สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 391 ผู้พิพากษาจั่วอวิ๋นหู่

บทที่ 391 ผู้พิพากษาจั่วอวิ๋นหู่

บทที่ 391 ผู้พิพากษาจั่วอวิ๋นหู่

เช้าตรู่วันถัดมา มู่ซืออวี่ได้รับจดหมายลึกลับฉบับหนึ่ง ในนั้นเขียนไว้ว่าให้นำเงิน 1,000 ตำลึงเงินไปไถ่ตัวฟ่านอวี๋ด้วยตนเอง โดยต้องไปถึงเขาล่วนโถวที่อยู่นอกเมืองภายในสองชั่วยาม หากไม่ไปตามนัดหมาย จะส่งศพของฟ่านอวี๋มาให้

มู่ซืออวี่ส่งจดหมายให้เวินเหวินซง

หลังจากอ่านจดหมายแล้ว เวินเหวินซงจึงกล่าวว่า “คนผู้นี้ไร้การศึกษา ดูแต่ละคำที่เขียนลงไปสิ แม้กระทั่งสุนัขเขี่ยยังเขียนได้ดีกว่าเขาหลายเท่า”

“นี่ใช่ประเด็นหรือ?” มู่ซืออวี่ชำเลืองมองเขา

“ไม่ใช่ประเด็น เพียงแต่ทุกคนค่อนข้างเคร่งเครียด ข้าจึงอยากให้บรรยากาศผ่อนคลายลงหน่อย” เวินเหวินซงยิ้มก่อนที่จะเอ่ยอย่างจริงจัง “ถึงแม้ตัวอักษรของคนผู้นี้จะไม่ค่อยดีนัก แต่สมองของเขากลับยอดเยี่ยม เขาพบว่าตนจับคนไปผิดจึงออกอุบายใช้แผนซ้อนแผน แสร้งทำเป็นโจรลักพาตัว รอท่านไปงับเหยื่อ”

“หากฮูหยินไม่ไปเล่า?” จื่อเยวี่ยนเอ่ยถาม

“ไม่ไปก็คือไม่ไป อย่างไรเสียก็ไม่มีอะไรจะเสีย เขาสามารถคิดหาวิธีอื่นได้ เพียงแต่เถ้าแก่เนี้ยฟ่านอาจจะ…”

ทุกคนไม่ได้โง่ พวกเขารู้ว่าครึ่งประโยคหลังที่เวินเหวินซงไม่ได้กล่าวคืออะไร

โจรลักพาตัวที่ลงมือกับฮูหยินของขุนนาง ย่อมไม่ได้ทำเพื่อเงินอย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายต้องการแก้แค้น

คนประเภทนี้คือสุนัขจนตรอก พวกเขาไม่สนความเป็นความตายอีกต่อไป สำหรับพวกเขานั้นการฆ่าผู้บริสุทธิ์อีกสักคนคงไม่ใช่เรื่องใหญ่

“จื่อซู นำตั๋วเงินมา พวกเราไปเขาล่วนโถวกัน ส่วนจื่อเยวี่ยน เจ้าอยู่ที่บ้านรอพวกเรากลับมา” มู่ซืออวี่เตรียมการทันที “ปลัดอำเภอเวิน ศาลาว่าการของเรามีนักการที่ฝีมือใช้ได้กี่คน?”

“นักการมือดีของศาลาว่าการล้วนไปกับใต้เท้าหมดแล้ว ส่วนผู้คุ้มกันที่ส่งไปเมื่อวานต่างก็เป็นผู้มีวิทยายุทธ์ยอดเยี่ยม แต่กลับมองไม่เห็นแม้แต่เงาของคนผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่อาจรับผิดชอบงานสำคัญเช่นนี้ได้” เวินเหวินซงเอ่ย

“แต่พี่เซี่ยมอบป้ายอันหนึ่งไว้ให้ข้า เขาบอกว่าหากต้องการคน ให้นำแผ่นป้ายนี้ไปหาเถ้าแก่เนี้ยร้านขายผ้า ข้าจะไปหานางเดี๋ยวนี้ หวังว่าจะทันการ”

หลังจากเวินเหวินซงไปแล้ว มู่ซืออวี่ก็หาแผนที่เขาล่วนโถว

“ข้ารู้สึกว่าเขาแห่งนี้เป็นที่ที่โจรป่ามักจะปรากฏตัว”

“ฮูหยิน จื่อซูปกป้องท่านได้ แต่บ่าวกลับทำอะไรไม่ได้เลย บ่าวรู้สึกว่าตนช่างไร้ประโยชน์เสียจริง” จื่อเยวี่ยนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เอ่ยอย่างเศร้าใจ

“เจ้าทำอะไรถี่ถ้วนเสมอ มักจะคิดไปก่อนข้าหนึ่งก้าว ช่วยแบ่งเบาภาระข้าได้มากมาย เรื่องครั้งนี้ต่างไปจากยามปกติ เจ้าเป็นสตรีบอบบางผู้หนึ่ง หากพาไปด้วย เจ้าจะให้พวกเขาคอยปกป้องข้าหรือเจ้า?” มู่ซืออวี่กล่าว “เจ้าทำใจให้สบายรอพวกเรากลับมา หากเรื่องนี้จบลงแล้ว พวกเราก็เตรียมหม้อไฟให้คนของศาลาว่าการเฉลิมฉลองสักหน่อย เจ้าอยู่ที่นี่คอยเตรียมงานเถอะ”

ไม่นานเวินเหวินซงก็กลับมา

ข้างหลังเขามีบุรุษหนวดเครายาวเฟื้อยผู้หนึ่ง

“ฮูหยิน นี่เป็นมือดีที่พวกเขาเตรียมไว้ขอรับ”

มู่ซืออวี่มองบุรุษตรงหน้า

สายตาของบุรุษผู้นี้คมกริบ ราวกับกระบี่แหลมคมเล่มหนึ่งที่สามารถทิ่มแทงผู้คนได้ตลอดเวลา

“พี่ใหญ่ ท่านนี้มีนามว่าอะไรหรือ?”

“จั่วอวิ๋นหู่”

“จั่วอวิ๋นหู่? เหตุใดชื่อจึงได้คุ้นหูเช่นนี้”

“ผู้อื่นเรียกข้าว่าผู้พิพากษา ก่อนหน้านี้ไม่นาน ข้าก็ช่วยศาลาว่าการของพวกเจ้าจับนักโทษ”

มู่ซืออวี่ดีดนิ้ว “ข้าจำได้แล้ว เป็นท่านนี่เองที่จับโจรมาส่งเมื่อไม่นานมานี้ สามีของข้ายินดีมาก ยังเอ่ยถึงท่านอยู่เลย”

“ดูเหมือนจะวางใจเรื่องความปลอดภัยของฮูหยินได้แล้ว” เวินเหวินซงเอ่ย “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้เถอะ!”

“ส่งนักการอีกสิบเก้าคนไปตบตา จะได้สร้างความสับสนได้” มู่ซืออวี่เอ่ย

ครึ่งชั่วยามต่อมา มู่ซืออวี่พร้อมกับจื่อซูนั่งรถม้าไปยังเขาล่วนโถวนอกเมือง ข้างหลังมีนักการยี่สิบคนตามมา

เมื่อราษฎรที่อยู่รอบ ๆ เห็นรถม้าของมู่ซืออวี่ ต่างก็พากันคาดเดาไปต่าง ๆ นานา พวกเขาสงสัยว่าถ้าฮูหยินนายอำเภอจะออกไปเจรจาการค้า เหตุใดต้องทำให้เอิกเกริกเช่นนี้

“ข้าไม่คิดว่าไปเจรจาการค้า” บัณฑิตที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ถึงแม้ฮูหยินลู่จะเป็นฮูหยินของนายอำเภอ ทว่ายามนางเจรจาการค้า นางก็ปฏิบัติดังเช่นคนปกติทั่วไป ไม่เคยใช้คนของศาลาว่าการ พวกเจ้าลองคิดดู หากเจรจาเรื่องการค้าแล้วมีคนจากศาลาว่าการไปด้วย นั่นจะไม่ทำให้คู่ค้ารู้สึกกดดันหรือ? นางนำนักการไปมากถึงเพียงนี้ จะต้องมีเรื่องบางอย่างให้จัดการแน่นอน”

ร่างเงาในชุดสีม่วงร่างหนึ่งพุ่งผ่านฝูงชนไป

เขากลับเข้าไปในบ้าน เลือกม้าที่ยอดเยี่ยมที่สุดออกมาจากคอก และรีบออกไปทันที

เมื่อมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ มาถึงเขาล่วนโถว ก็พบเข้ากับร่างหนึ่งถูกแขวนห้อยหัวไว้กับต้นไม้ โดยมีด้ามดาบปักไว้ด้านล่าง ส่วนคมดาบชี้ขึ้นด้านบน แน่นอนว่าทันทีที่เชือกขาด คนทั้งคนจะตกลงมาเสียบเข้าที่ดาบเล่มนั้นทันที

“อาจารย์ฟ่าน” มู่ซืออวี่จำฟ่านอวี๋ได้แม่น

หลังจากผ่านไปหนึ่งคืน เสื้อผ้าของฟ่านอวี๋ยุ่งเหยิง ในปากของนางมีผ้ายัดไว้ เมื่อเห็นมู่ซืออวี่และคนอื่น ๆ ปรากฏตัว นางก็ดิ้นรนด้วยความยินดี จนเสียงกิ่งไม้ลั่น ‘กร๊อบ’ ราวกับว่ามันจะหักลงมาง่าย ๆ

“อย่าขยับ” มู่ซืออวี่เตือนฟ่านอวี๋ “ข้าจะช่วยท่าน ตอนนี้ท่านปิดตาเสีย ทำเป็นไม่ได้ยินไม่ได้เห็นสิ่งใดทั้งสิ้น”

“ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว” คนสวมหน้ากากผู้หนึ่งยืนอยู่บนต้นไม้

ดูจากการเตรียมการแล้ว เห็นได้ชัดว่าศัตรูแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก

มู่ซืออวี่อดคิดไม่ได้ว่า นางไปล่วงเกินคนที่เคี้ยวยากเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน? หรือว่าจะเป็นศัตรูของลู่อี้?

“ท่านมีนามว่าอะไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม

“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ อย่างไรเสียเจ้าก็จะตายแล้ว” คนผู้นั้นกระโจนลงมาหามู่ซืออวี่

เหล่านักการบังตัวมู่ซืออวี่เอาไว้ด้านหลัง

คนผู้นั้นไม่เห็นนักการอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เขาฟาดฟันพวกนักการด้วยดาบทันที

จั่วอวิ๋นหู่พุ่งทะยานออกมาจากฝูงชนและประจันหน้ากับชายสวมหน้ากาก

“ผู้พิพากษาจั่วอวิ๋นหู่! นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะกลายเป็นสุนัขรับใช้ของศาลาว่าการแล้ว”

เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายรู้จักจั่วอวิ๋นหู่

จั่วอวิ๋นหู่กล่าวอย่างเยือกเย็น “ดูเหมือนเจ้าจะเป็นสหายบนเส้นทางเดียวกัน ในเมื่อเจ้ากล้าก่อคดีอุกอาจเช่นนี้ คงไม่ต้องกลัวว่าข้าจะรู้ตัวตนแล้วกระมัง? เหตุใดเจ้าไม่ถอดผ้าที่ปิดบังความอัปยศอดสูนี้ออกมาเล่า ข้าจะได้รู้ว่าเจ้ามาจากที่ใด!”

มู่ซืออวี่เอ่ยกับจื่อซูว่า “ข้าเลื่อมใสผู้พิพากษาแบบนี้ยิ่งนัก”

“ฮูหยิน อาจารย์ฟ่านจะหลุดลงมาแล้วเจ้าค่ะ!”

“ช่วยนาง!”

จั่วอวิ๋นหู่ติดพันอยู่กับคนผู้นั้น

นักการคนอื่น ๆ จึงแยกตัวออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งไปช่วยฟ่านอวี๋ ส่วนอีกกลุ่มคอยคุ้มกันมู่ซืออวี่

นักฆ่าสวมหน้ากากมองมู่ซืออวี่ที่อยู่กลางกลุ่มคน จากนั้นโยนบางอย่างใส่นาง

“อาวุธลับ!” จื่อซูเหวี่ยงดาบออกไปขวาง

เดิมทีจื่อซูไม่เพียงแต่มีพละกำลังแข็งแรงเท่านั้น ยามว่างนางมักจะเรียนรู้ลูกไม้เล็ก ๆ น้อยจากเหล่าเจ้าหน้าที่ในศาลาว่าการด้วย ครั้งนี้ถึงคราวได้ใช้พอดี

ฉึก! นักฆ่าสวมหน้ากากถูกจั่วอวิ๋นหู่แทงเข้าไปหนึ่งกระบี่

เขากดปากแผลที่หน้าอกแน่น ก่อนจะเดินเซถอยหลังไปสองสามก้าว

จู่ ๆ เขาก็หมุนตัวแล้วพุ่งเข้าไปหาฟ่านอวี๋ที่เพิ่งถูกช่วยไว้แล้ววิ่งหนีไป

“สารเลว! ส่งนางมาให้ข้าซะ” จั่วอวิ๋นหู่เห็นดังนี้จึงตามไปด้วยความโกรธ

มู่ซืออวี่ตื่นตระหนกอยู่ที่เดิม

ทั้งสองคนนั้นล้วนแต่เป็นยอดฝีมือ พวกนางตามไม่ทันแม้แต่น้อย

“ฮูหยิน ระวัง!” จื่อซูยืนบังหน้ามู่ซืออวี่

ลูกธนูลึกลับดอกหนึ่งปักเข้าที่ไหล่ของจื่อซู

เป็นเวลาเดียวกันกับที่คนชุดดำห้าคนออกมาล้อมพวกนางไว้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset