สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน – ตอนที่ 483 สาวใช้ตัวแสบ 387

ตอนที่ 483 สาวใช้ตัวแสบ 387
ในตอนนั้นพี่สาวแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเธอมาก เธอยังเคยบอกไว้ว่า ของเพียงเป็นสิ่งที่เสี่ยวหนงชอบ ไม่ว่าจะเป็นอะไร เพียงแค่เธอขอ เธอก็จะเอาให้
พี่สาวที่รัก ตอนนี้ฉันชอบผู้ชายของคุณ ยิ่งเขาดีกับคุณมากเท่าไหร่ ฉันก็ยิ่งชอบ คุณยังจะยกเขาให้ฉันอยู่ไหม?
ฉันรู้ว่าพี่ไม่มีทางยกให้ ที่ผ่านมาคุณเอาแต่เป็นคนใสซื่อที่เจ้าเล่ห์ ถึงคุณจะไม่ยกให้ก็ไม่เป็นไร ฉันจะหาวิธีแย่งมาเอง
ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้ เมื่อเธอออกมาจากโรงพยาบาลก็เขาไปอาศัยที่วิลล่าของตระกูลเย่ ในตอนแรกเธอดีใจมากจริงๆ คิดว่าต่อจากนี้ไปเธอก็จะมีโอกาสเข้าหาเย่เชินหลินได้นับไม่ถ้วนแล้ว ใครจะไปคิดว่า หลังจากที่เธอเข้าไปอยู่แล้ว ก็ไม่เคยเจอเขาอีกเลย
เมื่อพี่สาวเจอแม่แท้ๆ แล้ว ก็ย้ายเข้าไปอาศัยอยู่ที่ตระกูลหลี่เย่เชินหลินก็เอาแต่ไปมาหาสู่ระหว่างตระกูลหลี่และตระกูลเย่ สองที่ ไม่เคยกลับไปที่วิลล่าเลย
เธอโกรธมาก เกลียดมาก ต้องพยายามมากแค่กว่าจะได้เข้าไปอยู่ในตระกูลเย่ แต่กลับไม่มีโอกาสเลยสักนิด
ตอนนี้เป็นยังไงหละ เมื่อพี่สาวหมั้นเสร็จแล้วก็ไม่มีเหตุผลต้องอยู่ที่บ้านแม่อีกแล้ว เธอคงจะกลับไปอาศัยอยู่ที่วิลล่าอย่างถาวรแน่นอน เย่เชินหลินเองก็คงจะเหมือนกัน ในที่สุดเธอก็มีโอกาสอีกครั้ง
เธอเชื่อว่า ต้องมีสักวันหนึ่งที่เย่เชินหลินจะดีกับเธอเหมือนที่ดีกับเซี่ยชีหรั่น ไม่ เขาจะต้องดีกับเธอมากกว่าที่ดีกับเซี่ยชีหรั่น
เธอเชื่อมาเสมอ ว่าเธอคือลูกแท้ๆ แน่นอนว่าจะต้องมีเกียรติมากกว่าเด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้านั่น
ความเจ้าเล่ห์ของไป๋จงเจี๋ย เซี่ยชีหรั่นเข้าในมากกว่าใครทั้งนั้น เย่เชินหลินคงจะไม่ชอบเธอแน่ๆ แต่เขาก็รู้ว่าเธอมักจะนับคนในตระกูลโม่เป็นเหมือนญาติแท้ๆ ของตัวเอง ดังนั้นการหมั้นในครั้งนี้ เขาใส่ใจจนแม้แต่คนในตระกูลโม่ก็เชิญมาด้วย มันจะไม่ทำให้เซี่ยชีหรั่นประทับใจได้ยังไง?
ในงานยังมีผู้คนอีกมากมาย มีบางคนที่เซี่ยชีหรั่นรู้จักบ้าง และยังมีอีกหลายคนที่เธอไม่รู้จักบ้าง
เธอเห็นว่าพานหยูก็มาด้วย และยืนอยู่ข้างๆหลี่เหอไท้ ค่อนข้างแปลกเล็กน้อย แต่ในเวลานั้นเธอไม่มีกะจิตกะใจได้คิดอะไรมาก
สายตาของเธอกวาดมองทุกคนจนหมดแล้ว ก็กลับไปบนร่างของเย่เชินหลินอีกครั้ง
เขาคุกเข่าข้างหนึ่งอยู่ตรงนั้น และมองมาที่เธออยู่ตลอด ภายในในดวงตาที่แทรกด้วยความรักเต็มไปด้วยความคาดหวัง และความจริงใจ
“ที่รัก คุณเต็มใจหมั้นกับผมไหม? หมั้นกับผม แต่งงาน และมีลูกด้วยกัน ให้พวกเราได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขไปตลอดชีวิต ตกลงไหม?” น้ำเสียงของเขาอบอุ่นมาก อบอุ่นมากกว่าเมื่อก่อนที่เขาเคยพูดกับเธอตั้งหลายเท่า
น้ำตาของเซี่ยชีหรั่น หยดลงบนมือของเขาทีละหยด
“ตกลง!” เธอตอบตกลงอย่างซะอื้น จากนั้นมือเล็กๆ ของเธอก็ถูกเขาดึงไปช้าๆ แหวนถูกเขาสวมลงบนนิ้วมือของเธอ
จากนี้ไป เขาจะเป็นเจ้าของหัวใจเธอ พวกเขาจะรักกันตลอดไป
หลังจากนั้นก็ยังมีพิธีง่ายๆ อีกนิดหน่อย เรื่องทุกอย่างเซี่ยชีหรั่นไม่จำเป็นต้องกังวลเลย เพราะเย่เชินหลินได้จัดการทุกอย่างไว้อย่างสมบูรณ์แบบ
พวกเขากำลังอยู่บนเรือสำราญที่หรูหราจริงๆ เมื่อคืนตอนที่เซี่ยชีหรั่นนอนหลับสนิทแล้ว ก็ถูกเย่เชินหลินจับแต่งตัวให้เรียบร้อยจากนั้นก็อุ้มขึ้นมาเรือสำราญ
ในเวลานี้บนเรือสำราญที่หรูหราทั่วทั้งงานกำลังรื่นเริงมาก ทั่วทุกที่ ทุกอย่างละเอียดอ่อนมาก
หลังจากเสร็จพิธีหมั้นแล้ว ก็เป็นงานเลี้ยง เป็นอาหารประเภทบุฟเฟ่ต์
ผู้คนทยอยมาแสดงความยินดีไม่หยุดหย่อน คำที่เซี่ยชีหรั่นได้ยินบ่อยมากที่สุด ก็คือคำว่าแสดงความยินดี
เธอรู้สึกเหมือนได้กินน้ำผึ้งไปหลายร้อยหลายพันปอนด์ หวานตั้งแต่หัวจรดเท้า เธอมีพ่อแม่แล้ว คำกล่าวอวยพรจากพ่อแม่ของเจ้าสาวในงานหมั้นคือเสนาธิการหลี่ และหลี่เหอไท้เป็นคนพูด
เพียงไม่นานเซี่ยชีหรั่นก็ได้มีชีวิตที่โดดเด่นขนาดนี้ ไม่มีใครกล้าคิดอีกแล้วว่าเธอเป็นเด็กแค่กำพร้าที่เคยถูกรังแก
“มีความสุขไหม? ที่รัก?” เย่เชินหลินถามอย่างอ่อนโยนที่ข้างหูของเธอ
“มีความสุข” เธอฉีกยิ้มอย่างอ่อนหวาน
จนถึงตอนนี้เธอก็ยังรู้สึกราวกับว่าอยู่ในฝัน พยายามคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าเธอสามารถนอนหลับสนิทจนแม้แต่ถูกเขาแต่งตัวให้ และย้ายที่นอนให้โดยที่ไม่รู้สึกตัวได้ยังไง
บางทีบนโลกใบนี้คงจะไม่มีคนไหนอีกแล้วที่สามารถจัดงานหมั้นกันโดยที่ไม่ต้องเตรียมอะไรทั้งนั้นแบบเธออีกแล้ว สำหรับเธอแล้ว มันคือการไม่ทันได้เตรียมตัว แต่เธอพบว่า บทบาทของเธอนั้นไม่จำเป็นต้องมีการเตรียมตัวเลย
สิ่งที่เธอต้องทำมีเพียงแค่การหลั่งน้ำตาแห่งความสุขออกมา เพียงแค่คอยอยู่ข้างๆ เย่เชินหลิน รับความสนใจ และคำอวยพรจากทุกคนก็พอแล้ว
คนทั้งสองกำลังกัดหูกันอยู่ ในมือของไห่ลี่หมินถือแก้วไวน์แดงไว้ และเดินมาทางพวกเขาอย่างสง่า ยกแก้วไวน์ขึ้นแล้วพูดเสียงเบา: “ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย!”
เย่เชินหลิน และเซี่ยชีหรั่นหันไปยิ้มให้เขา และพร้อมกับยกแก้วขึ้นด้วย ในแก้วของเซี่ยชีหรั่นมีเป็นเพียงแค่น้ำผลไม้ เย่เชินหลินไม่อนุญาตให้เธอดื่มเหล้า
“อีกหน่อยก็อย่าเอาแต่จ้องภรรยาของผมอีก ถ้ามองอีก ผมจะหักขาคุณทิ้ง” เย่เชินหลินกระซิบที่ข้างหูของไห่ลี่หมิน
คิ้วของไห่ลี่หมินกระตุกเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยกแก้วขึ้นหันไปทางที่ไม่ไกลนัก บริกรรีบเข้ามารินไวน์ให้เขาอีกแก้ว
คราวนี้ เขาตั้งใจที่จะดื่มให้กับเจ้าสาว
“ชีหรั่น นับตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้พบกับคุณ ผมก็รู้สึกว่าคุณแตกต่างไปจากคนอื่น ผมตกหลุมรักความเข้มแข็ง ความจงรักภักดี และความบริสุทธิ์ของคุณ ถ้าหากไม่ใช่เพราะว่าคุณได้ชอบไอนี่ไปแล้ว ผมไม่มีทางยอมแพ้ต่อคุณหรอก”
เย่เชินหลินมองเขาอย่างเย็นชา ไม่พูดอะไร เขาเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของเขา ถ้าเขาอยากพูดอะไรบ้าๆ ออกมา เขาก็จะปล่อยให้เขาได้พูดออกมาสักครั้ง อย่างไรก็ตามผู้หญิงของเขาไม่มีทางลืมตามองเขาหรอก
“แม้ว่าตอนนี้คุณจะหมั้นกับเขาแล้ว แต่คุณจงจำไว้ว่า ถ้าเขากล้ารังแกคุณเมื่อไหร่ คุณต้องรีบบอกผมทันที ผมจะช่วยคุณจัดการเขาเอง ผมรู้ว่าจุดอ่อนของเขาอยู่ที่ไหน” เมื่อไห่ลี่หมินพูดจบ ก่อนที่จะดื่มไวน์ ก็ยื่นมือออกไปหาเซี่ยชีหรั่น เขาอยากจับมือกับเธอมาก เขาไม่มีความคาดหวังอื่น เพียงแค่อยากจับมือกับเธอเท่านั้น นับได้ว่าเป็นการใกล้ชิดมากที่สุดระหว่างเขากับเธอแล้ว
เซี่ยชีหรั่นเหลือบไปมองเย่เชินหลิน แม้ว่าท่าทางของเขาจะดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้คัดค้าน
ดังนั้นเธอจึงฉีกยิ้มแล้วยื่นมือออกไปหาไห่ลี่หมิน ไห่ลี่หมินอัธยาศัยดีมาก เพียงแค่กุมนิ้วมือของเธอเบาๆ เท่านั้น ในสายตาของเขา มีความเสียใจเข้าแทรกซึม จากแววตาของเขาแล้วเซี่ยชีหรั่นสามารถมองออกได้เลยว่าการยอมแพ้ของเขานั้นไม่เต็มใจมากแค่ไหน แต่ก็ต้องเต็มใจ
การจับมือกันของทั้งสองคนไม่นานมากเท่าไหร่นัก แต่ทว่าในสายตาของใครบางคน มันเป็นเวลานานมากเกินไปแล้ว
“น้องสาวของนายกำลังตามหานายอยู่” เย่เชินหลินพูดขึ้นอย่างเย็นชา
ไห่ลี่หมินเก็บมือกลับ สุดท้ายได้บอกกับเซี่ยชีหรั่นไว้หนึ่งประโยค: “หากมีสักวัน เมื่อเขาไม่ดีกับคุณเหมือนตอนนี้ ผมจะรอคุณอยู่เสมอ”
“ไสหัวไป! ไม่มีทางมีวันนั้นแน่นอน!” คำว่าไสหัวไปนี้ เย่เชินหลินพูดเสียงต่ำมาก ต่ำจนมีเพียงแค่ไห่ลี่หมิน และเซี่ยชีหรั่นสองคนเท่านั้นที่สามารถได้ยิน
เซี่ยชีหรั่นกอดแขนเขาไว้ และมองไปที่ไห่ลี่หมินอย่างเป็นห่วง แต่ไห่ลี่หมินกลับหัวเราะขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ พูดขึ้น: “ใครให้นายหยาบคายกัน ชีหรั่นเริ่มกลัวขึ้นมาแล้วไง”
ชีหรั่น……เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วใช่ไหม?
“นายอย่าคิดนะว่าเมื่อฉันหมั้นแล้วจะต่อยคนไม่เป็น ไสหัวไปไกลๆ เลย ฉันไม่ควรให้โอกาสนายได้คุยกับภรรยาของฉันตั้งแต่แรกเลย ไสหัวไปไสหัวไป!”
เซี่ยชีหรั่นมองไม่เห็นถึงความโกรธเคืองบนใบหน้าของไห่ลี่หมินเลย เธอไม่รู้อะไร สำหรับเพื่อนที่เล่นด้วยกันมาตั้งแต่เล็กจนโตของคนทั้งของแล้ว การพูดคำว่าไสหัวไปนั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร
ในวันนี้เย่เชินหลินค้นพบแล้วว่าอะไรที่เรียกว่าด้านหน้ามีหมาป่าด้านหลังมีเสือ ไห่ลี่หมินเพิ่งจะไสหัวไป โม่เสี่ยวจุนและไห่ฉิงฉิงก็มาอีก
โม่เสี่ยวจุนไอเด็กนี่ ในบางครั้งก็ดูคล้ายกับเขามาก เหมือนกับเขาในสมัยก่อน จะขยับหรือไม่ขยับก็ดูเท่ ท่าทางที่ไม่แยแส ดูไม่ออกเลยว่ามีความสุขหรือไม่มีความสุข
“ชีหรั่น เชินหลิน ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วยนะ!” โม่เสี่ยวจุนยกแก้วให้กับเซี่ยชีหรั่น และเย่เชินหลิน ไห่ฉิงฉิงเองก็กล่าวคำอวยพร ทั้งสีคนเงยหน้าขึ้นดื่มพร้อมกัน
โม่เสี่ยวจุน ไม่ได้ดื่มจนหมดแก้วในทีเดียว เพียงแค่จิบนิดหน่อยให้เป็นพิธีเท่านั้น
ความหมายของเขา แม้ว่าจะไม่ได้พูดออกมา เซี่ยชีหรั่น และเย่เชินหลินก็เข้าใจว่า พรของเขานั้นให้เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น เขาจะคอยดูอย่างระวัง ท่าทางของเขาเห็นได้ชัดว่ากำลังบอกว่า ขอเพียงแค่คนที่นามสกุลเย่ทำไม่ดีต่อเซี่ยชีหรั่น เขาไม่มีทางยอมแพ้แน่นอน
บางทีในตอนนี้ก็วัดกันที่ความแข็งแกร่ง ถึงเขาจะด้อยกว่าเย่เชินหลินมาก แต่ความรักที่เขามีต่อเซี่ยชีหรั่น ไม่น้อยไปกว่าครึ่งแน่นอน
“พวกคุณไปยุ่งกันต่อเถอะ!” หลังจากที่ดื่มเสร็จ โม่เสี่ยวจุนไม่ได้รอช้า จูงมือของไห่ฉิงฉิงแล้วก็จากไปเลย
“คนที่นามสกุลเซี่ย อีกหน่อยคุณคือคนที่มีสามีแล้ว จะต้องตีเส้นระหว่างผู้ชายพวกนั้นด้วย” หมดเวลา เย่เชินหลินพูดขึ้นที่ข้างหูของเซี่ยชีหรั่น
ที่ผ่านมาเธอก็ไม่เคยที่จะไม่ตีเส้นหรอกจริงไหม?
ทว่ามีใครบางคนหึงหวงนั้น นับว่าเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์ นี่นับว่าดีที่สุดแล้ว เธอไม่อยากให้เขาไม่หึงหวงเธอหรอก
คนทั้งสองเพิ่งจะดื่มกันไปได้สักพัก ก็มีคนมาชนแก้วอีกแล้ว ครั้งนี้ทำให้เซี่ยชีหรั่นประหลาดใจเล็กน้อย นั่นก็คือการที่พานหยูอยู่ข้างๆ ของหลี่เหอไท้
ตอนแรกที่พวกเขายืนอยู่ด้วยกัน เซี่ยชีหรั่นคิดว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ครั้งนี้เซี่ยชีหรั่นกลับเห็นว่าพานหยูควงแขนของหลี่เหอไท้มา แม้แต่คนโง่ยังดูออกเลยว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาคืออะไร
ถึงแม้ว่าตั้งแต่การประชุมครั้งก่อนจนถึงตอนนี้จะผ่านไปแค่ไม่กี่เดือน ความทรงจำของเซี่ยชีหรั่นยังคงชัดเจนเสมอ ว่าตอนนั้นพานหยูทำให้เธอต้องอึดอักใจยังไง
เธอให้อภัยเธอ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอจะลืมในสิ่งที่น่าอึดอัดใจพวกนั้น
ทว่าในเมื่อเธอเป็นผู้หญิงของหลี่เหอไท้ แน่นอนว่าเธอจะไม่แสดงอะไรออกมาหรอก
ใบหน้าของเธอแทรกด้วยรอยยิ้ม และเริ่มจากเรียกหลี่เหอไท้ ก่อน: “พี่ชาย!”
“ขอแนะนำให้พวกนายรู้จักก่อน เธอชื่อว่าพานหยู เป็นแฟนของฉัน” หลี่เหอไท้พูดเสียงเบา เย่เชินหลินเองก็เพิ่งรู้ว่าพานหยูและ หลี่เหอไท้มีความสัมพันธ์กัน เมื่อมองเห็นพานหยูท่าทางของเขาดูเฉยเมยเล็กน้อย
เขาคิด ส่วนใหญ่หลี่เหอไท้ ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของพานหยูเลย
พานหยูก็เหมือนกันกับส้งหลิงหลิงไม่มีผิด ดูเผินๆ อาจจะไม่อันตรายเท่าไหร่ แต่ในความเป็นจริงแล้วใจจืดใจดำมากกว่าใครเป็นไหนๆ
ยังไม่ทันที่เซี่ยชีหรั่นและเย่เชินหลินได้ตอบกลับ เสนาธิการหลี่และจ้าวเหวินอิงก็เดินเข้ามาจากไม่ไกล
เดิมทีไม่กี่วันนี้หลี่เหอไท้ ก็คิดจะพาพานหยูกลับบ้านไปไหว้พ่อกับแม่อยู่แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าทางด้านของเย่เชินหลินกลับเชิญพวกเขามาร่วมงานหมั้นเสียก่อน พานหยูอยากมาร่วมงานมาก หลี่เหอไท้ คิด ในเมื่อคนทั้งสองได้มั่นใจในความสัมพันธ์ของชายหญิงแล้ว จึงได้พาเธอมาด้วย ถือโอกาสให้พ่อแม่ของเขาได้เห็นหน้าค่าตาไปด้วยเลย
ที่ผ่านมาหลี่เหอไท้นั้นอยากจะแนะนำพานหยูให้รู้จักกับเสนาธิการหลี่และจ้าวเหวินอิงมานานแล้ว เพียงแต่ว่าจิตใจของพวกเขายังอยู่บนตัวของเซี่ยชีหรั่น เขาไม่อยากทำให้พวกเขารู้สึกว่าตัวเองแย่งความสนใจไปจากน้องสาว ดังนั้น ที่ผ่านมาจึงไม่ได้พูด
ตอนนี้พวกเขาได้เจอกันแล้ว เขาก็จูงมือของพานหยูไว้ และได้แนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่อย่างเป็นทางการ: “พ่อ แม่ ผู้หญิงคนนี้คือแฟนของผม ชื่อพานหยู บางทีพวกคุณเองก็อาจจะรู้จักพ่อของเธอแล้ว คือประธานกรรมการพานของมณฑลตงเจียง”
“พานหยู?” คิ้วของจ้าวเหวินอิงขมวดกันเล็กน้อย แม้ว่าจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่หลี่เหอไท้ก็สังเกตเห็น

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน

สาวใช้ส่วนตัวจะทำอะไร? เมื่อกินข้าวต้องมาเสิร์ฟ เมื่ออาบน้ำต้องมาเสิร์ฟ และเมื่อนอนยังต้องมาเสิร์ฟหรอ?เธอไม่อยากทำ แต่ไม่ทำก็ไม่ได้ สิ่งที่เขาอยากครอบครอง เขาจะเอาทั้งหมด ไม่ว่าร่างกายหรือจิตใจ เขาจะเอามันทั้งหมด

Comment

Options

not work with dark mode
Reset