บทที่ 84 อย่าบ้าผู้ชาย
บทที่ 84 อย่าบ้าผู้ชาย
ยามราตรีใกล้มาเยือน ดวงจันทร์ค่อย ๆ ลอยเหนือท้องฟ้า
มู่ซืออวี่คันจมูกยุบยิบ สุดท้ายก็จามออกมา “ฮัดชิ้ว!”
“คิกคิก” เสียงหัวเราะดังเข้ามาในหูของนาง
มู่ซืออวี่ลืมตาขึ้นมาก็เห็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ นั่งยิ้มอยู่ข้างนาง “เจ้าเด็กน้อยคนนี้นี่”
“ท่านแม่สลบเหมือดเลยเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวอย่างฉุนเฉียว “ตอนนี้ก็มืดแล้ว ยังไม่ตื่นอีก”
มู่ซืออวี่กวาดตามองไปด้านนอก บรรยากาศโดยรอบปกคลุมไปด้วยความมืดมิดแล้ว
โชคดีที่ในห้องนอนมีแสงสลัวจากตะเกียงน้ำมันที่ถูกจุดบนตู้อันทรุดโทรม
มู่ซืออวี่ปวดศีรษะตุบ ๆ
“ข้าดื่มมากเกินไปรึถึงจำอะไรไม่ได้เลย?”
“ข้าเองก็ไม่รู้ อวิ๋นเอ๋อร์ออกไปเล่นกับเพื่อนตั้งแต่หัววัน ท่านพ่อเป็นคนคอยดูแลท่านแม่” ลู่จื่ออวิ๋นกะพริบตาพลางกล่าวอย่างไร้เดียงสา
“พ่อของเจ้า?” มู่ซืออวี่เลื่อนสายตาลง อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจด้วยความโล่งอกเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าของตนยังครบชุด
ค่อยยังชั่ว ยังบริสุทธิ์อยู่
จริงสิ! เจ้าของร่างเดิมเสียความบริสุทธิ์ไปนานแล้วนี่
นางยังคงคิดว่าตนเองเป็นหญิงสาววัยแรกแย้ม ใครจะคิดว่าต้องมาอยู่ในร่างของหญิงที่มีลูกแล้ว เสียดายความบริสุทธื์จริง ๆ
“ท่านแม่รู้สึกไม่ดีหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นสัมผัสได้ถึงอารมณ์เศร้าของมู่ซืออวี่
“เปล่าเลย” มู่ซืออวี่กล่าวพลางมัดผม นางไม่รู้จักวิธีทำผมตามแบบฉบับสตรีโบราณ จึงทำได้เพียงมัดเป็นมวย เพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้สึกประหลาดใจ นางจึงนำผ้ามาพันรอบศีรษะไว้ จนกระทั่งตอนนี้ก็ไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นพฤติกรรมแปลกประหลาดของนาง
คนโบราณช่างโง่เขลาเสียจริง
นางคิดในใจอย่างมีความสุข
“เย็นมากแล้ว เจ้าหิวหรือไม่? ข้าจะไปทำอาหารมาให้”
“ท่านพ่อทำทุกอย่างเสร็จแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “อันที่จริงนี่ไม่ใช่อาหารที่ทำยากอะไร ท่านพ่อเห็นผักเหลือเยอะก็เลยทำข้าวต้มผักป่า”
ขณะที่กำลังพูดคุยกัน แม่และลูกสาวก็เดินมาถึงโต๊ะอาหารแล้ว
ลู่ฉาวอวี่วางตะเกียบในมือลง
ลู่เซวียนหาวพลางเหลือบมองมู่ซืออวี่ “ถ้าไม่รู้ขีดจำกัดของตนก็ไม่ควรดื่ม พี่ชายของข้าถูกเจ้าข่วนหน้า จะให้เขาออกไปพบปะผู้คนได้อย่างไร?”
“ข้า?” มู่ซืออวี่ชี้ไปยังปลายจมูกของสามี “เป็นไปได้อย่างไร? ข้าดื่มเก่งยิ่งกว่าผู้ใด”
ลู่อี้เดินออกมาพร้อมถ้วยข้าวในมือ เมื่อได้ยินสิ่งที่นางกล่าวก็เงยหน้าขึ้นพลางจ้องมองมาอย่างเย็นชา เผยให้เห็น ‘บาดแผลที่เป็นหลักฐาน’ ได้ชัดเจน
มู่ซืออวี่ชะงักไปทันที
“นี่ฝีมือของข้าหรือ?”
นางชี้ไปยังไปจมูกอีกฝ่ายอย่างเขินอาย
“อืม”
“ขออภัย!” มู่ซืออวี่เอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “เจ็บหรือเปล่า?”
ลู่อี้เลิกคิ้ว เมื่อเห็นสายตาของอีกฝ่ายก็ตอบกลับไปว่า “เจ็บ”
มู่ซืออวี่ละอายใจมากกว่าเดิม
“ครั้งต่อไป หากข้าเมาก็อยู่ให้ห่างข้าเถอะ”
มู่ซืออวี่นั่งลงตรงข้ามลู่อี้ ทันใดนั้นนางพลันพบว่าเขาไม่เพียงมีรอยแผลบนจมูกเท่านั้น แต่ยังมีรอยข่วนที่คอด้วย
หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำด้วยความละอายใจ พยายามหลบเลี่ยงสายตาของเขาแทน
เกิดอะไรขึ้น?
นางทำอะไรลงไป?
เขามีรอยข่วนที่คอด้วย นางไม่ได้ดื่มเหล้าเมามายจนเสียสติใช่หรือไม่?
แม้นางจะยอมรับกับร่างนี้แล้ว แต่ก็ไม่เคยคิดจะสร้างปัญหาหรือข้องเกี่ยวกับเขาอีก นางวางแผนที่จะหาเงินเพื่อช่วยเหลือครอบครัว และปลดปล่อยตนเองให้เป็นอิสระ ส่วนเรื่องลูกก็ช่วยกันดูแลได้
นี่คือวิธีการหย่าร้างของคู่สามีภรรยาสมัยใหม่ไม่ใช่หรือ? แม้จะยุติบทบาทของสามีภรรยาก็ยังสามารถเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน จะได้ไม่ส่งผลต่อการเลี้ยงดูบุตรหลังจากที่หย่าร้าง
อย่างไรก็ตาม นางคงทำเช่นนี้ในยุคสมัยนี้ไม่ได้
ลู่อี้จ้องหญิงสาวที่นั่งหลบตาเขาอยู่ฝั่งตรงข้าม ชายหนุ่มรับรู้ได้ทันทีว่านางกำลังคิดบางสิ่งในใจ เจ้าตัวเดี๋ยวก็หน้าแดงก่ำ เดี๋ยวก็จ้องมาราวกับไม่พอใจ
เขาทำเพียงมองนาง ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป แต่ความคิดมากมายพรั่งพรูอยู่ในหัว
“ท่านแม่ ท่านพ่อคงเจ็บมาก ท่านจะไม่ทายาให้ท่านพ่อสักหน่อยหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวด้วยเสียงออดอ้อน
“แค่กแค่ก” มู่ซืออวี่สำลัก “ทายา? ข้าข่วนไม่กี่ครั้งถึงขั้นต้องทายาเชียวหรือ? พ่อของเจ้าไม่ได้บอบบางสักหน่อย”
“แต่ท่านพ่อมีแผลนะเจ้าคะ” ลู่จื่ออวิ๋นชี้ไปยังจมูกของลู่อี้ “ดูสิ ผิวบนจมูกหลุดลอกออกไปจนเป็นแผล แต่ท่านแม่กลับบอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่จำเป็นต้องทายา ท่านจะไม่ดูให้ดีสักหน่อยหรือ?”
ทันใดนั้น ภาพความทรงจำก็ปรากฏขึ้นในหัวมู่ซืออวี่ เป็นภาพที่นางโน้มตัวเข้าใกล้ใบหน้าของลู่อี้พลางเอ่ยว่า ‘หล่อเหลานะเนี่ย’
ไม่ไม่ไม่ นั่นต้องไม่ใช่นางแน่
นางไม่อยากยอมรับว่าตนทำอะไรน่าละอายเช่นนั้น
ในเวลานั้นนางนั่งอยู่บนตักของเขา ต้นขาแข็งแกร่งของเขานั้น นางสัมผัสได้ว่าสะสมพละกำลังไว้มากมาย
เหตุใดเขาจึงไม่ผลักนางออกไป?
หน้าอกของเขาก็แข็งแกร่ง สัมผัสแล้วอุ่นวาบไปทั้งกาย
“บ้าจริง!” มู่ซืออวี่ทึ้งผมตนเอง
สายตาหลายคู่จ้องมองนางด้วยความประหลาดใจ
มู่ซืออวี่ทานอาหารต่อ แต่ความคิดเหล่านั้นก็ยังฉายชัดอยู่ในหัว หลังจากกินข้าวต้มผักป่าไปเพียงไม่กี่คำ นางก็ยืนขึ้นพลางเอ่ยว่า “ข้าอิ่มแล้ว พวกเจ้ากินกันต่อไปเถอะ ข้าเวียนหัว ขอตัวกลับไปนอนก่อน”
“ท่านแม่นอนตลอดทั้งบ่ายแล้ว เหตุใดจึงยังจะไปนอนอีก ยังไม่สร่างเมาหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ยถามด้วยความห่วงใย
“อย่าสนใจนางเลย” ลู่ฉาวอวี่กล่าวอย่างใจเย็น “คนประหลาดเช่นนั้น ใครจะรู้ได้ว่าคิดอะไรอยู่?”
ลู่เซวียนแตะแขนลู่อี้ “อยากไปดูสักหน่อยหรือไม่? ถ้านางอาละวาดอีกครั้ง ชีวิตเรากลับมาเหมือนเดิมแน่ ข้าไม่อยากให้นางเป็นเช่นนั้นอีกแล้ว”
“ข้าจะไปดูนางเอง” ลู่อี้วางตะเกียบลง จากนั้นจึงเดินไปเคาะประตูห้องนอนของมู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ซ่อนตัวอยู่ในผ้าห่ม ความทรงจำในฐานะ ‘หญิงขี้เมา’ วนเวียนอยู่ในหัวนางไม่หยุด และเพราะกำลังฟุ้งซ่าน นางจึงไม่ได้ยินเสียงเคาะหรือเปิดประตู
นางไม่เคยเมามายมาก่อน ไม่คิดว่าตนจะเป็นเช่นนี้เมื่อได้ดื่มน้ำเมา ชายผู้นั้นคงไม่คิดว่านางยั่วยวนเขาใช่หรือไม่? สายตาที่เขาจ้องมองมาดูต่างออกไปอย่างไรชอบกล
ฟึ่บ! นางดึงผ้าห่มมาคลุมศีรษะ
ลู่อี้เดินเข้ามาพลางจ้องมองนางอย่างเฉยเมย “เป็นอะไรไป?”
มู่ซืออวี่กำลังไตร่ตรองถึงพฤติกรรมของตน นางไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้กับผู้ใดมาก่อน หญิงสาวมักใบหน้าแดงก่ำทุกครั้งเมื่อจ้องมองลู่อี้ นางยังจำความรู้สึกที่ได้นั่งบนตักของเขาเป็นอย่างดี จำแววตาที่เต็มไปด้วยความลำบากใจของเขาได้แม่นเช่นกัน
“ข้าไม่ได้เป็นอะไร ข้าแค่ต้องการพักผ่อน”
ลู่อี้ขมวดคิ้ว เอื้อมมือแตะหน้าผากมู่ซืออวี่
เมื่อฝ่ามือสัมผัสใบหน้า ผิวหนังอันหยาบกร้านของเขาทำให้นางรู้สึกเจ็บราวกับถูกหนามทิ่ม แต่ก็อบอุ่นใจได้อย่างน่าประหลาด
“เจ้าตัวร้อน ไม่สบายหรือ?”
ลู่อี้ห่วงใยมู่ซืออวี่จากใจจริง
มู่ซืออวี่สัมผัสได้ในทันที นางรู้สึกได้ว่าชายผู้นี้อ่อนโยนกว่าที่คิด
นางรู้ดีว่าเขาห่วงใยลูกและน้องชายยิ่งกว่าผู้ใด เพียงแต่ไม่ได้แสดงออก และตอนนี้เขาเป็นห่วงนาง แสดงว่า… เขาไม่ถือโทษหรือเกลียดชังนางแล้วใช่หรือไม่?
“หนาวหรือไม่?”
เมื่อเห็นว่ามู่ซืออวี่ไม่ตอบคำถาม ทั้งยังเผยสีหน้าสับสน เขาก็เข้าใจว่าตนเดาถูก
“ข้าจะไปตามท่านหมอจูมาเดี๋ยวนี้”
“อย่านะ” มู่ซืออวี่คว้าฝ่ามือของลู่อี้
ทันทีที่มือทั้งสองประสานกัน ความรู้สึกปั่นป่วนใจก็เกิดขึ้น ต่างคนต่างตัวสั่นสะท้านไปด้วยความตื่นเต้น
จากนั้นพวกเขาก็ชักมือกลับด้วยความตื่นตระหนก
“ข้าไม่ได้ป่วย แค่ดื่มเหล้ามากเกินไป ยังไม่สร่างเมาเท่าไหร่น่ะ ปล่อยข้าอยู่คนเดียวเถอะ”
“อืม งั้นข้าไปก่อน รีบเข้านอนพักผ่อนเถอะ”
มู่ซืออวี่จ้องมองแผ่นหลังของลู่อี้ที่กำลังเดินจากไป ก่อนจะเอนกายลงบนเตียงอีกครั้งแล้วบ่นพึมพำ
“อย่ามางี่เง่าน่า คนอย่างเขาจะได้เป็นใหญ่ อีกหน่อยก็มีเมีย มีนางบำเรอมากมาย เจ้าอยากเป็นหนึ่งในนั้นหรือ? หรือเจ้ามองว่าดี ฮึ?”