สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 358 ถงซื่อตั้งครรภ์แล้ว

บทที่ 358 ถงซื่อตั้งครรภ์แล้ว

บทที่ 358 ถงซื่อตั้งครรภ์แล้ว

มู่ซืออวี่เลือกผักที่ดูสดใหม่ จื่อซูและจื่อเยวี่ยนช่วยกันหอบหิ้วคนละอย่างสองอย่าง

เมื่อผ่านร้านหนึ่งนางก็หยุดฝีเท้าลง แล้วหันไปถามสาวใช้ทั้งสอง “ข้าจำได้ว่าเดิมทีตรงนี้มีร้านขายข้าว เหตุใดตอนนี้ไม่มีแล้วเล่า?”

“เจ้าค่ะ ร้านขายข้าวคือร้านตรงนั้นที่กำลังปรับปรุง ดูเหมือนเจ้าของจะเปิดต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาจึงขายให้คนอื่นไปเจ้าค่ะ” จื่อเยวี่ยนเอ่ยพร้อมกับชี้ไปที่ร้านบนถนนฝั่งตรงข้าม

มู่ซืออวี่มองร้านนั้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า “เหตุใดจึงรู้สึกว่าการตกแต่ง… ดูคลับคล้ายคลับคลาเล่า”

ณ โรงหมอถงตั๋ว ถงซื่อที่กำลังทำแผลให้คนไข้กุมท้องด้วยสีหน้าเจ็บปวด

“ฮูหยินจู ท่านเป็นอะไรหรือไม่?” คนไข้เอ่ยถาม “ท่านหมอจู ท่านหมอจู ฮูหยินของท่านป่วยแล้ว”

ท่านหมอจูรีบเข้ามาคลำชีพจรของถงซื่อ

หลังจากตรวจชีพจรแล้ว สีหน้าที่เดิมทีตื่นตระหนกก็เลือนหายไป กลายเป็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มปลื้มปีติ

“ฮูหยิน ท่านมีข่าวดีแล้ว”

ถงซื่อมองท่านหมอจูด้วยความตกตะลึง “อะไรนะ?”

ท่านหมอจูยิ้มหน้าบานราวกับคนโง่งม “พวกเรามีลูกแล้ว”

“ยินดีด้วย ยินดีด้วย” คนไข้ที่อยู่ข้าง ๆ แสดงความยินดีทันที

“ขอบคุณ” ท่านหมอจูเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “คนไข้ในวันนี้ทุกคนไม่ต้องชำระค่ารักษา”

“โอ๊ะ เช่นนี้จะได้อย่างไร?” เหล่าคนไข้เอ่ยอย่างจริงใจ

มู่ซืออวี่เดินผ่านประตูเข้ามา เมื่อเห็นว่าบรรยากาศครึกครื้นจึงเอ่ยถาม “มีอะไรหรือ?”

หลายคนที่นี่รู้จักมู่ซืออวี่ พวกเขาไม่รู้ว่าควรยินดีหรือไม่ อย่างไรเสียมารดาของอีกฝ่ายก็มีลูกหลังการแต่งงานครั้งที่สอง เรื่องนี้ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถรับได้

“เหตุใดพวกท่านถึงได้มองข้าด้วยสายตาเช่นนี้?” มู่ซืออวี่งุนงง

“ซืออวี่ แม่ของเจ้ามีข่าวดีแล้ว” ท่านหมอจูไม่ปิดบัง เขาเอ่ยอย่างจริงใจ

แน่นอนว่าในใจเขาเองก็หวาดหวั่น

แต่เขารู้ดีว่ามู่ซืออวี่มีวิธีคิดที่แตกต่างจากหญิงสาวคนอื่น ๆ พวกเขามีชีวิตอย่างตอนนี้ได้ก็เพราะการสนับสนุนของนาง อย่างไรก็ตาม การตั้งครรภ์ของถงซื่ออาจทำให้มุมมองของอีกฝ่ายต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

“จริงหรือ?” มู่ซืออวี่ประหลาดใจ “นานเท่าไหร่แล้ว? ร่างกายของท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง?”

“ได้สองเดือนแล้ว” ท่านหมอจูเห็นนางไม่ได้มีสีหน้าย่ำแย่ จึงลอบถอนหายใจ

“เช่นนั้นก็ต้องดูแลเป็นอย่างดี” มู่ซืออวี่เอ่ย “ระยะนี้ก็ต้องทำอาหารดี ๆ ทาน ข้าว่าช่วงนี้โรงหมอของท่านเริ่มยุ่งแล้ว จ้างคนเพิ่มสักสองคนเถอะ!”

ครั้นทุกคนเห็นความใจกว้างของมู่ซืออวี่ บรรยากาศตึงเครียดก่อนหน้านี้จึงผ่อนคลายลงทันที

“ฮูหยินลู่กล่าวได้ถูกต้อง ตั้งท้องตอนอายุเช่นนี้จะต้องดูแลเอาใจใส่ให้มาก” ท่านป้าคนหนึ่งเอ่ยขึ้น “ภายหน้าคงไม่อาจทำงานในโรงหมอแห่งนี้แล้ว อย่างไรเสียที่นี่ก็มียามาก”

“ใช่แล้ว” มู่ซืออวี่เห็นด้วยอย่างยิ่ง

“เช่นนั้นข้าจะไม่เบื่อหรือ?” ถงซื่อขมวดคิ้ว “ช่วงนี้ยุ่งก็ดีแล้ว หากต่อไปว่างมาก ๆ เข้า ข้าจะทำอะไร?”

“ไม่ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้เลย งานเบา ๆ ยังพอทำได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “จริงสิ ข้ามาที่นี่เพื่อเชิญพวกท่านไปทานอาหารมื้อค่ำด้วยกัน พอดีเลยจะได้แจ้งข่าวดีนี้กับทุกคนด้วย”

ถงซื่อกังวลใจเล็กน้อย

ลูกสาวนางเป็นคนเอาใจใส่กับเรื่องแบบนี้จึงสามารถยอมรับได้อย่างรวดเร็ว ทว่าลูกชายเล่าจะคิดอย่างไร เรื่องนั้นนางเองก็ไม่อาจรู้ได้!

หากบอกข่าวการตั้งครรภ์แก่ทุกคนในวันนี้ หานเอ๋อร์จะรับได้หรือไม่?

ท่านหมอจูดีใจมากจึงยกเว้นค่ารักษาของคนไข้ในวันนี้ตามที่พูดไว้

อย่างไรก็ตาม เขาไม่อาจติดพันกับงานนานนัก ผ่านไปสักพักเขาก็พาถงซื่อไปยังเรือนหลังศาลาว่าการเพื่อช่วยมู่ซืออวี่เตรียมอาหารมื้อค่ำของครอบครัว

วันนี้มีงานเลี้ยง อันอวี้และลู่จื่ออวิ๋นจึงกลับมาเร็วกว่าปกติ

ลู่จื่ออวิ๋นกอดเสี่ยวเฮยเอาไว้ ก่อนจะจ่อกระดูกไปที่ปากของมัน

“กินสิ…”

เสี่ยวเฮยเบือนหน้าหนีไปด้านข้าง

วันนี้ลู่จื่ออวิ๋นใส่ชุดสีเขียวอ่อน บนหัวมัดผมเป็นก้อนกลม ๆ สองลูก ดวงตาแวววาวของนางบ่งบอกถึงความไม่พอใจ

“ดีนัก เสี่ยวเฮย เจ้าเริ่มเลือกกินอีกแล้ว”

ฮ่า ๆ! เสียงหัวเราะเสียงหนึ่งดังขึ้น

ลู่จื่ออวิ๋นเงยหน้า นางเห็นเด็กหนุ่มอายุราว ๆ สิบสองสิบสามปีมองมาที่ตัวเองอย่างอยากรู้อยากเห็น

ลู่ฉาวอวี่เดินเข้ามาข้างหลัง

“ท่านพี่…” ดวงตาของลู่จื่ออวิ๋นเป็นประกาย เดิมทีดวงตาของนางก็งดงามอยู่แล้ว บัดนี้ยิ่งเหมือนอัญมณีมากขึ้นไปอีก

นางกระโจนเข้าไปหาพี่ชาย

ลู่ฉาวอวี่รับนางไว้อย่างรวดเร็ว

นับตั้งแต่ได้เรียนวรยุทธ์จากเซี่ยคุน ลู่ฉาวอวี่ก็ไม่ใช่เด็กชายร่างกายอ่อนแออีกต่อไป เขายังคงเป็นคนเดิม ทว่าบรรยากาศรอบตัวกลับแตกต่างออกไป

ลู่จื่ออวิ๋นอยู่ในอ้อมแขนของลู่ฉาวอวี่และไม่ยอมผละออกมาง่าย ๆ

“วันนี้เหตุใดท่านไม่ใส่เสื้อผ้าที่ข้าทำให้เล่า?”

ลู่ฉาวอวี่เพียงคลี่ยิ้ม “…”

ฉูเหยี่ยนมองลู่จื่ออวิ๋นด้วยความสงสัย “นี่คือน้องสาวฝาแฝดของเจ้าหรือ?”

“นี่เป็นสหายร่วมชั้นเรียนของข้า ฉูเหยี่ยน” ลู่ฉาวอวี่แนะนำให้น้องสาว “เจ้าเรียกเขาว่าคุณชายฉูก็ได้”

“พวกเราเป็นสหายที่ดีต่อกันถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้าถึงให้น้องสาวของเจ้าเรียกข้าว่าคุณชายฉู? ข้าโตกว่า มิเช่นนั้นให้นางเรียกข้าว่าท่านพี่ฉูเป็นอย่างไร?” ฉูเหยี่ยนเอ่ยกับลู่จื่ออวิ๋น

“ข้ามีพี่ชายคนเดียว” ลู่จื่ออวิ๋นไม่ไว้หน้าแม้แต่น้อย “ไม่มีทางเรียกผู้อื่นว่าพี่”

ลู่ฉาวอวี่ลูบผมของน้องสาว “เสี่ยวเฮยเฝ้าอยู่นอกห้องครัว ท่านแม่ทำอาหารได้อร่อยถึงเพียงนี้ จะให้มันกินแต่กระดูกไร้รสชาติได้อย่างไร?”

“ใช่ ๆ เสี่ยวเฮยเลือกกินเก่งเช่นกัน” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องนะ เหตุใดท่านไม่ใส่เสื้อผ้าที่ข้าทำ?”

“ฝีมือของเจ้า… ยังต้องพัฒนาอีกเล็กน้อย เอาไว้ปีหน้าข้าจะใส่แน่นอน” ลู่ฉาวอวี่เห็นว่าไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ จึงเอ่ยไปตามจริง

เมื่อมู่ซืออวี่ออกมาจากห้องครัวและเห็นฉูเหยี่ยนมองลู่จื่ออวิ๋นพลางยกยิ้ม นางพลันหวาดระแวงขึ้นมาในใจ

เหตุใดคนผู้นี้จึงมาที่นี่ได้?

“อวิ๋นเอ๋อร์” มู่ซืออวี่ร้องเรียก

“มาแล้วเจ้าค่ะ”

ฉูเหยี่ยนค้อมคำนับมู่ซืออวี่ “ท่านป้า ข้ามาทานข้าวอีกแล้ว”

“ยินดีต้อนรับ” ก็แย่แล้ว

มู่ซืออวี่ยังคงรักษารอยยิ้มสุภาพเอาไว้

ให้ลูกสาวของนางอยู่ห่างจากคนผู้นี้ไว้จะดีกว่า

แต่อีกฝ่ายดูเหมือนจะชอบเกาะติดฉาวอวี่เป็นพิเศษ

ไม่เสียแรงที่เป็นตัวเอกชายในอนาคต อายุยังน้อยเช่นนี้กลับมีสายตากว้างไกล อย่างไรก็ตาม เพื่อความปลอดภัยควรอยู่ให้ไกลจากเขา

ลู่จื่ออวิ๋นถูกเรียกให้ไปช่วยเลือกผัก

ในขณะที่ลู่ฉาวอวี่พาฉูเหยี่ยนไปดูบริเวณรอบ ๆ

“บ้านของเจ้าน่าสนใจจริง ๆ” ฉูเหยี่ยนเอ่ยขึ้น “นี่อะไร?”

“สนามเด็กเล่น” ลู่ฉาวอวี่เหลือบมอง “ท่านแม่ข้าเป็นคนออกแบบ”

“สิ่งนี้น่าสนใจ” ฉูเหยี่ยนกล่าว “หากสร้างไว้ข้างนอกสักแห่ง ไม่แน่ว่าอาจเป็นโอกาสทางการค้า”

“อืม พ่อแม่ของข้าตั้งใจจะทำเช่นนั้น” ลู่ฉาวอวี่ไม่ปิดบัง “ไม่นานมานี้ พวกเรากำลังลงมือสร้างสนามเด็กเล่นในพื้นที่ขนาดกว้าง ที่นั่นเคยเป็นชุมชนแออัดมาก่อน ตอนนี้เราตั้งใจจะสร้างสวนสนุกขึ้น”

“ต้องน่าสนใจมากแน่ ๆ!” ฉูเหยี่ยนเอ่ย “หากมีสถานที่ที่น่าสนใจเช่นนี้ เมืองฮู่เป่ยย่อมเจริญรุ่งเรืองขึ้นมาก พ่อแม่ของเจ้าฉลาดจริง ๆ ไม่แปลกใจที่พวกเขาให้กำเนิดลูกชายอย่างเจ้า”

“ขอบคุณที่กล่าวชม” ลู่ฉาวอวี่ยอมรับโดยไม่ถ่อมตน

“นี่ เจ้าให้น้องสาวเจ้าเรียกข้าว่าพี่ชายสิ!” ฉูเหยี่ยนจับแขนอีกฝ่าย “ข้ามีน้องสาวหลายคน ทว่าไม่มีผู้ใดน่ารักเท่าน้องสาวคนนี้ของเจ้าเลย”

“ไม่” ลู่ฉาวอวี่ตอบเสียงเรียบ “น้องสาวของข้ามีข้าเป็นพี่ชายเพียงคนเดียวเท่านั้น ข้าก็มีนางเป็นน้องสาวของข้าเพียงคนเดียวเช่นกัน ในเมื่อเจ้ามีน้องสาวมากมาย เช่นนั้นก็อย่าได้มาฉกชิงนางไปจากบ้านข้า”

“มีน้องสาวมากแล้วมีประโยชน์อะไร พวกนางทั้งซุกซนและเอาแต่ใจ เพียงแค่ลมพัดก็ล้มแล้ว วัน ๆ เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ ไม่มีผู้ใดเจริญหูเจริญตาเท่าน้องสาวของเจ้า”

คราแรกที่ผ่านประตูเข้ามา เห็นนางยิ้มน้อย ๆ และกอดลูกสุนัขไว้ ฉูเหยี่ยนรู้สึกราวกับเห็นเซียนน้อยในภาพวาด นางทำให้เขาลืมความกังวลเมื่อสองสามวันที่ผ่านมาไปจนหมดสิ้น

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset