หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 544 ประมือกับอสูรหิน!

บทที่ 544 ประมือกับอสูรหิน!

หวังเป่าเล่อหรี่ตาจ้องไปทางประตู จากนั้นก็หันมองรูปปั้นหิน หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง ชายหนุ่มก็เอ่ยถามขึ้น “กงเต๋า เจ้าใช้เวลาเท่าไหร่ในการเปิดประตูหิน”

“ข้าเปิดไม่ได้ภายในชั่วสิบลมหายใจ จากรอบที่แล้ว…ถ้าถ่วงเวลาให้ได้สิบห้านาที ข้าก็น่าจะเปิดได้!” กงเต๋าครุ่นคิดสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ

หวังเป่าเล่อทำหน้าพินิจพิเคราะห์ขณะคิดคำนวณในหัว แม้จะนับรวมตัวเองเข้าไปด้วย ก็ยังยากอยู่ดีที่จะเปิดประตูให้ได้ภายในสิบชั่วลมหายใจ เพราะเมื่อรูปปั้นฟื้นคืนชีวิตขึ้นมา มันจะถือเป็นอันตรายสำหรับทั้งคู่

พลังของข้าในตอนนี้จะพอสู้กับ…ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นปลายได้หรือไม่นะ! ชายหนุ่มตาเป็นประกายเมื่อคิดเช่นนั้น เขาอยากจะรู้ว่าตนมีพลังเพียงใดในการต่อสู้

แต่ถ้าเป็นไปได้ก็อยากจะใช้ทางลัดอยู่ดี เขายกมือขวาขึ้นเรียกกระบี่บินอาวุธเวทระดับเจ็ดขึ้นมาในมือ ชายหนุ่มตวัดกระบี่ลงหนึ่งครั้ง พลันพลังที่สามารถตัดผ่านทุกสิ่งก็มาสะสมรวมอยู่ในกระบี่บิน กระบี่ส่องแสงจ้าขณะพุ่งไปปะทะรูปปั้นหิน

มีเสียงปะทะดังสนั่นขึ้น รูปปั้นขยับไปเล็กน้อยแต่กลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ พลันคลื่นพลังที่บ่งบอกว่ารูปปั้นกำลังจะลืมตาตื่นขึ้นก็พวยพุ่งออกมา

“เหมือนว่าจะฟันทิ้งก่อนมันตื่นไม่ได้ ถ้าอย่างนั้นก็…” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำกับตนเอง พลังปราณในกายปะทุขึ้น เขาเปิดใช้งานแก่นในอัสนีส่งสายฟ้ามากมายกระจายเต็มพื้นที่ เปลวไฟสีดำเย็นยะเยือกปรากฏขึ้นพร้อมปราณโลหิตที่ไหลเวียนไปทั่วร่าง สายฟ้า เปลวไฟสีดำ และปราณโลหิตผสานรวมกันเป็นพลังน่าสะพรึงกลัวอยู่รอบตัวชายหนุ่ม!

กงเต๋าตื่นตะลึงไป นัยน์ตาเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ หวังเป่าเล่อแข็งแกร่งขึ้นกว่าตอนที่เพิ่งมาถึงสำนักวังเต๋าไพศาลมาก

“กงเต๋า เปิดประตู ข้าจะจัดการกับรูปปั้นหินตอนมันตื่นขึ้นเอง” หวังเป่าเล่อพูดพร้อมดวงตาที่พลันสว่างวาบขึ้น กงเต๋าจ้องมองอีกฝ่ายขณะครุ่นคิด ไม่ได้นึกสงสัยในตัวหวังเป่าเล่อแม้แต่น้อย เขาพยักหน้าและสูดหายใจลึก จากนั้นก็ยกสองมือขึ้นพร้อมร้องคำรามเสียงดังปลดปล่อยพลังปราณและพละกำลังทั้งหมดเพื่อผลักประตูให้เปิดออก

รูปปั้นค้างคาวหินสั่นไหวอีกครั้งเมื่อกงเต๋าเริ่มผลักประตู คลื่นพลังวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากรูปปั้น เหมือนว่ามันจะเชื่อมกับประตูหิน เมื่อประตูโดนผลักให้เปิดออก มันก็จะตื่นขึ้นจากการหลับใหลในทันที

ดวงตาของหวังเป่าเล่อเป็นประกาย เขาก้าวไปยืนด้านหลังกงเต๋า หันหน้าเผชิญกับรูปปั้นหิน

ถ้าคนที่ยืนอยู่ด้านหลังไม่ใช่หวังเป่าเล่อ กงเต๋าคงไม่สามารถปลดปล่อยพลังเต็มขั้นออกไปได้ เพราะต้องคอยระวังหลังอยู่ตลอดเผื่อว่ามีอะไรผิดพลาดจะได้รีบหนีไปได้ทันท่วงที แต่ตอนนี้ดวงตาของชายหนุ่มจับจ้องเพียงประตูเบื้องหน้า ไม่สนใจรูปปั้นด้านหลังแม้แต่น้อย

ด้วยความเชื่อใจในตัวหวังเป่าเล่อ กงเต๋าจึงปล่อยพลังปราณเต็มขั้นและผลักประตูเปิดออกด้วยพลังทั้งหมดที่ไม่เคยเผยให้ใครเห็นมาก่อน ขณะกำลังเปิดประตู ชั่วสิบลมหายใจก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ทันทีที่หายใจออกครั้งที่สิบ รูปปั้นค้างคาวหินเบื้องหลังก็ส่งเสียงดังแสบแก้วหู คลื่นพลังวิญญาณพวยพุ่งออกมาจากรูปปั้นที่ลืมตาตื่น รูปปั้นหินระเบิดพลังวิญญาณกล้าแกร่งออกมาพร้อมพุ่งตรงไปหากงเต๋า!

กงเต๋าไม่ได้แข็งแกร่งเท่าค้างคาว หากไม่มีสมบัติเวทช่วยชีวิต ร่างกายและวิญญาณของเขาคงถูกทำลายย่อยยับไปตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ขณะที่ค้างคาวกำลังพุ่งตรงไปหากงเต๋า หวังเป่าเล่อก็ปลดปล่อยพลังปราณเต็มขั้นพร้อมกำหมัดพุ่งทะยานเข้าไปต่อย!

เขาปล่อยระเบิดกำเนิดดวงดาราออกไปพร้อมหมัด สายฟ้าฟาดกระจายไปทั่วก่อนที่หมัดจะพุ่งเข้าปะทะ กระแสสายฟ้าแปรเปลี่ยนเป็นพายุสายฟ้าพุ่งเข้าชนกับค้างคาวที่ทะยานเข้ามา

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น คลื่นจากแรงกระแทกส่งค้างคาวกระเด็นถอยหลังพร้อมฝุ่นลอยคละคลุ้งในอากาศ หวังเป่าเล่อหัวเราะขึ้นก่อนจะทะยานฝ่าฝุ่นคลุ้งตามค้างคาวไป

ดวงตาของค้างคาวส่องแสงสีแดงขึ้น รอยแผลตรงหน้าอกก็เรืองแสงสีเดียวกัน ทันทีที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าไป ค้างคาวก็ส่งเสียงแหลมราวกับสามารถตัดเพชรทลายหินลงได้ออกมา มวลอากาศระหว่างชายหนุ่มกับค้างคาวสั่นสะเทือน ไปด้วยคลื่นพลังวิญญาณ ก่อนที่คลื่นเหล่านั้นจะพุ่งตรงไปทางหวังเป่าเล่อ

คลื่นพลังวิญญาณแกร่งกล้าพุ่งเข้าปะทะชายหนุ่มอย่างจัง ร่างของเขากระตุกรุนแรง อวัยวะภายในสั่นไหว หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงความแตกต่างระหว่างคลื่นเสียงโจมตีของค้างคาวและโทรโข่งของตนเอง การโจมตีของค้างคาวนอกจากจะส่งคลื่นเสียงกระแทกแล้ว พลังวิญญาณที่ปล่อยออกมาก็เหมือนจะสามารถดูดพลังชีวิตรวมถึงผนึกพลังปราณได้ด้วยเช่นกัน มันสามารถผนึกพลังปราณของชายหนุ่มและดูดพลังชีวิตจนเขาถึงแก่ความตายได้

ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลางหรือแม้กระทั่งชั้นปลายอาจจะตื่นกลัวเมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ นั่นเพราะคลื่นเสียงนี้เป็นหนึ่งในการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดของค้างคาว

ค้างคาวแปลงกลายเป็นเหมือนสายรุ้งแห่งความพินาศพุ่งทะยานตามมาพร้อมจะทะลวงทรวงอกของชายหนุ่ม แต่เมื่อมันเข้ามาใกล้ หวังเป่าเล่อที่โดนคลื่นเสียงกระแทกเข้าอย่างจังเมื่อครู่กลับผุดยิ้มขึ้น ร่างอวตารปรากฏซ้อนทับร่างจริงของเขา มือมายาที่สร้างจากสายฟ้าพุ่งเข้าไปจับเข้าที่คอค้างคาว!

มือที่ปรากฏขึ้นคืออัสนีอวตารของหวังเป่าเล่อนั่นเอง!

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่เริ่มการต่อสู้จนกระทั่งร่างอวตารเอื้อมมือออกมาใช้เวลาไปไม่ถึงเสี้ยววินาที มืออัสนีอวตารปล่อยพลังแกร่งกล้าพร้อมสายฟ้าฟาดไปในอากาศ จนจำแนกได้ยากว่านั่นคือร่างอวตาร มันดูเหมือนวิญญาณที่หลุดลอยออกมาจากกายหยาบมากกว่า

ค้างคาวไม่ทันไหวตัวว่าจะเจอการโจมตีสวนกลับจึงไม่สามารถหลบหนีได้ทัน ตอนนั้นเองหวังเป่าเล่อก็เอ่ยขึ้น

“ระเบิด!”

มือขวาที่คว้าคอค้างคาวอยู่พลันระเบิดทันใด พลังสายฟ้าจากมืออวตารและเปลวไฟจากแก่นในแห่งความมืดปะทุขึ้นพร้อมกัน เปลวไฟสีดำพุ่งเข้าล้อมรอบค้างคาว อสนีบาตฟาดฝ่าลงมาใส่มันราวกับเป็นพายุรุนแรง

ค้างคาวส่งเสียงโอดครวญท่ามกลางเสียงอสนีบาต มันรีบถอยกลับก่อนจะปล่อยแสงสีแดงออกมาสู้กับสายฟ้าและเปลวไฟของหวังเป่าเล่อ จากนั้นมันก็คุมแสงสีแดงให้รวมกันคล้ายเป็นเขี้ยวอสูร ก่อนจะส่งคมเขี้ยวที่สร้างขึ้นทะยานแหวกอากาศตรงไปยังหวังเป่าเล่อ

คมเขี้ยวปล่อยพลังวิญญาณที่แฝงด้วยโลหิต เลือดในกายหวังเป่าเล่อแข็งตัวขึ้นทันใด ส่งผลให้เขาไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ ก่อนจะโดนคมเขี้ยวโจมตีเข้าอย่างจัง

หวังเป่าเล่อเซถอยหลัง กระอักเลือดสดๆ ออกทางปาก โล่เบื้องหน้าเริ่มปริแตก โล่ที่ใช้กำบังเมื่อครู่คือหนึ่งในอาวุธเวทระดับแปดชนิดใช้ได้ครั้งเดียวที่เขามีในครอบครองมากมาย มันสั่นสะเทือนก่อนจะสลายกลายเป็นฝุ่นผงไป

เหมือนว่าจะรับมือได้ยากถ้าไม่ใช้อาวุธเวท หวังเป่าเล่อหรี่ตา ก้าวเท้าไปข้างหน้าพร้อมเรียกโทรโข่งขึ้นในมือ จากนั้นก็ตะโกนส่งคลื่นเสียงรุนแรงออกมา ตอนนั้นเอง กระบี่บินสามสี่ก็พลันปรากฏขึ้นฟันแหวกอากาศตรงไปยังศัตรูที่กำลังถอยหนี ค้างคาวเก็บปีกพยายามป้องกันภัยอันตรายตรงหน้า

ทันใดนั้นร่างอวตารของชายหนุ่มก็โผล่ขึ้นด้านหลังค้างคาวอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะพุ่งหมัดตรงไปข้างหน้า ก่อเกิดเป็นพายุสายฟ้าเข้าโอบล้อมค้างคาวไว้ ไม่เปิดโอกาสให้มันหลบหนีจากกระบี่บินสามสีได้

ค้างคาวสยายปีกออกส่งเสียงดังสนั่น พลังกล้าแกร่งจากปีกทั้งสองข้างผลักร่างอวตารให้ถอยหลังออกห่าง กระบี่บินสองเล่มกระเด็นไปไกล แต่ร่างอวตารก็ยื้อค้างคาวไว้ได้สำเร็จ ทำให้มันต้องปล่อยการโจมตีสวนกลับ เปิดโอกาสให้กระบี่บินอีกเล่มพุ่งปักเข้าที่ปีกข้างขวา!

เสียงร้องโหยหวนดังก้องในอากาศ ค้างคาวรีบถอยกลับไปพร้อมจ้องหวังเป่าเล่อเขม็งด้วยความหวาดกลัว

น่าเสียดาย ถ้าสำเร็จวิชาขั้นที่สามของกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลง ข้าจะสามารถสลับที่กับร่างอวตารและสังหารอสูรตนนี้ได้! ชายหนุ่มหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย ขณะยืนจ้องศัตรูที่แกร่งกล้าสุดที่เคยพบตั้งแต่มาเยือนสำนักวังเต๋าไพศาล

ทั้งสองประสานสายตากันครู่หนึ่ง แววตาของหวังเป่าเล่อพลันฉายแสงเย็นยะเยือกพร้อมเข้าไปโจมตีอีกครั้ง ทันใดนั้นเสียงตื่นเต้นของกงเต๋าก็ดังขึ้นจากด้านหลัง

“เปิดสิ!”

ด้วยความพยายามของกงเต๋า ในที่สุดประตูหินก็แง้มเปิดออกพร้อมเสียงดังสนั่น ปราณวิญญาณหนาแน่นที่ถูกกักขังไว้ภายในพวยพุ่งผ่านช่องว่างออกมาในทันใด!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset