สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 1544 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1384

เขาลูบหลังมือเธอ และพูดอย่างอ่อนโยน:“วางใจเถอะ ผมจะจัดการให้ดีเอง”
ช่วงบ่าย
หลังจากติงยียีเลิกงานจากกองถ่ายก็วิ่งกลับมาที่ตระกูลติงอย่างมีความสุข หน้าบ้านของตระกูลติงมีรถขนของจอดอยู่คันนึง บริษัทขนของกำลังขนเฟอร์นิเจอร์จากในบ้านออกมาอย่างไม่ขาดสาย
ชิวไป๋ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าไม่ค่อยเป็นธรรมชาติเลย เย่ป๋อเดินออกมาจากในบ้าน หลังจากเห็นติงยียีแล้วได้พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นถึงเคลื่อนย้ายสายตาไปที่บนตัวชิวไป๋
ติงยียีดึงชิวไป๋ไปข้างๆแล้วถามเสียงเบา“พวกเธอเป็นอะไรไป?”
“เป็นอะไรยังไง?”ชิวไป๋มองซ้ายมองขวาแล้วพูดเรื่องอื่น แววตาของเธอเหม่อลอย ติงยียีไม่ปล่อยยอมเธอไปหรอก ได้พูดอย่างตรงไปตรงมา:“หลายวันนี้มานี้เธอหลบหน้าเย่ป๋อตลอด ไหนบอกมาซิว่ามันยังไงกันแน่ ไม่งั้นฉันจะไปถามเขาแล้วนะ”
เธอทำท่าเหมือนจะไป ชิวไป๋รีบดึงตัวเธอไว้“อย่า!”มองสีหน้าแววตาเจ้าเล่ห์ของติงยียี เธอถอนหายใจและได้พูดต่อ:“เขามาบอกรักฉัน”
“นี่ก็ดีแล้วไม่ใช่หรอ?เธอชอบเขา เขาก็ชอบเธอ”ติงยียีนึกถึงเย่เนี่ยนโม่แล้วในใจหวานชื่น
ชิวไป๋ส่ายหัว“เราไม่มีทางอยู่ด้วยกัน”แววตาของเธอมีความเศร้าและความเด็ดขาดเผยอยู่ ทำให้คนอดเสียใจเพราะเธอไม่ได้
ติงยียีอยากเกลี้ยกล่อม แต่เธอได้รีบหยุดประเด็นนี้“ดู คุณลุงมาแล้ว ฉันไปประคองคุณลุงขึ้นรถก่อน”
มองดูร่างเงาของชิวไป๋วิ่งหนีไปอย่างเร่งรีบ ติงยียีได้แต่ถอนหายใจแล้ววิ่งตามไป
เพิ่งถึงบ้านใหม่ สาวใช้ทั้งหลายก็ได้เดินออกมาจากประตูและพูดพร้อมเพรียงกัน:“คุณหนู คุณท่าน”
ติงต้าเฉินตกใจหมดเลย เขาถือไม้เท้าไว้พร้อมพูดว่า:“นี่มันอะไรกัน?”
