หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 503 เจ้าอยากจะสู้กับข้าหรือ

บทที่ 503 เจ้าอยากจะสู้กับข้าหรือ

 เป็นแค่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางแต่กล้ามาลองดีกับข้าเชียวหรือ เจ้าเหลียงหลงนี่มีแค่แก่นเดียว แต่ข้ามีถึงสาม! หวังเป่าเล่อคิดอย่างจองหอง การโจมตีของเขาเหนือชั้นกว่าเหลียงหลงอยู่มาก ตั้งแต่มีแก่นในหัวใจ พละกำลังของเขาก็พุ่งสูงขึ้นจนอยู่ในระดับที่น่าหวั่นเกรง อีกทั้งชายหนุ่มยังมีแก่นในแห่งอัสนีกับแก่นในแห่งความมืดอยู่ด้วย

การฝึกกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงช่วยเสริมรากฐานการฝึกตนของเขา เมื่อชายหนุ่มเปิดฉากโจมตี สายฟ้าหลายเส้นก็ฟาดฝ่าลงมาจากสรวงสวรรค์ทำให้เหลียงหลงแทบจะไม่มีหนทางตอบโต้กลับ ชายหนุ่มต้องล่าถอยไปรับมือ ไม่สามารถปล่อยกระบวนท่าโจมตีอะไรได้มาก

หวังเป่าเล่อพุ่งไปข้างหน้าราวกับเป็นไดโนเสาร์ดุร้ายที่พร้อมจะกัดกินทุกอย่างที่ขวางหน้า เหลียงหลงตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาแดงก่ำเมื่อได้เห็นภัยอันตรายถึงชีวิตเบื้องหน้า เขารีบถอยหนีพร้อมกระชากสร้อยหยกใต้คอเสื้อออกมา และใช้นิ้วกดลงไป

เจ้ามีอาวุธเทพ ข้าก็มี!

สร้อยหยกส่องแสงทันใด ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นกระดองเต่าขนาดใหญ่ให้เหลียงหลงซ่อนตัวอยู่ภายใน กระดองเต่าปรากฏตัวได้ทันท่วงทีที่คลื่นเสียงจากโทรโข่งของหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าปะทะ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่วสารทิศ

ฟากฟ้าสั่นคลอนจากการปะทะอันรุนแรง พลังจากคลื่นเสียงแหวกพสุธาจนเตลิดเปิดเปิงหลายบริเวณ แต่กลับ…ทิ้งเพียงรอยเล็กๆ ไว้บนกระดองเต่าที่คุ้มกันเหลียงหลงอยู่ ก่อนที่มันจะฟื้นฟูสภาพกลับไปเป็นเหมือนเดิมในทันที!

ยังไม่ทันที่คนรอบข้างจะทันเหลียวมอง หลังการโจมตีจากคลื่นเสียงก็ตามมาด้วยอสนีบาตในทันที สายฟ้าฟาดใส่กระดองเต่า แต่ก็ฝากไว้เพียงรอยเล็กๆ ไม่อาจทลายมันลงได้ หวังเป่าเล่อพุ่งตามมา ยกขาขวาขึ้นเตะอัดกระดองเต่า ฝากรอยแตกเอาไว้ได้ในที่สุด

ถึงกระนั้น รอยแตกบนกระดองเต่าก็ฟื้นฟูกลับสภาพเดิมในทันที!

หวังเป่าเล่อขมวดคิ้วพร้อมถอยกลับ ในที่สุดเหลียงหลงก็ได้พักหายใจ ใบหน้าของเขาบูดเบี้ยวขณะจ้องขาขวาของอีกฝ่ายตาไม่กะพริบ ชายหนุ่มถอนหายใจก่อนจะพลันตื่นกลัว กระดองเต่าชิ้นนี้เป็นของล้ำค่ามาก เป็นเครื่องป้องกันที่อาจารย์ของเขาให้มา สามารถต้านทานการโจมตีของผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณได้ และไม่มีทางที่ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในจะสร้างความเสียหายได้

เขาลองทดสอบจากการต่อสู้กับผู้อื่นหลายครั้งรวมถึงการไปปฏิบัติภารกิจในตัวกระบี่ แต่ลูกเตะของหวังเป่าเล่อเมื่อครู่กลับสามารถสร้างรอยแตกบนกระดองเต่าได้ แม้จะฟื้นฟูสภาพได้ทันที แต่ชายหนุ่มก็อดสั่นกลัวไม่ได้ พอนึกถึงจุดที่อีกฝ่ายพุ่งเป้ามา เหลียงหลงก็ขนลุกซู่

ชั่วจริงๆ!

ขณะที่เหลียงหลงกำลังถอนหายใจด้วยความโล่งอก นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงอำมหิต เขาออกตัวพุ่งไปข้างหน้าอีกรอบ ครั้งนี้เร็วเสียจนเหลียงหลงไม่มีเวลาได้ตั้งรับ ชายหนุ่มทะยานเข้าไปพร้อมยกมือขวาขึ้นเตรียมโจมตี

ไม่ได้ปล่อยไปแค่หมัดเดียว แต่ปล่อยไปเป็นชุด!

เสียงอสนีบาตดังขึ้นหลายหน หวังเป่าเล่อเป็นดังพายุถาโถมเข้าใส่กระดองเต่าของเหลียงหลง เสียงหมัดและลูกเตะที่เข้าปะทะกับกระดองเต่าดังก้องไปทั่ว เขาปล่อยพลังจากแก่นในทั้งสามพร้อมกัน แต่ก็ทำได้เพียงฝากรอยแตกอีกหลายรอยไว้บนกระดองเต่าเท่านั้น

เหลียงหลงไม่ได้หลบอย่างสบายใจอยู่ภายใน แม้กระดองเต่าจะต้านทานการโจมตีได้ แต่ก็ยังสั่นไหวไปมาจากหมัดและลูกเตะของอีกฝ่าย อีกทั้งยังไม่ได้เกิดขึ้นแค่ครั้งสองครั้ง หวังเป่าเล่อปล่อยพายุหมัดกว่าร้อยครั้งไม่มีหยุด แถมด้วยลูกเตะอีกหลายสิบที แรงสั่นสะเทือนทำให้เลือดในกายของเหลียงหลงปั่นป่วนจนรู้สึกทรมาน

ชายหนุ่มเดือดดาลจากการต้องทนรับการโจมตีโดยที่ไม่สามารถตอบโต้กลับได้ ดวงตาของเขาฉายรังสีสังหาร เกือบจะปล่อยท่าพิฆาตออกไป แต่ก็ยั้งมือเอาไว้ก่อน

ข้าจะรอให้เจ้านั่นเหนื่อยก่อนค่อยโจมตี จะใช้กระดองเต่านี่ทำให้มันเหนื่อยล้า!

เหลียงหลงกัดฟันแน่นเมื่อคิดได้ดังนั้น หวังเป่าเล่อเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดีเช่นกัน กระดองเต่าเบื้องหน้าทำให้เขาต้องปวดหัวที่ไม่สามารถทลายมันลงได้

ข้าเคยเจออะไรเช่นนี้มาก่อน… ตอนที่หวังเป่าเล่อปล่อยหมัดออกไป เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเคยเจออะไรที่คล้ายๆ กันนี้ในหมู่บ้านลมปราณวิญญาณ ตอนนั้นเขาจับอีกฝ่ายขังไว้ในอะไรบางอย่างแทน

เอาเช่นนั้นแล้วกัน เจ้าคิดว่าข้าทำอะไรเจ้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ หวังเป่าเล่อเริ่มหมดความอดทน เขาถอยหลังกลับพร้อมตั้งมือขวาขึ้น แสงจากคาถาส่องประกายในทันใด

นัยน์ตาของเหลียงหลงฉายแสงวาบเมื่อเห็นอีกฝ่ายล่าถอยไป เขารอจังหวะนี้อยู่ ชายหนุ่มยกสองมือขึ้นตั้งผนึกฝ่ามือ จากนั้นก็ร้องคำรามลั่นพร้อมกัดลิ้นพ่นเลือดออกมา ก่อนจะยกมือขวาเอื้อมคว้าอากาศ พลันเลือดที่พ่นออกจากปากก็กลายเป็นกระบี่โลหิตปรากฏขึ้นในมือ เขากำลังจะลงมือตอบโต้ขณะที่เห็นขอบระฆังใบน้อยเผยออกมาจากแสงในมือหวังเป่าเล่อ!

มันขยายขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนสูงราวสามเมตร มีพลังน่ากลัวแผ่พุ่งออกมา ดู…เหนือชั้นกว่าโทรโข่งยักษ์ และเหมือนจะเป็นอาวุธเวทระดับแปด งูเหลือมสีแดงบนระฆังใบยักษ์พลันมีชีวิตและส่งเสียงคำราม งูเหลือมตัวนี้เป็นดวงจิตแห่งเทพในระฆังยักษ์นั่นเอง!

หวังเป่าเล่อตั้งผนึกฝ่ามือเป็นท่วงท่าต่างๆ ระฆังยักษ์ร่วงลงบนหัวของเหลียงหลงที่เพิ่งเรียกกระบี่โลหิตออกมา ระฆังตกลงพื้นเสียงดัง ขังเหลียงหลงและกระดองเต่าของเขาไว้ภายใน ผนึกเอาไว้อย่างมิดชิด!

กระบี่โลหิตของเหลียงหลงพุ่งเข้าใส่ระฆัง เกิดเป็นเสียงดังสนั่นฟ้าดิน ชายหนุ่มสั่นไหวไปมาจากคลื่นเสียงรุนแรง เขากรีดร้อง กระอักเลือดออกทางปาก ก่อนจะร้องคำรามอย่างบ้าคลั่งด้วยความเดือดดาลเกินบรรยายในใจ

เสียงร้องคำรามของเขาทำให้ระฆังสั่นอีกครั้ง หัวใจของเหลียงหลงสั่นไหวอย่างรุนแรงจนเขาเกือบจะเสียสติไป ชายหนุ่มทำอะไรไม่ได้ แม้กระบี่โลหิตจะกล้าแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถทลายระฆังลงได้ในครั้งเดียว อาจจะต้องโจมตีหลายครั้ง

ชายหนุ่มจินตนการได้ถึงเสียงทลายโสตประสาทจากการโจมตีแต่ละครั้งที่ตนจะได้รับ เขาคงไม่อาจใช้กระดองเต่าต้านทานได้นานขนาดนั้นเนื่องจากต้องใช้ปราณวิญญาณมากโข เหลียงหลงแสนขุ่นเคืองใจ เขาเตรียมลองเสี่ยงใช้อาวุธทุกอย่างที่มีก่อนจะตื่นตกใจขึ้นมา

วัตถุชิ้นนี้สามารถตัดปราณวิญญาณได้! ชายหนุ่มสัมผัสได้ว่าปราณวิญญาณจากภายนอกถูกตัดไป เขาไม่สามารถดูดซับและเติมปราณวิญญาณได้!

ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทั้งหมดทำให้เหลียงหลงเดือดจัด

หวังเป่าเล่อยืนมองระฆังยักษ์อยู่ด้านนอกพร้อมแค่นเสียงทางจมูก ระฆังใบนี้สามารถใช้ได้เพียงครั้งเดียวและคงอยู่ไม่นานนัก แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายที่ต้องเอาออกมาใช้ตอนนี้ อย่างไรเสียชายหนุ่มก็รวบรวมดวงจิตเทพมาได้มากมายจากบนดาวอังคาร ดังนั้นตราบเท่าที่ยังมีวัตถุดิบเพียงพอ เขาก็สามารถหลอมอันใหม่ขึ้นได้

เจ้ามีกระดองเต่าเช่นนั้นสินะ แถมมันดูแกร่งกล้าไม่เบา ไหนลองทำให้ท้าทายขึ้นอีกสักหน่อยแล้วกัน! หวังเป่าเล่อเชิดหน้าขึ้นอย่างอวดดี ก่อนจะเตะเข้าใส่ระฆังสองสามครั้งจนมันส่งเสียงก้องกังวาน จากนั้นก็ตัดสินใจเลิกยุ่งกับอีกฝ่าย หันไปจ้องโจวเปี่ยวและคนอื่นๆ แทน พวกเขาหน้าซีดเผือดขณะมองกลับมาด้วยดวงตาหวาดหวั่น

“เตรียมถ้ำที่พักไว้หรือยัง ใครก็ได้นำทางข้าไปที!” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงราบเรียบ พวกโจวเปี่ยวหายใจถี่รัว รีบกล่าวทักทายชายหนุ่มก่อนจะนำทางไปยังถ้ำที่พักด้วยความเคารพ

ถ้ำที่พักของเขา…ตั้งอยู่บนสุดของยอดเขาหลัก มองลงไปเห็นทะเลเพลิงกว้างใหญ่ เป็นจุดที่มีปราณวิญญาณหนาแน่นที่สุด ทั้งยังมีบ่อปราณอยู่ภายในถ้ำที่พักด้วย

ในถ้ำมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน หวังเป่าเล่อยิ้มด้วยความพึงพอใจหลังจากเดินตรวจตรารอบๆ ถ้ำที่พัก

ตอนแรกพวกโจวเปี่ยวตั้งใจจะให้เหลียงหลงพักที่ถ้ำนี้ แต่พอได้เห็นความโหดเหี้ยมของหวังเป่าเล่อก็ไม่กล้าจะไปทำอะไรให้ไม่พอใจ พวกเขาถอนหายใจด้วยความโล่งอกหลังจากนำทางหวังเป่าเล่อไปยังถ้ำที่พัก จากนั้นกลุ่มผู้ฝึกตนก็หันมองหน้ากัน และได้เห็นความจำนนในดวงตาของกันและกัน

“เราทำอะไรไม่ได้เลย จะไปขัดใจเขาก็ไม่ได้ ต่อจากนี้ก็ระวังตัวกันหน่อย” โจวเปี่ยวถอนหายใจ หันมองไปทางสหายผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ก่อนจะเอ่ยสั่งการ ผู้ฝึกตนขั้นรากฐานตั้งมั่นในกลุ่มถามขึ้นเสียงเบาด้วยความลังเลใจ

“ศิษย์พี่โจว แล้วท่านลุงปรมาจารย์เหลียงล่ะ”

“เราเข้าไปยุ่งไม่ได้ ไม่ใช่เรื่องอะไรที่เราทำได้ ไม่เห็นหรือว่าหัวหน้าตำหนักหลี่จากตำหนักความสัมพันธ์ระหว่างดวงดาวยังไม่เข้าไปยุ่งเลย…” โจวเปี่ยวหยุดคิดครู่หนึ่ง ภาพพายุหมัดและลูกเตะอันร้ายกาจของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้นในหัว เขาสั่นกลัวขึ้นมาในทันใด

ทุกคนแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว เหลือแต่เพียงระฆังยักษ์ที่ตั้งอยู่กลางลานกว้าง มีเสียงร้องคำรามระบายความเดือดดาลของเหลียงหลงดังขึ้นเป็นพักๆ จากภายใน

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset