สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 379 ผู้บงการ

บทที่ 379 ผู้บงการ

บทที่ 379 ผู้บงการ

ณ เรือนด้านหลังศาลาว่าการ ฮูหยินเฉินเอ่ยอย่างกระวนกระวายใจ “จะทำอย่างไรดี? คนพวกนั้นถูกจับแล้ว พวกเขาต้องสืบมาถึงท่านแน่นอน หากพบว่าเราเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ เราจะไม่ถูกจับเข้าคุกหรือ?”

“ตอนนี้เจ้ากระวนกระวายใจไปจะมีประโยชน์อะไร ทำก็ทำไปแล้ว ยังจะมาเสียดายทีหลังอีกรึ หนทางที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงหาทางติดต่อกับใต้เท้าผู้นั้นแล้วให้เขาหาวิธีพาเราออกไป” เฉินหู่เอ่ยด้วยสีหน้าร้ายกาจ

“แต่ว่า ใต้เท้าท่านนั้นจะดูแลพวกเราหรือ?” ฮูหยินเฉินไม่ได้มองในแง่ดีนัก

“หากเขาไม่สนใจพวกเรา เขาก็ปิดบังสิ่งที่ทำไว้ไม่ได้ หากข้าถูกลิขิตให้ตาย ข้าจะทำลายชื่อเสียงเกียรติยศและความมั่งคั่งของเขาให้สิ้น” เฉินหู่ยิ้มเยือกเย็น “เจ้าฝนหมึกให้ข้าหน่อย ข้าจะเขียนจดหมายหาเขาสักฉบับ”

ฮูหยินเฉินออกไปพร้อมกับตะกร้า

เมื่อผ่านประตูศาลาว่าการ นักการหวังก็เรียกนางเอาไว้ “ฮูหยินเฉิน ท่านจะไปที่ใดหรือ?”

ฮูหยินเฉินกินปูนร้อนท้อง นางกระชับมือที่กำลังถือตะกร้า เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ “สามีข้าอยากกินคอเป็ด ข้าจึงจะไปซื้อมาให้เขาสักหน่อย”

“ท่านหมอบอกว่านายช่างเฉินต้องพักผ่อน ต้องทานคอเป็ดหรือเป็ดย่างให้น้อยลงหน่อย” นักการหวังเอ่ยด้วยสีหน้ายุ่งยากใจ “ท่านบอกให้เขาระงับความอยาก เลิกกินของพวกนี้จนกว่าจะฟื้นตัวจากบาดแผล”

“สามีข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เดิมทีก็ร่างกายไม่แข็งแรงอยู่แล้ว หากให้เขาระงับความอยากอีกนั่นจะมิยิ่งเลวร้ายกว่าการฆ่าเขาหรือ?” ฮูหยินเฉินกล่าว “ข้าจะซื้อให้เขาอีกแค่สองครั้ง”

“เอาเถอะ! เช่นนั้นท่านก็รีบไปแล้วกลับมาเร็ว ๆ หน่อย”

“เจ้าค่ะ”

หลังจากฮูหยินเฉินไปแล้ว นักการหวังก็สั่งผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ข้าง ๆ “ลอบตามนางไปเงียบ ๆ อย่าให้รู้ตัว แค่กลับมาบอกว่านางไปพบใครก็พอ”

“ขอรับ”

หนึ่งชั่วยามต่อมา นักการสองคนก็กลับมาถึง

“พวกเจ้าเห็นนางเข้าไปในจวนเจียงเหล่าหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“ขอรับ” หนึ่งในนักการที่ชื่อว่าหวังต้าเซิงเอ่ย “เพียงแต่การคุ้มกันในจวนเจียงเหล่าแน่นหนามาก พวกเราสองคนไม่กล้าเข้าไปใกล้นักจึงไม่รู้ว่านางเข้าไปพบผู้ใด”

เวินเหวินซงเอ่ยว่า “ฮูหยินลู่ ดูเหมือนว่าคนที่หนุนหลังเฉินหู่อยู่จะเป็นคนของจวนเจียงเหล่า เพียงแต่จวนเจียงเหล่าไม่ใช่ที่ ๆ เราล่วงเกินได้ ใต้เท้าลู่ไม่อยู่ หากคิดจะตรวจสอบคงไม่ง่ายดาย”

“นับแต่หลานสาวของเจียงเหล่า คุณหนูเฉินท่านนั้นแต่งออกไป ใต้เท้าของเราก็ไม่ได้ไปจวนเจียงเหล่าเป็นเวลานานแล้ว เจียงเหล่าไม่ได้เรียกใต้เท้าไป” ต้าหนิวกล่าว

เฉินซือจวินแต่งงานแล้ว ตอนที่มู่ซืออวี่กลับมายังเมืองฮู่เป่ยก็ได้ยินข่าวนี้ตอนนั้นนางยังคิดว่าแปลกนัก เมื่อคิดถึงความรู้สึกที่เฉินซือจวินมีต่อลู่อี้ อีกฝ่ายก็ไม่น่าวางมือไปง่าย ๆ ตอนนี้ดูเหมือนจะมีบางอย่างเกิดขึ้น

“จวนเจียงเหล่าไม่ใช่สิ่งที่เราแตะต้องได้ ตอนนี้พวกเราทำได้เพียงรองูออกมาจากรัง” มู่ซืออวี่กล่าว “จับตาดูพวกเขาไปก่อน หากมีความเคลื่อนไหวอะไรให้มารายงานข้า”

จวนเจียงเหล่าจะทำอะไรได้?

คงไม่มีอะไรไปมากกว่ายุยงให้คนงานก่อปัญหา

ราษฎรมาทำงานเพราะเหตุใด? แน่นอนว่าเพราะพวกเขาต้องการจ่ายภาษีด้วยแรงกาย ในเมื่อมีคนมอบเงินก้อนโตที่หักภาษีแล้วยังเหลือใช้ จะมีสักกี่คนที่ต้านทานความเย้ายวนนี้ได้?

เกิดเรื่องติดต่อกันหลายวัน หากไม่มีคนได้รับบาดเจ็บก็มีคนสร้างความวุ่นวาย ความคืบหน้าของโครงการทั้งหมดจึงได้รับผลกระทบ แม้แต่คนที่ไม่ได้สร้างปัญหาก็ต้องเข้ามาพัวพันกับเรื่องยุ่งอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทุกอย่างเริ่มอยู่เหนือการควบคุมเข้าไปทุกที

มู่ซืออวี่มองบุรุษที่ซื่อตรงและสงบเสงี่ยมเบื้องหน้า

คนผู้นี้เป็นชายวัยกลางคน

เขาสวมใส่เสื้อผ้าที่มีรอยปะชุน สีหน้าแสนซื่อสัตย์ของเขาเต็มไปด้วยความกระอักกระอ่วนและกระวนกระวาย เมื่อเผชิญหน้ากับคนที่สูงส่งเช่นฮูหยินนายอำเภอ เขาก็ตระหนกเสียจนไม่กล้าสูดหายใจแรง ๆ

“เจ้านำเรื่องนี้มาบอกข้า ไม่กลัวว่าพวกเขาจะลงมือจัดการเจ้าหรือ?”

คนผู้นี้มาบอกเรื่องภายในบางอย่างกับนาง

“กลัวขอรับ แต่เมื่อคิดดูแล้ว ข้ายังคงอยากบอกกับฮูหยิน” ชายวัยกลางคนผู้นั้นกล่าว “ฮูหยินลำบากเพื่อพวกเราราษฎรถึงเพียงนี้ หากพวกเราลืมบุญคุณ ยังจะถือว่าเป็นคนอยู่อีกหรือ?”

“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าจะมอบหมายบางอย่างให้เจ้าทำ หากเจ้าทำสำเร็จ ข้าจะมอบรางวัลให้ รับรองว่าเพียงพอที่จะเปลี่ยนชีวิตครอบครัวของพวกเจ้าในตอนนี้ได้แน่นอน” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “เจ้ากล้าเสี่ยงหรือไม่?”

“กล้าขอรับ”

“ดี เช่นนั้นเจ้าจง…”

สองสามวันต่อมา คนงานนับร้อยถูกปลดออกจากงาน คนเหล่านี้หากไม่เป็นฝ่ายก่อปัญหา จงใจกลั่นแกล้งเพื่อนร่วมงาน ก็แสร้งทำเป็นป่วย หลังจากพวกเขาออกไป สถานการณ์โดยรวมก็สงบลงมาก

แท้จริงแล้วหัวหน้านายช่างคนใหม่อย่างโจวเฉิงเฉวียนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องวุ่นวายนี้ด้วย

ตอนแรกเขาลังเลใจเพราะรู้ว่าเฉินหู่มีคนคอยหนุนหลัง แต่เห็นได้ชัดว่าเฉินหู่กำลังจะจบเห่แล้ว หากเขาไม่ยอมจำนนต่อฮูหยินนายอำเภอ อนาคตย่อมไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากเป็นแน่

“พี่โจว เตรียมการเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่าเฉินหู่ยักยอกเงิน” ลูกน้องคนหนึ่งส่งสมุดบัญชีให้โจวเฉิงเฉวียน “แต่ว่าพี่โจว พี่ต้องคิดให้ดีนะ เฉินหู่มีอำนาจคอยหนุนหลัง”

“เจ้าคิดว่าตอนนี้ข้ามีทางเลือกหรือ?” โจวเฉิงเฉวียนเอ่ย “มีแต่ต้องเดิมพันแล้ว”

“ได้ ข้าจะเดิมพันด้วย อย่างไรเสียข้าก็ทนต่อพฤติกรรมของเฉินหู่ไม่ไหวแล้ว”

มู่ซืออวี่รับสมุดบัญชีมา จากนั้นมองโจวเฉิงเฉวียนที่ยืนอยู่ตรงหน้า

โจวเฉิงเฉวียนก้มหน้าอยู่อย่างนั้น บรรยากาศภายในห้องกดดันเป็นอย่างมาก เขาไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา เพราะรู้ว่าผู้มีอำนาจผู้นี้สามารถตัดสินความเป็นความตายของตนได้เพียงเอ่ยออกมาคำเดียว เขาคุ้นเคยกับการประจบเฉินหู่ ย่อมรู้จักการอ่านสีหน้าคนเป็นอย่างดี

“เจ้าเอาสมุดบัญชีมาให้ข้าเช่นนี้ ไม่กลัวว่าจะมีปัญหาตามมาหรือ? เท่าที่ข้ารู้ เจ้าและเฉินหู่เคยลงเรือลำเดียวกันมาก่อน”

“ผู้น้อยไม่ปฏิเสธ” โจวเฉิงเฉวียนกล่าว “อันที่จริง เงินในสมุดบัญชีที่ยักยอกมา ส่วนหนึ่งก็แบ่งให้ผู้น้อยด้วย เพียงแต่ฮูหยินให้ความสำคัญกับผู้น้อยมากเพียงนี้ ผู้น้อยจึงไม่อยากโกหกท่าน”

“ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก นับว่าความชอบกับความผิดหักล้างกันแล้ว ภายหน้าหากสร้างคุณงามความดีได้ นั่นจะเป็นตัวตัดสินว่าต่อไปเจ้าจะได้รับตำแหน่งอะไร” มู่ซืออวี่กล่าว

หลังจากโจวเฉินเฉวียนจากไปแล้ว เวินเหวินซงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง

มู่ซืออวี่ส่งสมุดบัญชีให้เขา

เดิมทีเวินเหวินซงเคยเป็นเสมียน มีสมุดบัญชีประเภทใดและเอกสารแบบใดที่เขาไม่เคยเห็นบ้าง?

เมื่อเขาเปิดสมุดบัญชีและกวาดตามองผ่าน ๆ ก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติทันที

“บัดนี้ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่เบื้องหลังเฉินหู่จะเป็นพ่อบ้านรองของจวนเจียงเหล่า”

“ข้ายกคนผู้นี้ให้ท่านจัดการ” มู่ซืออวี่เอ่ย “เขาและเฉินหู่เพียงแค่แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ซึ่งกันและกัน ข้าไม่เชื่อว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้น ในเมื่อเป็นเพียงการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ นี่ก็เป็นความสัมพันธ์ที่ไม่ได้ซับซ้อนเลยไม่ใช่หรือ?”

“เขาเป็นเพียงพ่อบ้านรองของจวนเจียงเหล่า การจัดการกับเขามิใช่ง่ายดายหรือ?” เวินเหวินซงเอ่ย “หากใต้เท้าอยู่ที่นี่ ย่อมจัดการเขาได้เพียงแค่ดีดนิ้ว”

“ตีสุนัขต้องดูเจ้าของ” มู่ซืออวี่กล่าว “ไม่ว่าพ่อบ้านรองจะเหลวไหลเพียงใด เขาก็ยังเป็นสุนัขของจวนเจียงเหล่า ท่านคิดว่าถ้าพวกเราเข้าไปยุ่งกับเรื่องในจวนเจียงเหล่า เจียงเก๋อเหล่าท่านนั้นจะยินดีหรือ? ล่วงเกินสุภาพบุรุษย่อมดีกว่าล่วงเกินผู้ร้าย สำหรับผู้ร้ายเช่นพ่อบ้านรอง ระยะนี้ก็ปล่อยให้เขาย่ามใจไปก่อน รอภายหน้ามีโอกาสค่อยจัดการก็ยังไม่สาย”

“ฮูหยินกล่าวถูกต้องแล้ว”

ภายหน้าตระกูลจิ้งจอกอย่างตระกูลลู่จะต้องได้มาซึ่งเกียรติยศและความมั่งคั่งแน่นอน เหลือแค่รอเวลาเท่านั้น

พื้นเพตระกูลของเวินเหวินซงนับว่าไม่เลว รสนิยมเรื่องสตรีของเขาเป็นไปตามที่บิดามารดาอบรม ‘นุ่มนวล อ่อนโยน เข้าใจ รอบรู้ มีเหตุผล’ ทว่าตอนนี้เขาไม่คิดเช่นนั้นแล้ว

นุ่มนวล อ่อนโยน เข้าใจ รอบรู้ มีเหตุผลอะไรนั่น ยังไม่เท่าคนที่เห็นอกเห็นใจและรู้ใจกันโดยไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มากความ

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset