บทที่ 96 การสู้รบ
“ตั้งสติก่อนศิษย์พี่ ในสถานการณ์ที่มีพวกฝีมือร้ายกาจอยู่เต็มไปหมดแบบนี้ พวกเราจะไปได้มันมาได้ยังไง? หรือถ้าหากศิษย์พี่ได้มันมา ศิษย์พี่คิดว่าสำนักของเราจะยังเหลือรอดเหรอ?” หญิงสาวถามขึ้นมา
“หยุดพูดมากน่า ถ้าไม่ช่วยฉันก็ออกไปซะ!” ชายหนุ่มเปลี่ยนสีหน้า เขาไม่คิดเลยว่าศิษย์น้องหญิงของเขาจะพูดแบบนี้
เขาหันหน้าไปมองและเห็นน้ำตาที่เอ่อล้น หญิงสาววิ่งหนีออกไปโดยที่ไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด ดวงตาของชายหนุ่มจ้องมองไปยังผลไม้นั่นตลอดเวลา
หลาย ๆ คนรีบหนีออกจากสนามรบ คนแล้วคนเล่า พวกเขารู้ขีดจำกัดของตัวเองดีและคิดว่าอย่างไรเสียตัวเองก็ไม่สามารถแย่งชิงผลไม้นั่นมาได้แน่ พวกปีศาจมันมีมากเกินไป แถมพวกไร้ฝีมืออยากพวกเขาก็คงจะกลายเป็นได้แค่คนที่เสียสละเบิกทางให้พวกคนเก่ง ๆ เอาผลไม้ไปเท่านั้น
มันน่าสมเพชมากที่หลาย ๆ คนต่างก็เริ่มระแวงกันและกัน หลังจากที่ผ่านความเงียบงันมาได้แล้ว ทุก ๆ สงครามก็เริ่มเข้าปะทุอีกครั้ง ปีศาจมากมายกว่าล้านตัวเข้าตะลุมบอนอย่างดุเดือด ทำลายกองทัพมนุษย์ไปมากมาย สามฝ่ายใหญ่พยายามจะยื้อเอาไว้สุดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไร้ความหมาย
“เสือชื่อเจี่ย ครั้งที่แล้วแกทำร้ายคนของฉัน วันนี้แหละแกจะต้องชดใช้!” หนึ่งในทหารในมือของเขาถือดาบเก้าวงอยู่ เขาตะโกนออกมาอย่างเดือดดาลและพุ่งเข้าจัดการกับเสือชื่อเจี่ย
เจ้าเสือร้ายที่บาดเจ็บหนักรู้ว่าชายคนที่เข้ามาหาคือใคร และมันก็ได้ส่งสายตาจ้องกลับไปยังชายคนนั้นด้วยความหวั่นเกรง
“เวรเอ๊ย ต่อให้วันนี้เสืออย่างข้าจะต้องตาย แต่ข้าก็จะลากพวกแกไปด้วย” หลังจากสิ้นเสียง เจ้าเสือมันก็ระเบิดตัวเอง มันคือวิธีการสุดท้ายที่ไม่มีใครอยากใช้มันนัก เพราะไม่ใช่แค่เพียงร่างกายที่ต้องแหลกสลายเท่านั้น หากแต่วิญญาณเองก็จะถูกทำลายเช่นกัน
มีคนเคยบอกไว้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างมีดวงวิญญาณในตัวของมัน ถ้าหากกายได้เสื่อมสลายไป อย่างน้อยวิญญาณก็ยังสามารถฟื้นฟูกลับมาใหม่ได้ถ้าหากวิญญาณยังไม่ถูกทำลาย แต่เรื่องดังกล่าวก็เป็นเพียงแค่ตำนานเท่านั้น
แต่ด้วยเพราะเหตุผลนี้เอง จึงทำให้หลาย ๆ คนไม่คิดที่จะใช้วิชาระเบิดตัวเองแบบนี้ ไม่งั้นแล้วหากจิตวิญญาณถูกทำลาย ในอนาคตพวกเขาก็คงจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับมาได้
ใครจะไปคาดคิดล่ะว่าเสือชื่อเจี่ยจะตัดสินใจจะระเบิดตัวเองเพื่อลากทุกคนไปตายด้วยกันกับมัน ตอนนี้ภายในรัศมี 10 เมตร ทุกสิ่งถูกทำลายจนสิ้น
เด็กชายละโมบคนนั้นเองก็อยู่ในรัศมีระเบิดด้วยเช่นกัน และมันก็ทำให้เขาตายทันที ความตายไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัวหรอก หากแต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือกระดูกที่ถูกทำลายไปด้วย สำหรับคนบนโลกนี้แล้ว พวกเขามีความเชื่อว่ากระดูกคือที่ผูกวิญญาณเอาไว้
หลังจากความโหดร้ายที่เกิดขึ้นตรงนี้ ช้างเผือกตัวใหญ่ก็ยกเท้าไล่กระทืบพวกกองกำลังมนุษย์
พวกมนุษย์ตัวกระจ้อยถูกเหยียบจนแหลกอยู่ใต้ฝ่าเท้าของช้างตัวนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้เลย
แม้ว่าพวกเขาจะเก่งกาจแค่ไหนก็ตาม แต่ก็ถูกสังหารจนตายได้อย่างง่ายดายภายใต้ฝ่าเท้าอันยิ่งใหญ่ของช้างตัวนี้ เมื่อเห็นคนจำนวนมากที่ตายไป นั่นก็ทำให้ปรมาจารย์ 3 คนพุ่งเข้าใส่มันทันที
แสงดาบส่องประกาย มีเสียงตัดลม ก่อนที่จะพุ่งเข้าโจมตีช้างไป๋เหมา ในเมื่อมันถูกเล็งเป้าเสียขนาดนี้ เจ้าไป๋เหมาก็จึงตัดสินใจระเบิดตัวเองเพื่อสังหารคนรอบข้างทันที
ช้างตัวนี้คำรามและตั้งท่าจะระเบิดตัวเอง แต่ทว่ามันกลับได้รับการโจมตีจากสองปรมาจารย์ที่เหลือ การโจมตีครั้งนั้นรุนแรงเสียจนทำให้งาของมันหลุดร่วงออกมา
ทั้งสนามรบปั่นป่วนไปหมด ยิ่งสู้กันมากเท่าไหร่ทุกสิ่งก็ยิ่งพังทลายไปมาก
เท่านั้น เมื่อมองเห็นพวกพ้องที่ตายไปทีละคน แม้แต่ยีซานเองก็ไม่อาจนิ่งเฉยได้อีก
ทว่า พวกปีศาจก็ยังเสริมกำลังเข้ามาเรื่อย ๆ เพียง 10 นาทีเท่านั้น พวกมนุษย์ก็ล้มตายลงเป็นจำนวนมาก
ซึ่งทางพวกปีศาจเองก็เสียหายหนักพอ ๆ กัน แต่ก่อนพวกเขามีราชาทั้งหมด 8 ตน แต่ตอนนี้นั้นกลับเหลืออยู่แค่ 4 ตนเท่านั้น ซึ่งหนึ่งใน 4 ที่ว่า บางตนเองก็แขนขาหักงอ จนไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป
ต้นหยินเย่ซงเบ่งบานผลออกมาทันทีที่มีผู้คนล้มตายมากมายใต้ต้นของมัน และวินาทีต่อมาทั่วทั้งต้นก็มีผลไม้ผุดขึ้น
เมื่อเห็นแบบนั้น พวกมีฝีมือทั้งหลายก็พุ่งเข้าไปโจมตีต้นไม้นี้อย่างดุเดือด และในตอนนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นเบื้องหน้าก็ทำให้พวกเขาทุกคนตกตะลึง เมื่อเห็นต้นไม้ดังกล่าวถอนรากมันขึ้นมา มันใช้ลากเป็นขาเดินวนรอบหนึ่ง ก่อนจะวิ่งหนีไป
ทุกคนที่ได้เห็นภาพตรงหน้าก็ได้แต่ทำหน้างุนงง พวกเขาเคยได้ยินแต่ไม่เคยเห็น นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นภาพอะไรแบบนี้
หลังจากนั้นไม่นานนักทุกคนก็ได้สติ เสียงตะโกนก็ดังตามขึ้นมาติด ๆ ว่า “ตามไป!”
แล้วทุกคนก็วิ่งเข้าไปหาต้นไม้ใหญ่นั่น
ไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะยุ่งเหยิงมากกว่าเดิม
เมื่อมองไปยังซากศพมากมาย ทุกคนก็เกือบอาเจียนออกมาด้วยความสมเพชและเศร้าหมอง เพราะทั่วสนามรบมีแต่ศพที่ร่างกายไม่ครบส่วนทั้งนั้น นี่มันช่างน่าเวทนายิ่งนัก
แต่ถึงกระนั้น ผู้คนมากมายก็พร้อมที่จะเสี่ยงโชคชะตาเพื่อไปเอาผลไม้นั่นมาเป็นของตัวเอง
“ท่าจะไม่ดีแล้ว หนีกันเถอะ มีสัตว์ประหลาดสุดแกร่งอยู่นั่น!” ไม่รู้ว่าใครเป็นคนตะโกนคำพูดนี้ออกมา แต่มันก็ทำเอาผู้คนวิ่งหนีกันกระเจิงไป
ทว่า ไม่มีใครรู้เลยว่าทั่วสนามรบในตอนนี้ ที่ใต้ดินของมันนั้นก็มีแหโผล่ออกมาแล้วครอบคลุมทุกสิ่งอย่างในที่นี้รวมไปจนถึงต้นหยินเย่ซงด้วยเช่นกัน ทันใดนั้นต้นไม้ก็เปล่งแสงออกมาอีกครั้ง …ก่อนที่จะหายไป