เย่ป๋อพูดด้วยรอยยิ้ม:“นี่เป็นคนที่ยืมตัวมาจากตระกูลเย่ชั่วคราว มาช่วยทำความสะอาดบ้านครับ”
สาวใช้คอยประคองติงต้าเฉินเข้าไปในบ้าน ส่วนติงยียีได้มองดูรอบๆ เวลานี้เย่ป๋อส่งเสียงออกมา“คุณชายไม่อยู่ที่นี่ครับ เขากำลังประชุมอยู่”
บอกไม่ถูกว่าในใจรู้สึกยังไง ติงยียีตอบด้วยเสียงเศร้า บริษัทขนย้ายของและเหล่าสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังกำลังทำงานกันอย่างฮึกเหิม เธอตบแก้มตัวเองเบาๆ บังคับให้ตัวเองมีความสุขขึ้นมา
ค่ำคืนที่บ้านใหม่
ผู้คนนั่งล้อมอยู่โต๊ะเดียวกัน อาหารบนโต๊ะอุดมสมบูรณ์มาก ติงต้าเฉินตั้งใจซื้อเบียร์มาลังนึงโดยเฉพาะ ทุกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะอาหารพูดคุยกันอย่างมีความสุข
ติงยียีหาข้ออ้างไปเข้าห้องน้ำแล้วชิ่งออกมา เธอลงมาชั้นล่าง จากนั้นได้เดินไปตามพื้นหินกรวดที่คดเคี้ยวของชุมชนอย่างช้าๆ

ทั้งสองข้างทางของถนนหินกรวดได้ปลูกเถาวัลย์ไว้ ได้ให้ความสวยงามอีกแบบกับฤดูหนาว แสงไฟรอบๆชุมชนมืดสลัว มีแค่เธอที่เดินอยู่เงียบๆคนเดียว
จู่ๆสายลมเย็นพัดมา เธอตัวสั่นและได้ดึงเสื้อขนแกะให้แน่นขึ้น ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าก้องมา เธอนึกแค่ว่ามีคนกำลังออกมาเดินเล่นเหมือนกับเธอ จึงได้หลีกไปข้างๆหน่อย
เสียงฝีเท้าได้หยุดลงในที่ๆห่างจากข้างหลังเธอหลายก้าว มีความรู้สึกคุ้นเคยโผล่ขึ้นมา เธอหันไปมอง จากนั้นได้มองคนที่คิดถึงทั้งวันทั้งคืนคนนั้นอย่างอึ้ง
เย่เนี่ยนโม่ยังใส่ชุดสูทอยู่ บนไหล่ไม่รู้มีหิมะตกใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่ สีขาวโพลนอยู่ใต้แสงจันทร์ดูสะดุดตาสุดๆ
ทั้งสองห่างกันแค่ก้าวเดียว เธอมองหน้าเขา เขาเองก็มองหน้าเธอ สายลมฤดูใบไม้ร่วงได้พัดพามาอีก ทำให้รูปร่างของเธอยิ่งเพรียวบางขึ้นไปอีก
เขาขมวดคิ้ว จากนั้นได้ถอดเสื้อคลุมออกแล้วก้าวมาข้างหน้า
เธอปล่อยให้เขาเคลื่อนไหว จู่ๆรู้สึกได้ว่าลำคอตัวเองเย็นเฉียบ เธอก้มหน้าเล็กน้อย นั่นคือสร้อยคอทรงหยดน้ำเส้นนึง เพชรที่มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่โป้งวิบวับอยู่ใต้แสงจันทร์ เธอลูบจับสร้อยคอ คอยสัมผัสสร้อยคอได้รับความอบอุ่นจากอุณหภูมิร่างกายเธอ
“ชอบมั้ยครับ?”เขาโน้มตัวลงมาเล็กน้อยพร้อมมองเธอด้วยสีหน้าแววตาอ่อนโยน ขนตาที่งอนยาวกระทบเป็นเงาที่ใบหน้าเขา
“อืม ชอบค่ะ”ติงยียีก้มหน้าจับสร้อยคอยที่ลำคอย ใบหน้ากระเพื่อมด้วยรอยยิ้มที่มีความสุข
จู่ๆเธอเงยหน้าขึ้น แล้วเขย่งขาไปจูบที่แก้มของเขาอย่างไวทีนึง
เย่เนี่ยนโม่อึ้งไปครู่นึง จากนั้นมุมปากได้เผยรอยยิ้มออกมา เขาเข้าใกล้เธออย่างช้าๆ เธอหลับตาลงและรอความสุขคืบคลานเข้ามาหา
จู่ๆเสียงมือถือได้ดังขึ้นในเวลานี้ ติงยียีลืมตาขึ้นมาอย่างเก้อเขิน จากนั้นได้ถอยหลังไปหลายก้าวและแกล้งทำเป็นมองดูวิว
เย่เนี่ยนโม่มองเธอด้วยรอยยิ้ม ทีนี้ถึงรับสายขึ้นมา
“เนี่ยนโม่ ฉันรู้สึกไม่สบายท้องเลยค่ะ คุณมาดูฉันหน่อยได้มั้ยคะ?”เสียงของอ้าวเสว่เหมือนเสียงแมวน้อยยังไงอย่างงั้น เธอคอยอ้อนวอนอย่างน่าสงสาร
หัวใจของเย่เนี่ยนโม่หวั่นไหว ไม่ว่ายังไง เขามีหน้าที่ต้องรับผิดชอบต่อลูกในท้องของเธอ เขาถอนหายใจแล้วพูดว่า:“รู้แล้ว ผมจะไปเดี๋ยวนี้เลย”
ติงยียีคอยสังเกตความเคลื่อนไหวของเขา พอได้ยินเขาจะไป สายตาได้เศร้าหมองลงมาทันที ทั้งหมดนี้ เย่เนี่ยนโม่ล้วนเห็นอยู่ในสายตา แต่เขากลับจนปัญญา
 
ยังไม่รอให้เขาได้เปิดปากพูด ติงยียีก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาแล้ว“เรื่องงานอีกแล้วใช่มั้ยคะ คุณรีบไปเถอะค่ะ”

เขายืนนิ่งไม่ขยับ คอยมองเธออย่างเงียบๆ ติงยียีรู้สึกรอยยิ้มของตัวเองใกล้จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว เธอหันหลังอยากจะรีบจากไป
ไม่นาน แผ่นหลังของเธอมีร่างกายที่อบอุ่นปกคลุมมา เย่เนี่ยนโม่กอดเธอไว้พร้อมพูดเสียงทุ้มต่ำ:“ผมรักคุณ”
พอได้ยินคำนี้แล้วเธอแพ้ใจตัวเองมาก แก้มของเธอแดงเหมือนลูกแอ๊ปเปิ้ล แม้แต่ติ่งหูก็แดงไปด้วย
เธอออกจากอ้อมอกเขาแล้วถอยหลังไปหลายก้าว จู่ๆได้พึมพำเบาๆเสียงนึง“ฉันก็เหมือนกันค่ะ!”
เย่เนี่ยนโม่มองร่างเงาที่เธอวิ่งหนีอย่างเหม่อลอย ภาษาดอกไม้สะท้อนอยู่ในหูของเขา ในหัวมีแต่หน้าตาและรอยยิ้มของเธอ พอเขาดึงสติกลับมา แสงจันทร์ได้หลบเข้าไปในกลีบเมฆตั้งนานแล้ว รอบๆยิ่งหนาวเหน็บขึ้นมา พร้อมแฝงด้วยความเยือกเย็น หัวใจของเขาก็เย็นลงมาด้วย ผู้หญิงที่รักเขาขนาดนี้ เขาจะตอบแทนเธอยังไง?
อ้าวเสว่พิงอยู่บนโซฟา สาวใช้ที่โยกย้ายมาจากตระกูลเย่ยืนอยู่ข้างๆ คอยช่วยเธอปอกเปลือกองุ่น ประตูถูกเปิดออก เธอเดินไปหาอย่างมีความสุข“เนี่ยนโม่ ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว”
เย่เนี่ยนโม่มองหน้าเธอแล้วขมวดคิ้วเบาๆ“ไม่สบายตรงไหน ได้เรียกหมอมาหรือยัง?”
อ้าวเสว่เดินมาควงแขนของเขาอย่างอ่อนหวาน ซบอยู่ที่ไหล่ของเขาอย่างอ่อนโยนพร้อมเอ่ยว่า:“เมื่อกี๊อาเจียนตลอดเลยค่ะ แต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว คืนนี้คุณอยู่เป็นเพื่อนฉันนะคะ!”
สาวใช้ได้ถอยออกไปอย่างเงียบๆแล้ว เย่เนี่ยนโม่ขัดขืนออกจากมือของเธอด้วยสีหน้าบึ้งตึง เขาจับแขนของเธอไว้ มือหนักจนทำให้เธอที่สวมใส่เสื้อนวมยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่กล้ามเนื้อส่งมา
“อ้าวเสว่”เขาดึงเธอเข้ามาใกล้ น้ำเสียงไม่มีเยื่อใยใดๆเลยสักนิด“คลอดลูกคนนี้ออกมาดีๆ อย่ามาเล่นตุกติกกับผม”
“เนี่ยนโม่ ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะคะ?”อ้าวเสว่มองเขาอย่างตื่นตระหนกสับสน สีหน้าแววตาเริ่มกล้ำกลืนขึ้นมา น้ำตาเม็ดใหญ่เท่าถั่วคลออยู่ในเบ้าตา
เย่เนี่ยนโม่มองน้ำตาของเธอกลับไม่แยแสเลย เขาพูดอย่างเรียบเฉย:“จำเอาไว้ ดูแลรักษาร่างกายให้ดีๆ อย่าไปหาคนที่คุณไม่ควรหา”
อ้าวเสว่หัวเราะอย่างเศร้ารันทด ที่แท้วันนี้เขามาหาตัวเองก็เพื่อจะมาเตือนตัวเองว่าอย่าไปหาเรื่องติงยียีสินะ เจ็บปวดจนหายใจไม่ออก เธอพยักหน้าเบาๆและพูดอย่างเชื่อฟัง:“ฉันรู้แล้วค่ะ”
เย่เนี่ยนโม่บอกให้สาวใช้ดูแลเธอดีๆก็ได้จากไปเลย อ้าวเสว่ยืนอยู่เงียบๆ คอยฟังเสียงรถยนต์ข้างนอกจากไป จู่ๆได้เขวี้ยงจานผลไม้บนโต๊ะไปที่พื้นจนหมดอย่างบ้าคลั่ง

“ก๊อกๆๆ”ด้านนอกมีเสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง เธออึ้งไปครู่นึง ในหัวมีใบหน้าของเย่เนี่ยนโม่โผล่ขึ้นมา เขากลับมาแน่เลย เขากลับมาขอโทษตัวเองใช่มั้ย?
เธอวิ่งเท้าเปล่าไปเปิดประตูให้ เสี้ยววินาทีที่ประตูถูกเปิดออกรอยยิ้มของเธอได้แข็งทื่อขึ้นมา
เดิมทีคืนนี้เหยนหมิงเย้าไม่คิดจะเข้ามา แต่หลังจากที่ได้ยินในห้องมีเสียงจานแตกก็เลยเป็นห่วงมาก นี่ถึงได้มาเคาะประตู
“คุณไม่เป็นไรใช่มั้ย”เหยนหมิงเย้ามองเศษจานบนพื้นในห้องรับแขก น้ำเสียงที่พูดจาก็ทุ้มต่ำลงมาด้วย“เย่เนี่ยนโม่รังแกคุณเหรอ?”
อ้าวเสว่หน้าบึ้งไว้ อยากจะปิดประตู “ไม่เกี่ยวกับคุณ”กำลังอยากจะปิดประตู ทันใดนั้นเธอรู้สึกผะอืดผะอมอยากจะอาเจียน เธอรีบเอามือปิดปากวิ่งไปที่ห้องน้ำ
อาเจียนอยู่ในห้องน้ำจนกรดในกระเพาะเกือบจะออกมา เธอล้างหน้าเสร็จถึงเดินออกมา เหยนหมิงเย้านั่งอยู่ในห้องรับแขกเงียบๆ ในมือถือกระดาษไว้ใบนึง
อ้าวเสว่ก้าวไปคว้าผลตรวจของโรงพยาบาลมา แล้วพูดด้วยสีหน้าเย็นชา:“ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ เชิญคุณออกไปซะ”
ใบหน้าของเหยนหมิงเย้ามีความปลื้มปริ่มที่เก็บอาการไว้ไม่อยู่ เขาก้าวมาข้างหน้ากะทันหัน มือสองข้างจับแขนของอ้าวเสว่ไว้ น้ำเสียงตื่นเต้น“นี่เป็นลูกของผมใช่มั้ย!”
อ้าวเสว่สีหน้าห้อยลงมา เธอขัดขืนสุดฤทธิ์ เหยนหมิงเย้ากลัวเธอจะได้รีบบาดเจ็บจึงได้รีบปล่อยมือ“คุณอย่าใจร้อน ผมปล่อยมือ”
อ้าวเสว่หายใจหอบ พยายามควบคุมกรดที่อยากจะพุ่งออกมาจากลำคอ เธอพูดอย่างโหด:“เด็กคนนี้เป็นลูกของเย่เนี่ยนโม่ คุณตายใจเถอะ ไม่นานฉันก็จะย้ายเข่าไปที่ตระกูลเย่แล้ว”
ของเย่เนี่ยนโม่?
เขาถอยหลังไปหลายก้าว สายตาจ้องท้องของเธอไว้ แววตาคู่นั้นเหมือนจะมองท้องของเธอให้ทะลุ
อ้าวเสว่กุมท้องตัวเองไว้พร้อมถอยหลังไปหลายก้าว และมองเขาอย่างระมัดระวัง“ใช่ เป็นลูกของเนี่ยนโม่ รบกวนคุณอย่ามาหาฉันอีกเลย”
ผ่านไปตั้งนาน เหยนหมิงเย้าพยักหน้าอย่างเย็นชา เขาล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ครู่นึง จากนั้นได้ล้วงกล่องออกมาใบหนึ่งแล้วเปิดออก นั่นเป็นแหวนที่เคยขออ้าวเสว่แต่งงาน
“ผมนึกว่าขอแค่ผมยืนหยัด ก็จะมีตอนจบที่สวยงาม ที่แท้ผมคิดผิดไปแล้ว”เขายิ้มอย่างเรียบเฉยและค่อยๆเดินมาที่ตรงหน้าเธอ
อ้าวเสว่ถอยจนไม่มีที่จะถอย ได้แต่มองเขาอย่างระมัดระวัง หัวใจเขาเจ็บแปล๊บๆ ยื่นมือออกมาแบมือของเธอออกอย่างช้าๆ จากนั้นได้เอากล่องวางอยู่ที่ฝ่ามือเธออย่างเอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้
“รับปากผม ต้องมีความสุขนะ”เขาพูดอย่างเรียบเฉย แววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ไม่รอให้อ้าวเสว่ได้ตอบ เขาก็ได้หันหลังจากไปอย่างไวแล้ว
นอกบ้าน รถคันนึงได้จอดชิดอยู่ข้างทางเงียบๆ สวีเห้าเซิงขมวดคิ้วมองเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ อ้าวเสว่กับผู้ชายคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกันแน่?ความคิดนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเขาไม่ยอมจางหายไปสักที
หลายวันนี้ ตอนที่ติงยียีทำงานมีแรงฮึกเหิมสุดๆ ใช้คำพูดของชิวไป๋มาพูดคือเหมือนฉีดเลือดไก่มาเลย
นั่งอยู่ที่กองถ่าย จู่ๆชิวไป๋ได้ยื่นการ์ดเชิญลวดลายสีขาวมาใบนึง รอยยิ้มบนใบหน้ายากที่จะปกปิด“เธอลองดูสิ?”
ติงยียีแกะซองจดหมายอย่างประหลาดใจ ในซองจดหมายมีภาษาอังกฤษอยู่แค่สั้นๆไม่กี่คำ แต่เธอกลับจ้องดูอยู่นานมาก สักพักเธอถึงเงยหน้าขึ้นมา สีหน้าค่อนข้างเหลือเชื่อ“ชิวไป๋ ภาษาอังกฤษฉันไม่เก่ง ความหมายที่ในนี้พูดกับที่ฉันคิดเหมือนกันมั้ย?”

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset