ตำลึงมาจากใคร?” เซี่ยคุนถาม
“พี่เฉิงจากโรงพนัน”
“ได้เขียนสัญญากู้ยืมหรือไม่?”
“เขียน”
“หาคนผู้นั้นไม่เจอแล้วหรือ?” เซี่ยคุนถามขึ้นมาอีกครั้ง
สีหน้าของอวี้ซื่อซีดเผือด ไม่กล้าปริปากเอ่ยคำใดอีก
“ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงเลอะเลือนเช่นนี้ คำพูดของคนที่จู่ ๆ ก็โผล่มาจากที่ใดไม่รู้ท่านก็เชื่อหรือ ไม่เพียงแต่เชื่อจนให้เงินจำนวนมากมายเช่นนั้นไป แต่ตนไม่มียังไปยืมเจ้าหนี้หน้าเลือดมาอีก”
“พวกเจ้าต้องช่วยข้านะ ต่อไปข้าจะไม่โง่งมเช่นนี้อีกแล้ว” อวี้ซื่อกังวลว่าเซี่ยคุนจะไม่ช่วยนาง นางแทบจะร้องไห้ออกมารอมร่อแล้ว
“ได้ ข้าจะหาทางแก้ไข้ให้” เซี่ยคุนลุกขึ้น “หากไม่มีเรื่องอื่นเช่นนั้นพวกเราต้องไปก่อนแล้ว”
อวี้ซื่อมองเซี่ยคุนอย่างกระวนกระวายใจ “ขอบ… ขอบคุณ!”
หลังจากออกมาจากลานบ้านเล็ก ๆ แห่งนั้นแล้ว อันอวี้ก็หันกลับไปมองเงาร่างของอวี้ซื่อ
อวี้ซื่อยังไม่ได้เข้าไปในบ้าน
อันอวี้เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมา “ท่านแม่ของข้าเปลี่ยนไปแล้ว”
“ไม่ใช่นางที่เปลี่ยนไป แต่เป็นเจ้าที่เปลี่ยนไป” เซี่ยคุนเอ่ยเบา ๆ “ตราบใดที่เจ้าแข็งแกร่งมากพอ ผู้อื่นย่อมรู้สึกเคารพเจ้าเป็นธรรมดา ผู้อ่อนแอบางทีอาจจะถูกสงสาร ทว่าพวกเขาจะไม่ได้รับการเคารพ”
“ข้ายังไม่ชินน่ะ”
ทันใดนั้น เท้าของอันอวี้พลันลื่นไถล เซี่ยคุนสายตาฉับไว จึงช่วยนางไว้ได้ทันการ
“ไม่เป็นไรกระมัง”
“ไม่เป็นไร” อันอวี้ส่ายหน้าน้อย ๆ “ถนนแห่งนี้มีก้อนหินมากมาย หากไม่ระมัดระวังคงลื่นล้มได้ง่าย ๆ”
เซี่ยคุนย่อตัวลง “ข้าจะแบกเจ้า”
“ไม่… ไม่ต้องกระมัง!” แก้มของอันอวี้แดงปลั่งขึ้นมา
ถึงแม้ทั้งสองคนจะนอนเตียงเดียวกัน แต่พวกเขาเป็นสามีภรรยาเพียงแค่ในนามเท่านั้น ไม่ค่อยได้ถูกเนื้อต้องตัวกันมากนัก
“ได้ยินว่าอาจารย์ฟ่านเคร่งครัดเป็นอย่างมาก หากเจ้าได้รับบาดเจ็บขึ้นมา เจ้าคิดว่านางจะยินดีหรือไม่?” เซี่ยคุนถาม
“เช่นนั้นต้องรบกวนท่านแล้ว” อันอวี้จึงขึ้นไปบนหลังของเซี่ยคุน
“ตอนนี้ก็ดึกมาแล้ว กลับไปต้องรบกวนแม่ครัวก่อไฟทำอาหารให้ ทานอาหารจากข้างนอกแล้วค่อยกลับไปไม่ดีกว่าหรือ?” เซี่ยคุนถามความเห็นนาง
“อืม” อันอวี้พยักหน้า แต่เมื่อคิดได้ว่าเขาคงไม่เห็น จึงกล่าวตอบว่า “อย่างนั้นก็ดี”
เซี่ยคุนทำงานยุ่งมาก ทุกวันต้องออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ กลับมาก็ดึกดื่นมืดค่ำแล้ว อันอวี้จำไม่ได้แล้วว่าครั้งสุดท้ายที่นางได้ใกล้ชิดกับเซี่ยคุนคือเมื่อไหร่
เดิมทีทั้งสองคนก็เป็นคนแปลกหน้าต่อกัน อีกทั้งเพราะไม่ค่อยได้อยู่ร่วมกัน นาน ๆ เข้ากลับกลายเป็นไม่คุ้นเคยยิ่งกว่าเดิม
ทว่าความไม่คุ้นเคยทั้งหมดที่มีวันนี้ได้หายไปแล้ว ทันทีที่เซี่ยคุนปรากฏตัวขึ้นมา อันอวี้พลันรู้สึกมั่นคงยิ่งกว่าเดิม
ทั้งสองคนต่างไปด้วยกันเงียบ ๆ
“ครอบครัวของข้ามีปัญหามากมายหลายอย่าง ข้าขอโทษ เดิมทีท่านก็ยุ่งอยู่แล้ว ท่านยังต้องมาช่วยข้าในเรื่องเหล่านี้อีก” อันอวี้เอ่ยขณะอยู่บนบ่าของเซี่ยคุน
“สำหรับข้าแล้วไม่นับว่าเป็นปัญหาอะไร หากพี่เฉิงจากโรงพนันผู้นั้นยังอยากทำกิจการอยู่ที่นี่อย่างราบรื่น ยังต้องประจบเอาใจคนของทางการ ข้าแค่เพียงบอกสถานะของตนออกไป เขาย่อมไม่กล้าสร้างปัญหาให้แม่ของเจ้า”
“แต่เงิน 500 ตำลึง…”
“ข้าจะไปหาตัวเจ้านักต้มตุ๋นคนนั้นออกมา”
หากหาออกมาไม่ได้ก็ให้พี่เฉิงผู้นั้นตามหาให้ เงินตั้ง 500 ตำลึง เขานั่นแหละที่จะต้องซาบซึ้งใจ