สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 337 เช่นนั้นก็จับให้หมด

บทที่ 337 เช่นนั้นก็จับให้หมด

บทที่ 337 เช่นนั้นก็จับให้หมด

เมื่อได้ยินว่าเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเจี่ยงถิงจือ แม้แต่นักการเกาก็ยังนิ่งเงียบ

ลูกสมุนของเจี่ยงถิงจือได้ก่อเรื่องชั่วร้ายมากมาย พวกนักการเกาจึงรับมือพวกคนเดนตายเช่นนี้ยาก

หากเจ้าหน้าที่ระดับธรรมดาต้องการจัดการกับพวกเขา ก็ไม่ต่างจากการรนหาที่ตาย

“ใต้เท้าลู่จะกลับมาเมื่อไหร่?” นักการเกาถาม

หากไม่มีผู้ใหญ่ก็เหมือนฝูงมังกรไม่มีหัว พวกเขารู้สึกไม่ปลอดภัยแต่อย่างใด

หากเป็นสถานการณ์ปกติคงไม่เป็นอะไร ทว่าเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนี้ การมีอยู่ของลู่อี้นั้นสำคัญมาก

“ข้าจะส่งจดหมายถึงเขาทันที” เวินเหวินซงพูด “โจรพวกนั้นร้ายกาจ ข้าไม่รู้ว่าในแต่ละวันมีคนตายเพราะเงื้อมมือพวกมันกี่คน ต้องให้ท่านใต้เท้ากลับมาเร็วกว่านี้”

ขณะที่ทุกคนกำลังคิดถึงลู่อี้อยู่นั้น ลู่อี้ก็บังเอิญไปประจันหน้ากับโจรเหล่านั้นพอดี

ลู่อี้ไม่ได้เดินทางคนเดียว ครั้งนี้เขาพาคนห้าสิบคนไปด้วย คราวนี้พวกเขาบังเอิญถูกโจรภูเขาปล้น

“ใต้เท้าขอรับ คนเหล่านี้ดูเหมือนทหารประจำการเลยขอรับ” ไป่หลี่หัว ผู้ติดตามเขากล่าวขึ้น

“ทหารประจำการหรือ?” ลู่อี้ครุ่นคิด

ไม่กี่วันต่อมา เวินเหวินซงก็มาจัดการงานที่ศาลาว่าการตามปกติ ในขณะที่เขายังคงปวดหัวกับกลุ่มโจรในภูเขาจิ่วหยางอยู่นั้น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบเข้ามาบอกว่า “ใต้เท้ากลับมาแล้วขอรับ”

“ว่าอย่างไรนะ!” เวินเหวินซงประหลาดใจ “ตอนนี้อยู่ที่ใด?”

“เพิ่งเข้าประตูเมืองมาเลยขอรับ” เจ้าหน้าที่ตอบ “แต่ใต้เท้าบอกว่าจะไปที่คุกก่อนขอรับ”

เมื่อลู่อี้กลับมา คนที่ศาลาว่าการก็พากันดีใจมาก

“พวกเจ้ากำลังทำอะไร?” ลู่อี้พูดขณะถอดเสื้อคลุมออก “เหตุใดทำหน้าราวกับฟ้ากำลังจะถล่ม?”

“ใต้เท้า ท่านไม่ทราบหรอก…” หลังจากครุ่นคิดอย่างหนัก ในที่สุดความไม่สบายใจและความคับข้องใจก็หลั่งไหลออกมาจากปากพวกเขา

ในบรรดาคนเหล่านี้ เวินเหวินซงมีความสามารถเป็นอันดับสองรองจากลู่อี้ ตอนที่ลู่อี้เป็นเพียงเสมียน เวินเหวินซงก็เป็นเพื่อนกับเขาเช่นกัน เมื่อเขาได้เป็นนายอำเภอ เวินเหวินซงก็ได้เลื่อนตำแหน่งให้เป็นปลัดอำเภอ

“จากที่เล่ามาตั้งนาน เจ้ากลัวโจรจนกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยหรือ?” ลู่อี้สรุป

“ข้าไม่ได้กินไม่ได้นอนไม่หลับ แต่ข้ากังวลเรื่องความปลอดภัยของผู้คนแถวนั้น ภูเขาจิ่วหยางเป็นทางเดียวที่หลายคนต้องผ่านที่นั่น หากมีโจรขวางทางอยู่ตลอดเวลา แล้วพวกเขาจะทำอย่างไร?”

“ข้าเพิ่งไปที่คุกมา พบว่าคุกของเราเล็กมาก หากจับได้อีกสักสองสามคนก็คงจับไปขังไม่พอแล้ว ข้าเพิ่งจับกลุ่มหนึ่งกลับมาด้วย” ลู่อี้พูด “เป็นกลุ่มโจรที่เจ้าพูดถึง”

เวินเหวินซง “…”

เขาไม่เชื่อ ต้องเห็นก่อนถึงจะเชื่อ เขาจึงรีบไปดูโจรเหล่านั้นที่คุก

เมื่อเวินเหวินซงเห็นโจรเหล่านั้นกำลังหวาดกลัว ในที่สุดเขาก็ยิ้มได้

”เจ้าทำได้อย่างไร หรือว่าเมื่อเจ้าได้รับจดหมายของข้า ก็รีบมุ่งหน้าไปปราบปรามโจรกลุ่มนั้นทันที?” เวินเหวินซงถาม

“ข้าบังเอิญผ่านไปทางนั้นพอดี และบังเอิญถูกพวกมันปล้น ข้าจึงตามไปยังแหล่งกบดานของพวกมัน” ลู่อี้ตอบ “คนพวกนั้นชิงลงมือก่อน ข้าจึงจัดการได้”

เรื่องโจรได้รับการแก้ไข ในที่สุดทุกคนก็สงบลงได้

เมื่อลู่อี้เกือบจัดการงานในศาลาว่าการเสร็จแล้ว เขาก็ไปยังจวนของเจียงเหล่า

“ใต้เท้าลู่เจ้าคะ” ทันใดนั้นเฉินซือจวินก็ปรากฏตัวต่อหน้าลู่อี้

ลู่อี้มองหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าเขาแล้วถอยหลังไปสองสามก้าว

เมื่อเฉินซือจวินเห็นว่าเขามีท่าทีเช่นนั้น ความเจ็บปวดก็ฉายผ่านแววตาของนาง

“ใต้เท้าลู่ ข้ามีเรื่องจะคุยกับท่านเจ้าค่ะ”

“แม่นางเฉินแค่พูดมาเถิด” ลู่อี้ตอบ “ข้าฟังอยู่”

“ใต้เท้าลู่ ท่านเองก็รู้ว่าในวันนั้นเกิดอะไรขึ้น ข้าถูกรังแก แต่ข้าไม่ได้ปล่อยให้คนชั่วร้ายนั้นทำสำเร็จ ข้ายังคง… ยังคง…”

เมื่อเฉินซือจวินพูดเช่นนั้น แก้มของนางก็แดงก่ำราวก้อนเมฆยามสนธยา แดงปลั่งดั่งหยกสีแดงเลือดนก

“ใต้เท้าลู่ ท่านแต่งงานกับข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?” เฉินซือจวินรวบรวมความกล้าแล้วพูดออกมา “ข้าเต็มใจจะเป็นภรรยารองอยู่กับพี่ซืออวี่ ต่อไปข้าจะเชื่อฟังพี่ซืออวี่ จะยอมทำทุกอย่างที่นางบอกเลยเจ้าค่ะ”

ลู่อี้ขมวดคิ้ว

หากไม่ใช่เพราะเห็นแก่หน้าเจียงเหล่า สตรีผู้นี้คงถูกเขาเตะออกไปนานแล้ว

ภรรยารองอะไรกัน? นางรู้จักอับอายเป็นบ้างหรือไม่?

“คุณหนูเฉิน หากเจ้าต้องการแต่งงานกับครอบครัวที่ดี ข้าแนะนำว่าอย่ายั่วโมโหข้าอีก ข้าเป็นคนรักเดียวใจเดียว สามารถรักได้เพียงคนเดียวเท่านั้น และใจของข้าก็มีคนอยู่แล้ว”

ไม่ว่าเฉินซือจวินจะร้องเรียกเขาอย่างไร เขาก็มองว่าไม่ต่างจากเสียงสุนัขเห่า

ชายหนุ่มไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

ลู่อี้ไปห้องตำรา พูดคุยกับเจียงเหล่าอยู่พักหนึ่ง เมื่อเขาออกมา เจียงเหล่าก็เผยสีหน้าเคร่งขรึม

“เด็กคนนี้ไม่แยแสมากขึ้นเรื่อย ๆ” เจียงเหล่ากล่าว “ทว่าซือจวินไม่อาจอยู่ในเมืองฮู่เป่ยได้อีกต่อไป ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อลู่อี้ที่ข้าจะใช้งาน”

“ท่านคิดวิธีจัดการคุณหนูไว้อย่างไรหรือขอรับ?”

“เลือกครอบครัวที่ดีให้นางแต่งงานด้วยเลย!”

ชื่อเสียงของเฉินซือจวินตกต่ำ ทั้งยังคอยรังควานสามีของคนอื่น ขืนปล่อยนางไว้เช่นนี้อาจจะเกิดหายนะขึ้นได้

ในเมื่อไม่ควรอยู่ที่นี่ ต่อก็ให้นางแต่งงานออกไปเสีย อย่างไรนี่นับว่าเป็นความรับผิดชอบเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขา

เฉินซือจวินเป็นหลานสาวของเขา ไม่ว่าอย่างไรจะต้องเลือกชายที่คู่ควร เขาก็จะไม่เลือกคนไม่ดีให้นาง

เฉินซือจวินทำได้แค่กลับไปที่ห้อง นางทำลายข้าวของทุกอย่างรอบตัวจนแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

วันต่อมา ผู้ติดตามของเจียงเหล่าก็ส่งภาพวาดชายหนุ่มมากกว่าหนึ่งโหลมาให้

เฉินซือจวินเปิดออกดู พบว่าพวกเขาทุกคนต่างเป็นคนที่มีความสามารถ

“นายท่านบอกว่า จะดีที่สุดหากคุณหนูสามารถเลือกคนที่ท่านชอบได้ หากไม่มีคนที่ท่านชอบ ท่านก็สามารถเลือกคนที่เข้าตาได้ขอรับ”

เฉินซือจวินเย้ยหยัน “คนเหล่านี้ล้วนเป็นพ่อค้าหรือไม่ก็ขุนนางต่ำกว่าระดับห้า ข้าเป็นหลานสาวแท้ ๆ ท่านตายังจะใจร้ายกับข้าอยู่อีกหรือ?”

“แต่คุณหนูขอรับ ไม่มีผู้ใดกล้าขัดคำสั่งนายท่าน หากทำให้นายท่านโกรธ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมาก ตอนนี้นายท่านยังคงเต็มใจจะวางแผนให้ หากเขาโกรธขึ้นมา…”

เฉินซือจวินดูภาพชายหนุ่ม แล้ววิเคราะห์ข้อมูลของบุคคลเหล่านั้นที่เขียนไว้บนภาพ

ความจริงแล้ว หากไม่สนใจสถานะต่ำต้อยของพวกเขา อย่างอื่นก็ค่อนข้างดี

หากนางต้องเลือกสักคน ก็คงจะเลือกคนที่ดูดีที่สุด!

แน่นอนว่าเฉินซือจวินเลือกคนที่หน้าตาดีที่สุด จากนั้นคนรับใช้ก็นำรูปเหมือนนั้นไปจัดการธุระ

เฉินซือจวินไล่คนรับใช้ออกไปแล้วก็เอนกายนอนลงบนเก้าอี้ยาวนุ่ม คิดถึงความโหดร้ายของลู่อี้ที่ทิ้งนางอย่างไม่ไยดี

“พวกเขาต้องการให้ข้าแต่งงานออกไปไกล ๆ คงคิดว่าข้าไม่เจอลู่อี้อีกจะดีที่สุดสินะ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกเขาได้ในสิ่งที่พวกเขาต้องการ แม้ว่าจะอยากแต่งงาน แต่ข้าก็อยากแต่งงานกับลูกชายของตระกูลขุนนาง”

คนที่นางเลือกตอนนี้คือลูกชายตระกูลขุนนาง แต่…

คนผู้นั้นเป็นคนเสเพลที่รู้แต่เรื่องกินดื่มและสนุกสนานเสียนี่

นักการเกามองไปยังคนหนุ่มสาวแข็งแรงที่ลานแล้วถามว่า “ท่านคิดจะทำอะไร?”

“คนเหล่านี้ล้วนผ่านการฝึกยุทธ์มาแล้วทุกคน จะฆ่าพวกเขาก็น่าเสียดายเกินไป” ลู่อี้ตอบ “ข้าต้องการให้พวกเขาทำงานให้ข้า แบบนี้ถึงจะมีค่า”

“นี่ไม่ใช่จำนวนน้อย มีทั้งหมดกว่าห้าร้อยคนเชียวนะ” นักการเกาลดเสียงลง ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นว่ามีคนอื่นก็พูดต่อ “หากเรื่องนี้แพร่ออกไป ไม่ต้องพูดถึงหมวกขุนนางจะหลุดเลย ข้าเกรงว่าทุกคนจะได้หัวหลุดจากบ่ากันหมด”

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset