สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 328 ซี ข้างนอกสวยงามยิ่งนัก

บทที่ 328 ซี ข้างนอกสวยงามยิ่งนัก

บทที่ 328 ซี ข้างนอกสวยงามยิ่งนัก

คุณชายชุดขาวท่าทีสง่างามนั่งลงตรงข้ามฟ่านหยวนซี*[1]

ทั้งสองคนอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน รูปคิ้วคล้ายคลึงกัน ทว่าไม่เหมือนกันไปหมดเสียทีเดียว ผู้หนึ่งสง่างามอ่อนโยน ผู้หนึ่งดุร้ายเหี้ยมโหด

“ซี ข้างนอกสวยงามยิ่งนัก ออกไปเดินเล่นบ้างเถอะ อย่ามัวแต่ขลุกอยู่กับสัตว์เหล่านี้เลย”

ฟ่านหยวนซีหัวเราะ “ฮ่าฮ่า” แม้แต่เสียงหัวเราะก็เยือกเย็นราวกับคนบ้าคลั่ง

“ยาเหล่านี้เพียงพอให้เจ้าทานถึงแค่ครึ่งปี หากผ่านไปแล้วครึ่งปีเจ้าไม่กลับมา เช่นนั้นก็ตายอยู่ข้างนอกเสีย! ข้าไม่ไปเก็บศพให้เจ้าหรอกนะ” ฟ่านหยวนซีวางขวดยาลงบนโต๊ะ

คุณชายชุดขาวมองฟ่านหยวนซีอย่างเป็นกังวล “เจ้าสร้างกรงขังขึ้นมา ขังทั้งตนเองและสัตว์ร้ายเหล่านี้”

“อย่ามาสั่งสอนข้า เจ้าก็รู้ว่าข้าไม่ฟัง” ดวงตาของฟ่านหยวนซีแดงก่ำ

คุณชายชุดขาวลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปข้างหลังฟ่านหยวนซี “คนของเจ้าไม่นวดให้เจ้าเลยหรือไร ข้าสอนพวกเขาแล้ว เหตุใดจึงละเลยเช่นนี้”

ฟ่านหยวนซีผ่อนคลายกายและใจ ปล่อยให้คุณชายชุดขาวที่ยืนอยู่ด้านหลังบีบนวดเขา

“ในโลกนี้นอกจากเจ้าแล้ว มันผู้ใดกล้าแตะหัวข้า ข้าจะฆ่ามัน เจ้าคิดว่าพวกเขาจะกล้าหรือ?” ฟ่านหยวนซีเอ่ยด้วยท่าทีสงบ “ข้างนอกมีอะไรดีนัก เจ้าถึงไม่สนแม้กระทั่งความเป็นความตายของข้า”

“ซี ข้าไม่อยากเสียดายสิ่งใดอีกแล้ว” ชายชุดขาวคลึงนิ้วไปบนขมับฟ่านหยวนซี “การตายไม่ได้น่าหวาดกลัว สิ่งที่น่าหวาดกลัวคือ ต่อให้ตายแล้วก็ไม่อาจรอดพ้นจากกรงขังตนเองได้”

“สตรีนางนั้นข้าช่วยนางแล้ว ในเมื่อเจ้าอยากปกป้องนาง ข้าย่อมไม่ทำให้นางลำบากใจ แต่หากนางกล้าทำร้ายเจ้า ข้าจะโยนนางเข้าไปในกรงขังสัตว์ ให้นางถูกงูค่อย ๆ กัดกิน”

เถ้าแก่เครื่องใช้ไม้ผู้นั้นริษยาที่กิจการของ ‘เรือนกรุ่นฝัน’ ดำเนินไปได้ด้วยดี จึงจ้างอันธพาลมาก่อปัญหา ทุบตีข้าวของที่ร้าน ส่วนเรื่องสินค้าลอกเลียนแบบนั้นเขาไม่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ตาม เขาก็เป็นผู้อาวุโสในเส้นทางการค้านี้ จึงพบร่องรอยที่ไม่รู้มาก่อนจากปากเขา

เถ้าแก่เครื่องใช้ไม้ร้องขอความเมตตาซ้ำ ๆ สัญญาว่าจะไม่สร้างปัญหาให้พวกเขาอีก หลังจากชดใช้มา 5,000 ตำลึงเงินแล้ว มู่ซืออวี่จึงตัดสินใจปล่อยเขาไป

เรื่องคนทุบทำลายข้าวของแก้ไขได้แล้ว ต่อไปจึงเป็นเรื่องสินค้าลอกเลียนแบบ อาศัยการสืบเสาะจากข้อมูลที่ได้มาจากเถ้าแก่เครื่องใช้ไม้และขอทานคนนั้น ผ่านไปสองสามวัน เซี่ยคุนจึงจับตัวคนทำสินค้าลอกเลียนแบบได้แล้ว

ขณะเดียวกัน ก็พบสินค้าลอกเลียนแบบไม่น้อย

เซี่ยคุนพาเจี่ยงจงนำคนไปทุบทำลายสินค้าลอกเลียนแบบต่อหน้าชาวเมืองทุกคน

ขณะที่พายุฟ้าฝนกระหน่ำไปทั่วทั้งเมือง นักการก็ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง

“ตามคำสั่งของใต้เท้า คนโกหกแอบอ้างเหล่านี้จำต้องคุมตัวกลับไปศาลาว่าการเพื่อการไต่สวน”

“ใต้เท้าตั้งใจจะไต่สวนอย่างไรหรือ?” เซี่ยคุนเอ่ยเสียงเรียบ

“แน่นอนว่าต้องซักถาม” นักการเอ่ย “วางใจได้ ใต้เท้าไม่จับไปทรมานแน่นอน”

เซี่ยคุนหันไปมองมู่ซืออวี่ ทั้งสองคนสบตากัน ก่อนที่จะยอมทำตามนักการ

เหล่านักการนำตัวคนทำสินค้าลอกเลียนแบบจากไป

“จากนี้จะทำอย่างไร?” เจิ้งซูอวี้ถามเสียงเบา

“แต่ก่อนไม่มีเถา บัดนี้มีเถาแล้ว แน่นอนว่าต้องตามเถาไปหาแตง” มู่ซืออวี่กล่าว “เรื่องนี้ปล่อยให้พี่ใหญ่เซี่ยจัดการ พวกเราสองคนตอนนี้ต้องคอยควบคุมดูแลเรื่องเรือนย่อยของจงอ๋อง”

“ได้” เจิ้งซูอวี้เข้าใจแล้วว่า เซี่ยคุนที่อยู่ข้างกายมู่ซืออวี่ผู้นี้เป็นคนที่ลึกลับยิ่งนัก อีกทั้งยังมีวิธีการที่นางมองไม่ออกด้วย

แน่นอนว่าเรื่องพรรค์นี้ มอบหมายให้บุรุษทำย่อมเหมาะสมที่สุด ไม่ว่าเจิ้งซูอวี้จะมีความสามารถมากเพียงใด นางก็ยังเป็นเพียงสตรีอ่อนแอธรรมดา ๆ จนปัญญาจะจัดการกับเรื่องราวดำมืดจริง ๆ

ร้านถูกอันธพาลอาละวาด จึงปิดเป็นเวลาสิบวัน

อันที่จริงการจัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางใช้เวลาไม่ถึงสิบวัน เพียงแต่อาศัยโอกาสนี้วางแผนการให้ดี นางจึงอนุญาตให้คนงานที่ได้รับบาดเจ็บและตื่นกลัวได้ใช้วันหยุดกลับไปยังบ้าน เพื่อใช้เวลากับครอบครัวของพวกเขา

คนงานที่ได้รับบาดเจ็บขณะพยายามปกป้องร้าน ทุกคนจะได้รับ 50 ตำลึงเงินเพื่อเป็นค่าปลอบขวัญและค่ารักษา

“แค่ก ๆ” เสียงไอดังขึ้นมาจากข้างใน

มู่ซืออวี่เคาะประตูแล้วตะโกนเข้าไปด้านใน “เหวินอี้ ข้าเข้าไปได้หรือไม่?”

ประตูเปิดออก เหวินอี้ยืนอยู่หน้าประตู เอ่ยถามอย่างนุ่มนวลว่า “ฮูหยินมาได้อย่างไร?”

“ข้าได้ยินว่าเจ้าไอหนัก เราอยู่ที่เมืองซูโจวพอดี และท่านหมอลี่ก็อยู่ที่นี่ มิสู้ลองไปหาท่านหมอลี่ดูอาการสักหน่อย?”

“ไม่จำเป็นแล้ว” เหวินอี้เอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ข้าอ่อนแอมาตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา แม้นทานยาอายุวัฒนะเข้าไปก็ไร้ประโยชน์ หลายวันมานี้ที่ร้านเกิดเรื่อง ไม่เพียงแต่ข้าจะช่วยไม่ได้ ยังให้ท่านต้องมากังวลอีก ข้าขออภัยจากใจจริง ๆ”

“ดีแล้วที่ตอนนั้นเจ้าไม่อยู่ มิเช่นนั้นด้วยร่างกายของเจ้า เกรงว่าจะเกิดเรื่องใหญ่กว่าเดิม” มู่ซืออวี่เอ่ย “ไปตรวจดูอาการหน่อยเถิด ถึงแม้จะเป็นตั้งแต่ครรภ์มารดาก็ยังฟื้นฟูได้นะ”

“ไม่ต้องจริง ๆ ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปหาท่านหมอลี่แล้ว เขาก็ทำอะไรกับโรคของข้าไม่ได้” เหวินอี้เอ่ย จากนั้นจึงเริ่มไออีกครั้ง “ท่านมาพอดี ข้าเพิ่งวาดภาพสินค้าชิ้นใหม่เสร็จ ท่านดูว่าใช้ได้หรือไม่”

เหวินอี้เป็นนักออกแบบที่มีพรสวรรค์มากจริง ๆ

มู่ซืออวี่ฝึกฝนลูกศิษย์มาหลายคน แต่ละคนนับได้ว่าเรียนรู้ได้ครบถ้วนแล้ว ทว่าในเรื่องการออกแบบ พวกเขายังไม่แกร่งมากพอ ไม่กล้าละทิ้งต้นแบบเดิม ๆ มีเพียงเหวินอี้ผู้ที่เป็นมือใหม่คนนี้ ภาพแบบที่วาดมักจะดึงดูดสายตาคนได้เสมอ

สองสามวันต่อมา พวกนางเริ่มสร้างโครงนอกเรือนย่อยของจงอ๋องแล้ว

มู่ซืออวี่จัดเตรียมให้เจี่ยงจงตามนางไปเป็นครั้งคราวเพื่อดูความคืบหน้าเรือนย่อยของจงอ๋อง แน่นอนว่าเหวินอี้ก็ไปที่นั่นบางครั้งเช่นเดียวกัน เขามีความคิดมากมายที่อยากเสริมในเรือนย่อยของจงอ๋อง และเขายังได้รับความเห็นชอบจากอีกฝ่ายทุกครั้ง

“ฮูหยิน” เหวินอี้เดินมาหา

มู่ซืออวี่มองเหวินอี้ด้วยสายตาเป็นกังวล “เหตุใดเจ้าจึงดูผอมลงอีกแล้ว?”

เหวินอี้ไม่มีทางเลือก ได้แต่เอ่ยว่า “ข้าเกิดมาอ่อนแอ ไม่มีวิธีอื่นแล้ว”

“หลายวันมานี้เจ้าทานอะไร?”

“คนงานทานอย่างไร ข้าก็ทานอย่างนั้น” เหวินอี้ตอบ “จงอ๋องดีต่อทุกคนมาก ของเหล่านี้ล้วนเป็นของที่ปกติพวกเขาไม่อาจได้ทาน”

มู่ซืออวี่เอ่ยขึ้นว่า “ต่อไปเจ้ามาทานกับข้าเถอะ! เจ้าร่างกายอ่อนแอ ทานอาหารหนัก ๆ ไม่ได้ ทานได้แต่อาหารเบา ๆ เท่านั้น แต่อาหารเบาก็ต้องใส่ใจ ข้าจะทำอาหารบำรุงชดเชยให้เจ้า น้องชายสามีของข้าก่อนหน้านี้ก็ร่างกายอ่อนแอ ต่อมาไม่ใช่เพราะข้าหรือที่บำรุงเขาจนดูเป็นผู้เป็นคนขึ้นมาหน่อย ถึงแม้เจ้าจะเกิดมาอ่อนแอ ก็ไม่อาจปล่อยให้ผอมลงทุกวันเช่นนี้ได้ จะปล่อยให้เป็นอย่างนี้ต่อไปได้อย่างไร?”

“ฮูหยินทำดีเช่นนี้กับทุกคนหรือ?” เหวินอี้ยิ้มบาง ๆ

“ก็มิใช่ แล้วแต่คน” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าเป็นคู่หูของข้า ข้าต้องดูแลเจ้าดี ๆ หน่อย”

มู่ซืออวี่บอกว่าจะดูแลเหวินอี้ ทุกครั้งที่ทำอาหาร นางจะนำมาแบ่งให้เหวินอี้ ถึงแม้นางจะไปดูงานที่เรือนย่อยของจงอ๋อง นางก็จะส่งคนนำอาหารมาให้

“เจ้าดีกับเหวินอี้เพียงนี้ ไม่กลัวผู้อื่นเข้าใจผิดหรือ?” เจิ้งซูอวี้ถาม

“ผู้ใดจะเข้าใจผิด? เหวินอี้อ่อนแออีกทั้งยังมีอาการเบื่ออาหาร อาหารหลายอย่างก็เหมือนยาพิษสำหรับเขา ข้าเอาแต่มองดูเฉย ๆ รอให้เขาตายไม่ได้กระมัง” มู่ซืออวี่กล่าว “เหวินอี้เป็นคนฉลาด ไม่มีทางคิดไปเรื่อยเปื่อยอย่างแน่นอน”

เซี่ยคุนกลับมาจากข้างนอกแล้ว เขายกกาน้ำชาขึ้นมารินชาใส่ถ้วย ดื่มเข้าไปสามถ้วยในรวดเดียว ก่อนจะเอ่ยว่า “สืบพบคนที่อยู่เบื้องหลังสินค้าลอกเลียนแบบแล้ว”

“ผู้ใด?” เจิ้งซูอวี้เอ่ยถาม

“ท่านก็รู้จัก” เซี่ยคุนมองเจิ้งซูอวี้ “เจิ้งซินเยว่”

“เป็นนางรึ!” สีหน้าของเจิ้งซูอวี้มืดครึ้มลงโดยพลัน “นางช่างมีความสามารถยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าจะสามารถทำให้นายอำเภอตี๋ปกป้องนางได้”

“เจิ้งซินเยว่มิได้มีความสามารถนี้ เพียงแต่สตรีนางนี้มักยั่วเย้าคนอยู่เสมอ ใต้ชายกระโปรงของนางมีขุนนางอยู่ไม่น้อย” มู่ซืออวี่กล่าว “หนึ่งในนั้นเป็นศัตรูคู่แค้นครอบครัวเรา ‘ฟางโจวอวี่’”

[1] ฟ่านหยวนซี คือชื่อของจงอ๋อง

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset