สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 311 คิดถึงหลานชายของท่านหรือ? เช่นนั้นก็เข้าไปอยู่กับเขาสิ

บทที่ 311 คิดถึงหลานชายของท่านหรือ? เช่นนั้นก็เข้าไปอยู่กับเขาสิ

บทที่ 311 คิดถึงหลานชายของท่านหรือ? เช่นนั้นก็เข้าไปอยู่กับเขาสิ

เสียงพูดดังมาจากข้างนอก ฟังจากเสียงแล้วเป็นเสียงของลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่

มู่ซืออวี่งุนงง “เหตุใดฉาวอวี่จึงกลับมาแล้วเล่า?”

ลู่จื่ออวิ๋นและลู่ฉาวอวี่เดินจับมือกันเข้ามา

ถึงแม้พวกเขาจะเป็นฝาแฝด ทว่าเด็กทั้งสองแตกต่างกันมาก

อย่างไรเสียลู่ฉาวอวี่ก็เป็นเด็กผู้ชาย เขาจึงสูงกว่า อีกทั้งยังเหมือนบิดามากกว่า เมื่อหันกลับมามองลู่จื่ออวิ๋น หนูน้อยคนนั้นก็เหมือนบิดาเช่นกัน เพียงแต่สวยหวานน่ารักราวกับเทพธิดาตัวน้อย ๆ มากกว่า

“ท่านแม่ ท่านพี่บอกว่าแม่เฒ่าเจียงเพิ่งไปหาเขาและท่านน้าที่สำนักศึกษามา” ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงบนตักมู่ซืออวี่แล้วกอดคอมารดาไว้

“นางไม่ได้ทำอะไรพวกเจ้ากระมัง?” มู่ซืออวี่ถามลู่ฉาวอวี่

ลู่ฉาวอวี่ส่ายหน้า “ในตอนแรกนางเอาใจพวกเรา จากนั้นก็ร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร บอกว่าตนไร้ซึ่งทางเลือกเพียงใด น่าสงสารแค่ไหน ครั้นเห็นว่าพวกเราไม่สนใจนาง นางก็คุกคามพวกเรา ข่มขู่พวกเรา แต่เดิมข้าและท่านน้าก็ไม่ได้หวาดกลัวนางอยู่แล้ว นางสร้างปัญหาแบบนี้ พวกเราเลยต้องไปเรียกเหล่าท่านอาจารย์มาไล่นางออกไป”

“เกรงว่านางไปรังควานพวกเจ้าแล้ว ต่อไปก็จะไปหาท่านยายของพวกเจ้าที่รังแกได้ง่ายที่สุด ไม่รู้ว่าท่านหมอจูจะมาส่งท่านยายเจ้าหรือไม่ หากมาส่งก็ไม่ต้องกังวล แต่หากไม่ได้มาส่ง…”

“ท่านปู่จูคงมาส่งกระมัง!” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยขึ้น “แต่ว่าเผื่อเอาไว้ อย่างไรก็ยังให้คนไปดูสักหน่อยเถอะ”

‘โรงหมอถงตั๋ว’ เปิดได้สามวันแล้ว ทั้งการตรวจโรคและการรักษาล้วนไม่ต้องจ่ายตัง มีเพียงค่ายาเท่านั้นที่ต้องจ่าย วันนี้มีคนไข้เยอะเป็นพิเศษ หลังจากคนไข้คนสุดท้ายกลับไปฟ้าก็มืดแล้ว

“ข้าทำของกินมาให้ หากไม่รังเกียจอยู่ทานด้วยกันเถิด!” เตาซานเหนียงเอ่ยชวนถงซื่อ

ถงซื่อขมวดคิ้วแล้วกล่าวตอบนิ่ง ๆ “ไม่ต้องล่ะ ข้าจะกลับบ้านแล้ว”

หลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้ว ท่านหมอจูจึงเอ่ยกับถงซื่อว่า “ไม่ต้องรีบร้อน ข้าจะไปส่งเจ้าเอง”

“ท่านยุ่งมาทั้งวัน ตอนบ่ายได้กินข้าวไม่กี่คำ คงจะหิวนานแล้ว ท่านรั้งพี่ถงอยู่ทานข้าวด้วยกันแล้วค่อยกลับไปเถอะ! ถึงตอนนั้นข้าจะให้ถังจิ้งไปส่งพี่ถง ท่านเหนื่อยถึงเพียงนี้ ไม่ต้องไปส่งหรอก”

ท่านหมอจูตอบเสียงเรียบ”แม่ถังจิ้ง ขอบคุณที่วันนี้ท่านมาช่วย แต่นี่ฟ้าก็มืดแล้ว ท่านกับถังจิ้งทานข้าวเสร็จแล้วก็กลับไปเร็วหน่อยเถอะ หากถังจิ้งอยากจะเป็นลูกศิษย์จริง ๆ ภายหน้าก็ให้มาคนเดียว ท่านก็ไปทำงานของท่าน ข้าไม่ต้องให้ท่านช่วยแล้ว อย่างไรเสียชายหญิงก็แตกต่างกัน หากลือออกไปจะไม่เป็นผลดี”

เตาซานเหนียงเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านหมอจู ท่านกับข้ามีอะไรให้เกรงใจ? ชายหญิงแตกต่างอะไรกัน พวกเราก็ไม่ใช่แม่นางน้อยกับเด็กหนุ่มวัยเยาว์เสียหน่อย ผู้ใดยังจะว่าอะไรเราได้อีก? ข้าเพียงแค่มาช่วยงานเท่านั้น”

“ไม่ต้องล่ะ ข้าจะหาคนมาทำที่นี่เอง” ท่านหมอจูเอ่ยปฏิเสธ

“ท่านเชิญคนอื่นมาช่วย ไม่สู้เชิญข้ามาช่วย ถังจิ้งเป็นศิษย์ท่านอยู่ที่นี่ ข้าย่อมต้องทำงานให้ท่าน” เตาซานเหนียงเอ่ยอีกครั้ง “พี่ถง ท่านว่าเหตุผลฟังขึ้นหรือไม่?”

“คนที่เขาเอ่ยถึงก็คือข้า” ถงซื่อสูดหายใจเข้าลึก ๆ ในหัวของถงซื่อกำลังคุกรุ่น จึงโพล่งคำพูดที่อยากจะเอ่ยออกมา “ที่นี่มีข้าช่วยก็พอแล้ว ถังจิ้งบ้านเจ้าเป็นลูกศิษย์อยู่ที่นี่ หากเจ้าอยากจะทำงานอยู่ที่นี่อีก ย่อมไม่สะดวกนัก”

ท่านหมอจูมองถงซื่อด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่ถงซื่อก้าวเข้ามาหาเขา

ถึงแม้ถงซื่อจะไม่ทำสิ่งใด เขาก็ยังจะปฏิเสธเตาซานเหนียง ให้เตาซานเหนียงล้มเลิกความคิด แต่เห็นถงซื่อยินดีก้าวออกมาด้วยตนเองแบบนี้ เขาย่อมมีความหวังและพลังใจมากขึ้น

ถงซื่อกล่าวจบแล้วกลับรู้สึกเสียใจทีหลัง คิดว่าตนไร้ยางอายยิ่งนักที่ปรี่เข้าหาบุรุษเช่นนี้

เตาซานเหนียงเห็นทั้งสองคนเป็นเช่นนี้จะไม่เข้าใจได้อย่างไร?

นางมองออกตั้งนานแล้ว เพียงแต่นางไม่ยอมแพ้

ถงซื่อคนนี้ปิดปากเงียบไม่พูดไม่จา ราวกับกลัวดอกพิกุลจะร่วง ครึ่งวันก็ไม่ปริปากเอ่ยแม้ครึ่งคำ หันกลับมามองท่านหมอจู เขาอบอุ่นอ่อนโยน แต่นางมอบให้เขาเพียงการปฏิบัติอย่างเฉยชา เขาไม่ได้รับผลดีอะไรเลย

เตาซานเหนียงคิดว่าตนยังมีโอกาส นึกไม่ถึงว่าแม่นางพิกุลทองผู้นี้ไม่โง่เขลาอย่างที่คิด อีกทั้งยังรู้จักเป็นฝ่ายเริ่มสู้ก่อน

“พวกท่านไม่กินข้าวก่อนหรือ?”

“ไม่กินแล้ว พวกเจ้าแม่ลูกทานเถอะ ตอนกลับไปก็ปิดประตูสักหน่อย” ท่านหมอจูบอก

ถงซื่อเห็นท่านหมอจูปกป้องตนเช่นนี้ก็รู้สึกเกรงใจเขาขึ้นมาเล็กน้อย

“ไม่อย่างนั้น ทานแล้วค่อยไปดีหรือไม่”

ท่านหมอจูยิ้มบาง ๆ “เจ้าอยากกินบะหมี่ร้านที่อยู่ทางตะวันออกของเมืองไม่ใช่หรือ? วันนี้ว่างพอดี อย่างไรก็จะผ่านที่นั่น เช่นนั้นไปกินกันเถอะ!”

ถังจิ้งมองพวกเขาจากไป เขาเอ่ยกับเตาซานเหนียงว่า “ท่านแม่ อาจารย์ไม่คิดเช่นนั้นกับท่าน เหตุใดท่านไม่หยุดวิ่งตามแต่ฝ่ายเดียวเสียเล่า?”

“ลูกชายโง่เขลาของข้า ตอนนี้เขาไม่ชอบ ไม่ได้หมายความว่าต่อไปเขาจะไม่ชอบ ความสุขเป็นสิ่งที่ต้องดิ้นรนไขว่คว้าเพื่อตัวเอง ในตอนนั้นพ่อของเจ้าก็ไม่ชอบข้า ยังต้านทานการตามตื๊อของข้าไม่ได้เลยไม่ใช่หรือ? บุรุษก็เป็นเช่นนี้”

ถังจิ้งไร้คำพูดจะเอื้อนเอ่ย

“ข้าว่าอาจารย์เป็นห่วงเป็นใยท่านน้าถงผู้นี้มากทีเดียว”

“ถงซื่อน่ะหรือมีวิธีเอาใจบุรุษอย่างข้า?”

“ลูกเขยของนางเป็นถึงนายอำเภอ แล้วท่านเล่า?”

ถงซื่อและท่านหมอจูทานบะหมี่อยู่ที่ร้านบะหมี่ทางทิศตะวันออกของเมือง

นี่เป็นครั้งแรกที่ทั้งสองออกมากินข้าวกันตามลำพัง

ถงซื่อสงวนอารมณ์ท่าที ส่วนท่านหมอจูก็ดูประดักประเดิดกว่าปกติ

“ดีนักนี่ นังหญิงสารเลวหน้าไม่อาย ถึงกับมาระริกระรี้อยู่กับชายชู้อยู่ที่นี่” ไม่รู้ว่าจู่ ๆ แม่เฒ่าเจียงวิ่งออกมาจากที่ใด

ตัวของถงซื่อสั่นเทิ้มโดยไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินเสียงของแม่เฒ่าเจียง

ท่านหมอจูตอบสนองทันควัน ลุกขึ้นยืนบังถงซื่อไว้

“ท่านคิดจะทำอะไร?”

แม่เฒ่าเจียงจ้องถงซื่อตาเขม็ง “นังหญิงโสเภณีไร้ยางอาย ไม่แปลกใจว่าเหตุใดเจ้าถึงหนีไปจากลูกชายของข้าตั้งแต่แรก ที่แท้เจ้าก็มีชายชู้แล้วนี่เอง หญิงสารเลว เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะป่าวประกาศให้ทุกคนรู้ว่าเจ้ามันไร้ค่าเพียงใด”

“ท่านป้าเจียง ท่านอย่ามาวุ่นวายที่นี่ ไม่ต้องเอ่ยถึงว่าพวกเราบริสุทธิ์ใจ ถึงแม้พวกเราอยู่ด้วยกันจริง ๆ นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับท่าน อย่าได้ลืมเสียล่ะ ตอนนั้นที่นางถูกท่านทำร้ายจนปางตาย ท่านไม่เพียงแต่ไม่ยอมใช้เงินรักษาอาการบาดเจ็บของนาง แต่ยังขอให้ลูกชายของท่านหย่านาง แม้แต่ลูกชายของท่านก็ยังไม่ต้องการแล้ว ท่านใจคอโหดเหี้ยมเพียงนี้ มีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับเรื่องของนาง? ท่านเกี่ยวข้องอะไรกับนางอีก?”

แม่เฒ่าเจียงไม่อยากเอ่ยถึงเรื่องราวเก่า ๆ เหล่านี้กับพวกเขา เพราะนางไม่อาจใช้ประโยชน์จากมันได้ นางตามถงซื่อมาตลอดทางจนถึงที่นี่ สุดท้ายจึงสบโอกาสที่จะทำให้เรื่องลุกลามใหญ่โต แน่นอนว่านางต้องปรี่เข้ามาทำให้เล่าลือกันไปทั่ว

“ทุกคนมาตัดสินดูเอา นังหญิงชาติชั่วคนนี้เดิมทีเป็นลูกสะใภ้ของข้า นางไม่ชอบที่ลูกชายข้าหาเงินไม่ได้ จึงคิดหาหนทางหนีลูกชายข้ามา ที่แท้ก็มีคนอื่นอยู่ข้างนอกแล้ว! ลูกชายที่น่าสงสารของข้า ตั้งแต่ที่เขาเสียภรรยาไปก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ สุขภาพของเขาก็ย่ำแย่ลงทุกวัน พวกท่านดูสิ นังหญิงต่ำช้าคนนี้ นางจิตใจโหดร้ายยิ่งนัก!”

“ท่านพูดจาเลอะเทอะอะไร ข้าไม่ได้ทำ” ถงซื่อเอ่ยขึ้นด้วยความโมโห “ข้าไม่รู้ว่าท่านมาหาข้าเพราะอยากให้ข้าทำอะไร ท่านมีจุดประสงค์อะไรถึงมาใส่ร้ายป้ายสีข้าเช่นนี้ อย่างไรเสียข้าคนนี้จะไม่ปรานีท่านอีกต่อไปแล้ว”

“วุ่นวายอะไรกัน?” ต้าหนิวรุดเข้ามาพร้อมกับลูกน้องของเขา

เขารับคำสั่งจากมู่ซืออวี่ให้มาช่วยเหลือถงซื่อ

“แม่เฒ่าเจียง เจ้ามาร้องห่มร้องไห้เสียงดังอยู่ที่นี่ อยากเจอหลานชายหัวแก้วหัวแหวนงั้นรึ! ได้ พวกข้าจะทำให้เจ้าสมปรารถนา ข้าจะพาเจ้าไปพบเขา” ต้าหนิวสะบัดมือ “นำตัวไป!”

แม่เฒ่าเจียงหวาดผวาขึ้นมาทันที “พวกเจ้าจะทำอะไร? อย่าเข้ามา…”

นางอยากจะวิ่งหนี ทว่าเมื่อครู่นี้ตนนั่งอยู่บนพื้น ตอนนี้จะวิ่งก็สายเกินไปเสียแล้ว

สุดท้ายแม่เฒ่าเจียงก็ถูกนักการจับตัวไว้ ไม่อาจขยับเขยื้อน

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset