บทที่ 421 เกมหมากรุกกระดานใหญ่
บทที่ 421 เกมหมากรุกกระดานใหญ่
เดิมทีโจวป๋อเหวินคุกรุ่นไปด้วยความไม่พอใจและความโกรธ ทว่าตอนนี้กลับมลายหายไปหมดสิ้นแล้ว
หลังจากเวินเหวินซงพาโจวป๋อเหวินเข้ามาข้างใน อันดับแรกเขาให้บ่าวรับใช้นำเตาอุ่นมือมาเพิ่มความอบอุ่นกับมือเขาเสียก่อน จากนั้นจึงให้บ่าวรับใช้นำเตาถ่านเข้ามาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้กับห้อง
“มีเรื่องอะไรหรือ?” เวินเหวินซงอังมืออยู่หน้าเตาถ่าน “ถึงแม้มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ ท่านก็ไม่จำเป็นต้องมายืนรออยู่อย่างโง่เขลาเช่นนั้น เพียงแค่ส่งคนส่งข่าวมาก็พอแล้ว”
“ท่านพ่อของข้าถูกนักการจับไปแล้ว ท่านรู้หรือไม่?” โจวป๋อเหวินเมาอย่างหนัก แต่กลับถูกคนปลุกขึ้นมาให้ไปหาคน ต้องลมหนาวเย็นที่พัดผ่านอยู่ด้านนอกเป็นเวลานาน ตอนนี้ศีรษะของเขาปวดขึ้นเป็นเท่าทวีคูณแล้ว
เวินเหวินซงประหลาดใจ “จริงหรือ?”
“แน่นอน” โจวป๋อเหวินขมวดคิ้ว “ท่านไม่ใช่นายอำเภอคนต่อไปหรือ?”
“ถึงแม้ท่านจะกล่าวเช่นนี้ แต่ข้าก็ยังไม่ได้เข้ารับตำแหน่งหรอก” เวินเหวินซงกล่าว “วันนี้ข้าออกไปแต่เช้าตรู่ ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดท่านพ่อของท่านถูกจับเล่า?”
“ข้าก็ไม่รู้เช่นกัน” โจวป๋อเหวินตอบ “เมื่อครู่ข้ายังอยู่ในเรือนวสันต์ ท่านแม่ส่งคนมาหาข้า บอกว่าท่านพ่อถูกจับแล้ว ข้ายังคงสับสนอยู่”
“ผู้ใดจับเขาไป?”
“ข้าไม่อยู่ที่จวน ข้าไม่รู้!”
เวินเหวินซงตะโกนออกไปข้างนอก “ใครก็ได้ เข้ามา!”
นักการคนหนึ่งเดินเข้ามา เวินเหวินซงจึงสอบถามเรื่องโจวฟู่กุ้ย
นักการอธิบายทุกอย่างออกมาตามตรง
“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าออกไปก่อนเถอะ!” เวินเหวินซงสะบัดมือ
ทันทีที่นักการออกไป เขาจึงเอ่ยต่อ “คนที่จับเขาไปคือต้าหนิว นั่นเป็นคนสนิทของใต้เท้าลู่ เชื่อฟังเพียงเขาเท่านั้น กระทั่งคำพูดของข้ายังไม่ฟัง ดูเหมือนจะเป็นคำสั่งของใต้เท้าลู่แล้ว เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปยังคงต้องรอใต้เท้าลู่กลับมาเสียก่อน ข้าต้องสอบถามเขาจึงจะรู้ได้”
“ใต้เท้าลู่จะกลับมาเมื่อใด?”
“ตอนนี้ยังไม่ทราบ เขาไปหมู่บ้านไป่หลี่แล้ว ที่นั่นมีหิมะถล่ม สถานการณ์ยังไม่แน่ชัด” เวินเหวินซงตบบ่าโจวป๋อเหวิน “ท่านอย่าร้อนใจไป กลับไปรอฟังข่าวเถิด ใต้เท้าลู่ยังไม่กลับมา เรื่องท่านพ่อของท่านคงยังไม่ไต่สวน จะต้องไม่มีผู้ใดทำอะไรเขาอย่างแน่นอน อย่างน้อยตอนนี้แสดงให้เห็นว่าเขายังปลอดภัย”
“ท่านกล่าวได้ถูกต้อง สหายเวิน ท่านพ่อของข้านั้น ข้าต้องรบกวนท่านดูแลแล้ว”
…
เมื่อจือเชียนกลับมา มู่ซืออวี่กำลังทำปิ้งย่าง นางสอบถามสถานการณ์ทางด้านลู่อี้ จึงได้รู้ว่าลู่อี้ช่วยเหลือคนเอาไว้ได้แล้ว
“ถึงแม้จะช่วยออกมาแล้ว ทว่ายังคงได้รับบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้พวกเราต้องส่งสมุนไพรไปที่นั่น” จือเชียนเอ่ย “เดิมทีหมู่บ้านไป่หลี่ก็ห่างไกลจากตัวเมือง ตอนนี้ที่นั่นไม่มีสมุนไพร ทำได้เพียงให้พวกเรารวบรวมสมุนไพรจากในเมืองแล้ว”
“เช่นนั้นเจ้ารีบไปเถอะ!”
หลายวันต่อมา ในที่สุดลู่อี้ก็กลับมา
มู่ซืออวี่ลูบใบหน้าของเขาอย่างเจ็บปวดใจ “ผอมลงไปไม่น้อยเลย”
ลู่อี้คว้ามือของนางไว้ “มีฮูหยินคอยเป็นห่วงเป็นใยข้าเช่นนี้ ภัยครั้งนี้ไม่สูญเปล่าแล้ว”
“เหนื่อยมาหลายวัน ยังมีอารมณ์มาเอ่ยคำหวานอีก ท่านควรพักผ่อนสักหน่อย ใต้ตาของท่านดำมืดไปหมด หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าท่านจะด่วนจากไปเสียก่อนน่ะสิ”
ลู่อี้ยังไม่มีเวลาให้พักผ่อน
เขาเพิ่งมาถึงได้ไม่นาน เวินเหวินซงก็มาหา
เขาดื่มน้ำแกงบำรุงที่มู่ซืออวี่ทำให้เป็นเวลาหลายชั่วยามลงไปไม่กี่อึก แล้วตามเวินเหวินซงออกไป
“ยื้อต่อไปไม่ไหวแล้วหรือ?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“ข้าเพียงบอกใบ้ไปเล็กน้อย โจวป๋อเหวินก็เล่าบรรพบุรุษสามชั่วโคตรให้ข้าฟัง ทว่าโจวป๋อเหวินผู้นี้ไม่ได้รู้อะไรมากมายนัก ไม่ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์อะไรเลย”
“ดูเหมือนว่าหากต้องการสืบสาวราวสาเหตุการตายของบิดามารดาท่าน ยังต้องเริ่มจากโจวฟู่กุ้ยผู้นั้นแล้ว เพียงแต่โจวฟู่กุ้ยไม่ได้หลอกล่อได้ง่าย ๆ เหมือนโจวป๋อเหวิน หากเรื่องที่เกิดขึ้นเวลานั้นเกี่ยวข้องกับเขาจริง วิธีที่ดีที่สุดสำหรับเขาคือเสแสร้งทำเป็นบริสุทธิ์ ไม่มีทางบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านเป็นแน่”
“ไม่กลัวว่าเขาจะไม่เปิดปาก” ลู่อี้กล่าว “ตราบใดที่เขายังมีจุดอ่อน”
“ท่านอยากพักผ่อนก่อนสักหน่อยหรือไม่?” เวินเหวินซงเอ่ย “ที่หมู่บ้านไป่หลี่ยุ่งยากมากกระมัง ข้าเห็นว่าท่านคงไม่ได้หลับพักผ่อนเสียหลายวัน”
“ภูเขาลูกนั้นถล่มได้ง่าย ๆ ข้าจึงถือโอกาสนี้ช่วยพวกเขาแก้ปัญหา ไม่ได้หลับนอนหลายวันจริง ๆ” ลู่อี้เอ่ย “แต่ข้าร้อนใจอยากรู้สาเหตุการตายที่แท้จริงของพ่อแม่ข้ามากกว่า”
“แล้วแต่ท่านเถิด”
โจวฟู่กุ้ยถูกขังอยู่หลายวัน เขาผอมลงไปไม่น้อย ทั้งยังดูโทรมลงไปมาก โชคดีที่ตอนนี้เป็นฤดูหนาว หากเป็นฤดูร้อน ร่างกายของเขาคงเหม็นโฉ่ไปแล้ว
ทว่าฤดูหนาวก็มีความโหดร้ายของมัน กลางคืนหนาวแทบแข็งตาย
โจวฟู่กุ้ยเพียงแค่ต้องการออกไปจากสถานที่ผีสางนี้โดยเร็ว ไม่ว่าจะขอให้เขาทำสิ่งใดล้วนได้ทั้งสิ้น ขอเพียงได้ออกไปจากที่แห่งนี้ก็พอ
“ใต้เท้าลู่…” โจวฟู่กุ้ยเห็นลู่อี้เดินมาจึงเอ่ยถาม “นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร ข้าเป็นเพียงพ่อค้าซื่อสัตย์สุจริตผู้หนึ่ง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทำเรื่องผิดกฎหมาย”
“ไม่ได้ทำเรื่องใดผิดกฎหมายงั้นหรือ?” ลู่อี้เอ่ยเสียงเรียบ “ท่านก็ตรวจสอบตัวตนของข้าแล้ว บิดามารดาของข้าเป็นผู้ใด ตายตกไปได้อย่างไร เถ้าแก่โจวอยากจะอธิบายให้ข้าฟังสักหน่อยหรือไม่?”
“ใต้เท้าลู่ ท่านเข้าใจอะไรผิดหรือไม่?” โจวฟู่กุ้ยกล่าว “ตอนนั้นบิดามารดาของท่านตกลงทำการค้าร่วมกันกับข้า ความสัมพันธ์ของเราออกจะดี”
ลู่อี้คาดเดาได้แล้วว่าโจวฟู่กุ้ยย่อมไม่เอ่ยปากออกมาง่ายดายเพียงนั้น ใบหน้าของเขาจึงไม่ปรากฏอารมณ์ใด ๆ
สีหน้าเช่นนี้ของเขากลับทำให้โจวฟู่กุ้ยกระวนกระวายยิ่งกว่าเดิม
“ใต้เท้า สิ่งที่ข้ากล่าวล้วนเป็นความจริง”
“ดูเหมือนว่าท่านจะยังไม่กระจ่าง เช่นนั้นลองคิดดูอีกครั้ง หากท่านคิดออกแล้ว ข้าค่อยมาคุยรายละเอียดกับท่าน” ลู่อี้หมุนกายเดินจากไป
หลังออกจากที่คุมขังแล้ว ลู่อี้จึงไปยังห้องตำรา
“เหวินซง หลังจากภัยพิบัติหิมะย่อมมีภัยธรรมชาติตามมา มองจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว ชีวิตของราษฎรปีหน้าคงไม่ง่ายดายนัก เจ้าคิดหรือยังว่าจะเอาชนะความยากลำบากอย่างไร?” ลู่อี้เอ่ยขึ้นนิ่ง ๆ
เวินเหวินซงเอ่ยว่า “พืชผลปีหน้าคงไม่ดีนัก ราษฎรอาจไม่ได้กินอะไร เกรงว่าแม้แต่ภาษีก็ไม่อาจเก็บได้ ข้าไม่มีความสามารถอย่างฮูหยินที่สามารถสร้างงานเพื่อชดเชยภาษีของพวกเขา ข้าคิดว่าคงทำได้เพียงเขียนหนังสือไปถึงเบื้องบน ดูว่าจะสามารถลดหรือละเว้นภาษีได้หรือไม่”
“หิมะตกหนักครั้งนี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นในเมืองฮู่เป่ย เมืองอื่น ๆ สามารถจ่ายภาษีได้ มีเพียงเมืองฮู่เป่ยที่จ่ายภาษีไม่ได้ เจ้าเป็นขุนนางที่จะมารับตำแหน่งใหม่ เช่นนี้ จะให้ขุนนางเบื้องบนเห็นความสำเร็จได้อย่างไร?”
“แต่เราไม่อาจเป็นข้าราชการสุนัข บังคับขู่เข็ญราษฎร” เวินเหวินซงปวดศีรษะตุบ ๆ ขึ้นมา “ท่านมีแผนการดี ๆ อะไรหรือไม่?”
“ในเมื่อฮูหยินสามารถทำเตียงเตาให้อุ่นได้ เช่นนั้นพวกเราก็สามารถทำให้พืชผลรอดพ้นฤดูหนาวได้ใช่หรือไม่?”
“นี่จะได้ผลหรือ?”
“ฮูหยินมีแนวคิดมากมาย ข้าจะกลับไปปรึกษากับนาง ได้ผลอย่างไรจะมาบอกเจ้า” ลู่อี้หาวออกมา “ข้าจะกลับไปพักผ่อนสักเดี๋ยว ไม่เช่นนั้นฮูหยินคงโกรธแน่แล้ว”
“เช่นนั้นโจวฟู่กุ้ย…”
“ปล่อยไว้เช่นนั้น ไม่ต้องสนใจเขา ควรส่งอาหารก็ส่งไป ทำเหมือนนักโทษคนอื่น ๆ” ลู่อี้เอ่ยอย่างเยือกเย็น “รอให้เขาจิตใจสงบลงแล้ว ข้าค่อยไปหาเขาอีกครั้ง”
ในเมื่อตรวจสอบออกมาแน่ชัดแล้วว่าการตายของบิดามารดาเขามีเงื่อนงำ ย่อมไม่อาจปล่อยให้โจวฟู่กุ้ยหลบซ่อนอีกต่อไป ในเมื่อไม่รู้จักทำตามสถานการณ์ เช่นนั้นเขาก็ไม่ติดใจหากต้องใช้วิธีอื่น
ลู่อี้กลับไปพักที่ห้อง
เวลานี้มู่ซืออวี่ที่เดิมทีเคยอยู่เป็นเพื่อนเขาก็ผล็อยหลับไปพร้อมกับเขาแล้ว