สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย – บทที่ 85 ไร้ยางอาย

บทที่ 85 ไร้ยางอาย

บทที่ 85 ไร้ยางอาย

เมื่อตื่นมาอีกครั้ง มู่ซืออวี่ก็กลับมามีเรี่ยวแรง รู้สึกสบายไปทั้งตัว

นางยืดตัวมองดูนกที่เดินไปมาบนกิ่งไม้ รู้สึกได้ว่าแม้สถานที่แห่งนี้จะแห้งแล้งแต่ก็ยังงดงาม

“อรุณสวัสดิ์!” มู่ซืออวี่ทักทายลู่ฉาวอวี่ขณะกำลังเดินออกมา

ลู่ฉาวอวี่ถือหนังสือในมือพลางกล่าวอย่างใจเย็น “ท่านพ่อเข้าไปในเมืองแล้ว”

“เขาเข้าไปทำอะไรในเมือง?” มู่ซืออวี่ทำงานอย่างหนักมาตลอดหลายวัน ตอนนี้พอจะสู้หน้าลู่อี้ได้แล้ว

การดื่มในครั้งนี้ทำให้ทุกอย่างผิดพลาดไป หลังจากนี้นางจะไม่ดื่มอีก

“ข้าไม่รู้” หลังจากกล่าวจบ ลู่ฉาวอวี่ก็เข้าไปหาที่นั่งเพื่ออ่านหนังสือ

“ท่านแม่ เช้าแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งมาจากด้านใน

“ระวังหน่อยสิ” มู่ซืออวี่คุกเข่าลงพลางคว้าตัวอีกฝ่ายไว้ “ข้าเห็นว่าเจ้ากำลังหลับสบายก็เลยไม่ได้ปลุกให้ตื่น”

“พอเห็นว่าท่านแม่เดินออกมา ข้าก็ไม่อยากนอนต่อแล้วเจ้าค่ะ” ลู่จื่ออวิ๋นลูบท้องของตน “ข้าหิวมาก ท่านแม่ วันนี้ท่านทำอะไรให้เรากินหรือ?”

“ไข่ม้วน ไข่ม้วนพร้อมด้วยผักแสนอร่อย น้ำจิ้มข้าก็ยังปรุงเองกับมือ รสเลิศเชียวล่ะ”

“ข้าต้องก่อไฟก่อน”

มู่ซืออวี่เอ่ยถามลูก ๆ ของนาง “วันนี้ข้าตื่นสาย มีคนขายเนื้อมาส่งเครื่องในหมู ตีนไก่และตีนเป็ดหรือไม่?”

“มี” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ตอนนั้นท่านพ่อยังไม่ได้เข้าไปในเมือง เขาจ่ายเงินไว้ให้ก่อนแล้วขอติดเกวียนวัวเข้าไปในเมือง”

“เราหาเงินได้เมื่อไหร่ เราจะซื้อเกวียนวัวด้วย” ถ้ารถม้าใช้งานไม่ได้ชั่วคราว ก็ต้องใช้เกวียนวัว แม้จะช้าแต่ก็ยังสามารถทำการขนส่งได้เช่นเดียวกัน

เกวียนและเกวียนวัวเป็นพาหนะที่เทียบได้กับรถยนต์ในสมัยปัจจุบัน เกวียนราคาถูก แต่เกวียนวัวราคาแพงหูฉี่

“จริงหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าวอย่างมีความสุข “เรากำลังจะมีเกวียนวัวงั้นหรือ?”

“ในไม่ช้าก็เร็วนี่แหละ” มู่ซืออวี่กล่าวด้วยความมั่นใจ “ข้าขอสัญญาว่าจะซื้อเกวียนวัวให้ได้ภายในหนึ่งปี จะได้พาอวิ๋นเอ๋อร์ไปนั่งเล่นชมวิว”

ลู่ฉาวอวี่จ้องมองหนังสือ ไม่เปล่งเสียงแม้แต่ประโยคเดียว

ทว่าหูของเขาได้ยินบทสนทนาระหว่างแม่และลูกสาว ทุกอย่างดูมีชีวิตชีวาอย่างยิ่ง วาจาของทั้งสองอ่อนหวานราวกับน้ำผึ้งป่า ผู้เป็นแม่กล่าวราวกับมีหนทางอันสดใสอยู่ข้างหน้า ความหวังริบหรี่จึงเริ่มสว่างชัดเจนขึ้น

แสงแดดสาดส่องลงมาบนร่าง อบอุ่นพอ ๆ กับในหัวใจของเขาในตอนนี้

เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า ทั่วท้องฟ้าช่างสว่างสดใสงดงามเหลือเกิน

ขณะที่กำลังทำแป้งทอด เสียงของบุคคลผู้หนึ่งพลันดังขึ้น

“มาแล้ว มาแล้ว” มู่ซืออวี่โผล่ศีรษะออกมาจากห้องครัว “ฉาวอวี่ ไปเปิดประตูหน่อย”

ลู่ฉาวอวี่กำลังจะเดินไป แต่เมื่อได้ยินคำสั่งของผู้เป็นแม่จึงหันเหลือบมองนาง “ข้าไม่ได้หูหนวก”

“ไม่น่ารักเอาเสียเลย” มู่ซืออวี่พึมพำ “เป็นเด็กเป็นเล็ก ใช้วาจาสามหาวถึงเพียงนี้ หากไม่ใช่เพราะเป็นลูกข้าละก็ คงจะโดนฆ่าเฆี่ยนตีทั้งวี่ทั้งวัน”

“ผู้ใดจะตีท่านพี่หรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นถามด้วยความไม่เข้าใจ

“ข้าน่ะสิ! ดูสิว่าเค้าใช้วาจาหยาบคายเพียงใด หากไม่ใช่เพราะรักและเอ็นดูใบหน้าอันงดงามของเขา ข้าคงตีเขาไปนานแล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว

“ท่านพี่หน้าตางดงามเพราะได้มาจากท่านพ่อหรือเปล่านะ ทุกคนต่างบอกว่าพี่ชายของข้าคล้ายท่านพ่อ” ลู่จื่ออวิ๋นหัวเราะคิกคัก

“หนูน้อย เจ้าก็ดูเหมือนพี่ชายมาก เหมือนพ่อด้วย” มู่ซืออวี่วางสิ่งที่ทำอยู่ลง “ข้าจะออกไปดูสักหน่อย เจ้าเตรียมผักกับไข่ไว้ให้ข้าที”

ลานบ้านของตระกูลลู่มีขนาดใหญ่ ทว่าตอนนี้กลับเต็มไปด้วยรถม้า

ลู่ฉาวอวี่ปิดประตู กั้นสายตาที่จับจ้องมาพร้อมเสียงซุบซิบ

“พี่เฟิงเจิง วันนี้มาช้ากว่าที่เคยนะ”

หมูตุ๋นที่ปรุงไว้ในหม้อส่งกลิ่นหอมโชยออกมาทั่วบริเวณ

“วันนี้ข้ามีธุระระหว่างทางน่ะ ก็เลยช้าไปสักหน่อย” เฟิงเจิงกล่าวพร้อมรอยยิ้มกว้าง “โชคดีที่ยังพอมีเวลาแวะเวียนมาหาเจ้า ไม่เช่นนั้นเจ้าของร้านอาจอาละวาดข้าได้ จริงสิ ลู่อี้ยังไม่กลับมาหรือ?”

“กลับมาแล้ว ตอนนี้เขาเข้าไปในเมือง”

“เสียดายจริงเชียว ข้าว่าจะทักทายลู่อี้สักหน่อย” เฟิงเจิงกล่าวด้วยความผิดหวัง

“ท่านประทับใจเขามากสินะ”

“พี่ลู่อี้ช่วยเหลือข้ามาหลายครา หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าคงถูกโจรร้ายสังหารไปนานแล้ว” เฟิงเจิงหวนนึกถึงอดีตด้วยความหวาดกลัว “เอาเถิด พี่สะใภ้อวี่ เถ้าแก่ฝากมาบอกว่าอาจจะลดปริมาณหมูตุ๋นลง”

“เกิดอะไรขึ้น? กิจการไม่ค่อยดีหรือ?” มู่ซืออวี่ถาม

“ใช่ มีร้านแห่งหนึ่งทำหมูตุ๋นขายเช่นเดียวกับเรา ตอนที่เราซื้อมาชิมก็พบว่า แม้รสชาติจะไม่อร่อยนักแต่ราคาถูก แถมกลยุทธ์ทางการขายของพวกเขาก็ยังซื้อใจลูกค้าได้มากมาย” เฟิงเจิงกล่าวด้วยความไม่พอใจ

“ตกลง เช่นนั้นวันนี้ก็รับเอาไปเพียงเล็กน้อยเถอะ ข้าจะช่วยคิดหาวิธีอีกทาง” มู่ซืออวี่กล่าว “ทั้งหมดรวมเป็น 230 อีแปะ”

เมื่อเฟิงเจิงจากไป มู่ซืออวี่ก็ลงมือทำงานไม้ต่อ คราวนี้มีกล่องมากมายที่ต้องประดิษฐ์ อาจใช้เวลาราวห้าวันในการลงมือทำ แต่เมื่อประดิษฐ์จนเสร็จสิ้น งานใหม่เหล่านี้จะงดงามและมีราคามาก สามารถถือเป็นสินทรัพย์ขนาดเล็กได้

“แม่ฉาวอวี่” เสียงตะโกนของเฉินซื่อดังขึ้นจากด้านนอก

ลู่ฉาวอวี่เดินมาเปิดประตู

เมื่อเฉินซื่อเห็นลู่ฉาวอวี่ก็พลันเอ่ยถาม “แม่ของเจ้าเล่า?”

“ข้าอยู่นี่” มู่ซืออวี่ปรากฏตัวขึ้น “พี่เฉิน ข้ากำลังทำความสะอาดบ้าน ท่านมีอะไรหรือ?”

วันนี้มีหมูตุ๋นเหลืออยู่มาก นางจึงวางแผนที่จะผัดกับส่วนผสมบางอย่างให้หอมกรุ่น

“รีบไปดูแม่ของเจ้าเถิด แม่เฒ่าเจียงโยนชีวิตของพ่อเจ้ามาให้แม่เจ้า หานเอ๋อร์ไม่อยู่บ้าน แม่ของเจ้าอาจถูกรังแกได้”

“ตายจริง เขาไม่ได้จากไปเพราะท่านแม่ไม่ยอมคืนดีแล้วหรอกหรือ? เขาพยายามทำอะไรอยู่?”

มู่ซืออวี่เช็ดมือแล้วรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว เฉินซื่อก็วิ่งตามไปเช่นเดียวกัน

ลู่ฉาวอวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันมองลู่จื่ออวิ๋น “เจ้ารออยู่ที่บ้าน ข้าจะไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น”

“ข้าอยากไปด้วย” ลู่จื่ออวิ๋นเอื้อมมือดึงชายเสื้อของลู่ฉาวอวี่ เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องนำน้องสาวมาด้วย

ตลอดเวลาที่ผ่านมา น้องสาวของเขามักติดตามหญิงผู้นั้น ทำให้เขาเองรู้สึกเคว้งอยู่บ้างที่เห็นว่าน้องสาวไม่ได้พึ่งพาเขาเหมือนเดิม แต่ก็รู้สึกสบายใจไม่น้อยเช่นเดียวกัน

ใบหน้าของมู่ต้าซานซูบซีดราวกับป่วยหนัก ดูแก่ขึ้นเป็นสิบปี

แม่เฒ่าเจียงผลักเขาจนโซเซ ล้มลงหน้ากระท่อมของถงซื่อ

ถงซื่อปิดประตูเพราะไม่อาจทนมองสิ่งที่เกิดขึ้นได้ นางไม่ลืมในสิ่งที่ลูกชายเคยเอ่ย นางต้องเลือกระหว่างลูกและอดีตสามี แน่นอนว่านางย่อมเลือกลูกชาย เพราะท้ายที่สุดแล้วมีเพียงลูกชายที่คอยปกป้องและดูแลในยามลำบาก ไม่เคยทอดทิ้งนางไปไหนสักครั้ง

“เขาหย่าร้างกับข้าไปนานแล้ว เราทั้งสองไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน อย่าให้เขามาที่บ้านข้าอีก” ถงซื่อรวบรวมความกล้าแล้วเอ่ยออกไป

“หย่าร้างแล้วอย่างไร? เขาไม่ใช่สามีของเจ้าอีกต่อไปอย่างนั้นหรือ? มู่เจิ้งหานก็ไม่ใช่ทายาททางสายเลือดของเขาแล้วอย่างนั้นหรือ? ตอนนี้เขาป่วยหนัก พวกเจ้าก็ต้องดูแล หากเจ้าไม่คิดจะดูแลเขา งั้นก็ปล่อยให้ตายอยู่หน้าบ้านเจ้านี่แหละ”

ครั้นแม่เฒ่าเจียงเอ่ยวาจาไม่สมควรออกมา พวกชาวบ้านต่างอคติกับนางทันที

“เช่นนั้นก็ปล่อยให้ตาย!” มู่ซืออวี่แหวกฝูงชนเดินเข้ามา “ท่านแม่ อย่าสนใจชีวิตเขา เหตุใดท่านต้องสนใจผู้ที่ไม่ใช่หนึ่งในครอบครัวของเราด้วย ท่านแม่ เข้าไปในบ้านดีกว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวข้องกับเรา”

“สารเลวนัก นี่พ่อของเจ้า แต่เจ้าไม่สนใจไยดีเขาอย่างนั้นหรือ?” แม่เฒ่าเจียงกล่าว

“เขาคือเลือดเนื้อเชื้อไขของท่าน แล้วเหตุใดท่านไม่ดูแลเองล่ะ? เขาป่วยหนัก แล้วเหตุใดถึงต้องพามานี่ ไม่รู้จักทางไปโรงหมอหรือ?” มู่ซืออวี่ขมวดคิ้ว “ท่านพาเขามานี่เพราะไม่อยากจ่ายเงินค่าหมอน่ะสิ”

แผนการในหัวของแม่เฒ่าเจียงถูกเปิดเผย แววตาหญิงชราเหลือเพียงความสับสนและไม่สบายใจ

หึ! ใช่แล้ว แท้จริงแล้วนางแค่ไม่อยากจ่ายเงิน

ถงซื่อใจอ่อน เมตตามาโดยตลอด เคยเป็นลูกสะใภ้ที่เชื่อฟัง แม่เฒ่าเจียงจึงถูลู่ถูกังลูกชายมาที่นี่ ทว่านางไม่คิดว่าทุกสิ่งจะผิดแผน ไม่คิดว่าจะมีผู้คนมากมายล้อมรอบ อีกทั้งยังถูกมู่ซืออวี่จับได้และดุด่าเช่นนี้

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย

สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย
Status: Ongoing
อ่านนิยายสาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้ายเรื่องย่อ: 'มู่ซืออวี่ทะลุมิติมาเลี้ยงลูกตัวร้ายแบบนี้ เห็นทีจะต้องร้ายตามบทถึงจะมีชีวิตรอด แต่ลูกชายคนโตของนางกลับจับผิดได้ตั้งแต่วันแรก หากไม่อยู่ในบทเดิม เกรงว่าผู้คนจะคิดว่าวิญญาณสิงสู่ ชีวิตน้อยๆ ก็อาจจะรักษาเอาไว้ไม่ได้ มู่ซืออวี่จึงต้องเริ่มภารกิจแกล้งร้ายให้ครอบครัวตัวร้ายตายใจ จะว่าไป ลูกน้อยของนางก็ช่างน่ารักเสียนี่กระไร ใครจะไปใจร้ายใส่เด็กสองคนนี้ลง มู่ซืออวี่ตัดสินใจแล้วว่า ใครที่กล้าแกล้งวายร้ายตัวน้อยของนาง จะต้องโดนสั่งสอนเสียให้เข็ด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset