หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 548 วิชามาร ลักอัคคี!

บทที่ 548 วิชามาร ลักอัคคี!

หวังเป่าเล่อหงุดหงิดจนแทบเสียสติ ตั้งแต่เขาเริ่มเส้นทางการฝึกปราณมา ชายหนุ่มไม่เคยต้องพานพบกับเคล็ดวิชาการฝึกปราณใดที่ทำให้เขาโมโหได้ถึงเพียงนี้ แม้กระทั่งวิชาแห่งศาสตร์มืดก็ยังง่ายดายเมื่อเขาเริ่มซึมซับปราณมืด

วิชาแห่งศาสตร์มืดเช่นนั้นหรือ นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายขึ้นมาวาบหนึ่ง ก่อนหน้านี้เขาเข้าใจไปว่าตนเองขาดตัวเร่งปฏิกิริยา มาบัดนี้ ชายหนุ่มรู้แน่แก่ใจแล้วว่าเขาข้ามขั้นตอนไปขั้นหนึ่งทำให้การฝึกฝนไม่ประสบความสำเร็จ

ข้าคงต้องกลับไปที่ดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้นอีกครั้งหนึ่ง หวังเป่าเล่อยกมือตบหน้าผาก แม้ว่าเขาจะพยายามถามแม่นางน้อยเรื่องความยากลำบากในการฝึกวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิหลายต่อหลายครั้งในช่วงเดือนที่ผ่านมา แต่แม่นางน้อยก็ไม่ยอมตอบคำถามเขาเลย เอาแต่แกล้งหลับอย่างเดียว

หวังเป่าเล่อเริ่มจะรู้ทันแม่นางน้อยในที่สุด ทุกครั้งที่เป็นเรื่องซึ่งนางไม่รู้หรือไม่ต้องการจะเปิดเผย นางก็จะแสร้งทำเป็นว่านอนหลับ

ชายหนุ่มทอดถอนใจ เขาไม่มีทางเลือกนอกจากต้องยุติการฝึกวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิไปก่อน แม้ว่าจะไม่เต็มใจนักแต่ก็ไม่มีทางเลือก หวังเป่าเล่อเริ่มศึกษาวิชาสืบทอดอื่นๆ ที่ได้รับมา อย่างไรเสียตอนนี้ในหัวของเขาก็มีแต่วิชาสืบทอดอยู่มากมายเต็มไปหมด

การเปรียบเทียบสิ่งต่างๆ เป็นธรรมชาติของมนุษย์ ก่อนจะรู้สึกไม่พอใจกับการเปรียบเทียบนั้นๆ หวังเป่าเล่อกำลังเผชิญกับความรู้สึกเช่นนี้อยู่ แม้ว่าเขาจะมีวิชาสืบทอดมากมาย แต่เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว เห็นได้ชัดว่าวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดินั้นก็ยังทรงพลังเหนือวิชาสืบทอดอื่นใดอยู่ดี!

วิชาสืบทอดที่พลังด้อยกว่าวิชาสืบทอดเกราะจักรพรรดิอยู่เล็กน้อยมีชื่อว่า วิชาลักอัคคี วิชานี้ไม่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพราะหวังเป่าเล่อได้รับสืบทอดมาเพียงส่วนเดียว แต่เป็นเพราะ…มันไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่ต้น กระทั่งผู้ที่ส่งต่อวิชานี้ให้เขาก็ยังไม่มีวิชารูปแบบสมบูรณ์

วิชานี้เป็นเคล็ดวิชาฝึกตนที่ชั่วร้ายเป็นอย่างยิ่ง ทุกๆ ครั้งที่ผู้ฝึกสังหารคนหนึ่งคน เขาจะขโมยพลังชีวิตและเจตจำนงของเหยื่อมาและซึมซับเข้าไว้ในกายตน หลังจากนั้นก็จะต้องฆ่าฟันคนต่อไป…ผลข้างเคียงก็ใหญ่หลวงนัก ผู้ฝึกจะค่อยๆ สูญเสียจิตใจของตนไปช้าๆ จนสุดท้ายก็จะต้องเข่นฆ่าไปเรื่อยๆ เพื่อสงบจิตใจ หรือหากแพ้แก่ดวงจิตมากมายที่อาศัยอยู่ในใจตนเอง ก็จะเสียสติไปโดยสิ้นเชิง ร่างกายและวิญญาณจะถูกทำลายจนหมด ท้ายที่สุดก็จะต้องฆ่าตัวตาย

ผู้ที่ส่งวิชานี้ต่อให้เขาฝึกมันเพียงระดับแรกๆ เท่านั้น เขาไม่กล้าฝึกต่อ จึงสามารถรักษาสติสัมปชัญญะของตนเอาไว้ได้ วิชาสืบทอดนี้มีพลังน่าประทับใจทีเดียว เป็นเหตุให้สำนักวังเต๋าไพศาลเก็บมันเอาไว้ในดวงเนตรแห่งวิชาไม่รู้สิ้น

วิชาลักอัคคี… หวังเป่าเล่อส่ายศีรษะ เขาไม่กล้าแม้แต่จะคิดลองวิชาสืบทอดที่ชั่วร้ายถึงเพียงนั้น ทว่าหลังจากที่ใคร่ครวญอยู่พักใหญ่ ชายหนุ่มก็เริ่มลังเล เพราะอย่างไรเสียเขาก็ไม่สามารถฝึกวิชาสืบทอดที่แข็งแกร่งที่สุดอันดับหนึ่งและอันดับสองให้ปรุโปร่งได้…โชคยังดีที่การศึกษาขุนพลอักขระเวทโบราณนั้นรุดหน้าด้วยดี การฝึกฝนควบคุมเหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญของเขาเป็นไปอย่างราบรื่นพอใช้แม้ว่าจะยังไม่เข้าใจมันได้เต็มที่เพราะระบบที่แตกต่างกันก็ตาม

แม้หวังเป่าเล่อจะควบคุมเหรียญทองแดงได้เพียงเหรียญเดียว และยังไม่อาจเรียกหุ่นเชิดขุนพลอักขระเวทโบราณซึ่งเทียบเท่าระดับจุติวิญญาณออกมาได้ แต่ชายหนุ่มก็เข้าใจผนึกทั้งแปดที่อยู่ด้านหลังของเหรีญทองแดงทั้งหมดแล้ว

มันเป็นคาถาที่ช่วยให้เหรียญทองแดงสร้างผนึกได้ และหวังเป่าเล่อตั้งใจจะใช้มันเป็นอาวุธลับในกรณีที่เข้าตาจนจริงๆ

ตลอดช่วงหนึ่งเดือนที่ผ่านมา หวังเป่าเล่อผู้หงุดหงิดใจยังค้นพบอีกว่าเจ้าลาแอบย่องออกไปเงียบๆ อีกหลายครั้งหลายครา มันจะหายไปครั้งละหลายๆ วัน แล้วจึงกลับมาด้วยสีหน้าอิ่มเอมใจ หวังเป่าเล่อแปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ชายหนุ่มอาจไม่คิดใส่ใจนักหากเรื่องมีเท่านี้ เขาคงสรุปว่าเจ้าลาไปพบชู้รักเพียงเท่านั้น

แต่หวังเป่าเล่อก็พบว่าระดับการฝึกปราณของเจ้าลาเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวีคูณ วันหนึ่งมันกลับมาด้วยปราณขั้นรากฐานตั้งมั่นชั้นสมบูรณ์ ทำเอาหวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกตะลึง

เกิดอะไรขึ้นกันนะ หรือว่ามันจะไม่ได้เจอชู้รัก แต่ไปเจอสมบัติล้ำค่ามา หวังเป่าเล่อเริ่มหายใจแรง ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าลาระมัดระวังตัวมาก เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้พลางลอบสังเกตมันอยู่อย่างลับๆ ไม่กี่วันต่อมาในคืนหนึ่ง เจ้าลาลอบเดินกลับลงไปในทะเลเพลิง เงาของหวังเป่าเล่อปรากฏขึ้น ณ จุดที่เจ้าลาหายลับไป ชายหนุ่มปกปิดตัวตนและลอบตามเจ้าลาไปเงียบๆ

ลาวิ่งตะลุยผ่านทะเลเพลิงไป ดูเหมือนมันจะคุ้นชินกันสิ่งรอบข้างเป็นอย่างดี มันจะหยุดเป็นพักๆ เพื่อมองดูรอบตัวอย่างระแวดระวัง ทำกระทั่งหันหัวกลับมาดูด้านหลัง ราวกับกังวลว่าจะมีใครตามมา

หวังเป่าเล่อเกือบถูกจับได้

ในที่สุดเจ้าลาก็ฉลาดขึ้นบ้างแล้ว! หวังเป่าเล่อตามหลังมาอย่างเร่งรีบ ชายหนุ่มเองก็ระมัดระวังตัวและสงสัยมากขึ้นทุกขณะเพราะความระแวดระวังตัวของเจ้าลา เขาเห็นเจ้าลาเลี้ยวเข้าไปหลังซากปรักหักพังจำนวนหนึ่ง ก่อนจะอันตรธานไป

หากหวังเป่าเล่อไม่ได้ใช้สัมผัสในฐานะเจ้านายของมัน และเห็นว่าเจ้าลากำลังซ่อนตัวอยู่ในจุดอับสายตาแห่งหนึ่งท่ามกลางซากปรักหักพังพลางลอบดูสิ่งรอบข้าง เขาคงเข้าไปสำรวจในซากปรักหักพังนั้นแล้ว

และหากเข้าไป ชายหนุ่มก็จะถูกจับได้

มันรู้วิธีซุ่มโจมตีด้วยหรือ หวังเป่าเล่อถึงกับตะลึง โทสะเดือดพล่านอยู่ในใจ ตามนิสัยของเจ้าลาที่เขารู้จัก มันจะต้องซ่อนสมบัติล้ำค่าเอาไว้แน่ ไม่มีสาเหตุอื่นใดที่มันจะต้องระวังตัวถึงเพียงนี้

หวังเป่าเล่อตัดสินใจฝึกความอดทน ชายหนุ่มจ้องมองไปยังตำแหน่งที่เจ้าลาซุกซ่อนอยู่ ตั้งใจจะเปิดโปงความลับของมันให้จงได้ เขารออยู่หลายชั่วโมง และขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังประหลาดใจกับความอดทนของเจ้าลา มันก็เคลื่อนไหวอีกครั้ง เจ้าลาออกวิ่งเต็มฝีเท้าลงใต้ดินไป

หวังเป่าเล่อออกตามไปทันที เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ใช้เวลาทั้งคืน เจ้าลาซ่อนตัวตามที่ต่างๆ ในทะเลเพลิง ขุดหลุมแล้วก็ออกวิ่งไป กระทั่งดักซุ่มรออย่างเงียบเชียบและอดทน หากผู้ที่ติดตามมาไม่ใช่หวังเป่าเล่อก็คงโดนเจ้าลาสลัดหลุดหรือไม่ก็เข้าไปโจมตีมันแล้ว แต่หวังเป่าเล่อไม่เพียงรู้จักนิสัยใจคอของมัน เขายังเคยทำอะไรคล้ายๆ เช่นนี้และสำเร็จผลมาก่อน ยิ่งไปกว่านั้น เขายังมีจิตเชื่อมต่อกับเข้าลาอีกด้วย ชายหนุ่มสามารถใช้ความเชื่อมต่อนี้หลบซ่อนให้พ้นความรับรู้ของเจ้าลาได้อีกต่างหาก

นี่เป็นวิธีที่หวังเป่าเล่อใช้ในการตามสะกดรอยเจ้าลาไปตลอดทั้งคืน หลังจากวิ่งไปมาทั้งคืนแล้ว เจ้าลาก็ดูเหมือนจะมั่นใจได้ว่าไม่มีใครตามมา มันจึงค่อยคลายใจและเริ่มวิ่งไปไกลจนกระทั่งไปหยุดอยู่ ณ ซากปรักหักพังแห่งหนึ่ง

บริเวณนี้น่าจะเคยเป็นหุบเขา แต่หลังจากหินผาถล่มและทะเลเพลิงไหลบ่าเข้าท่วมทั้งบริเวณทำให้ตอนนี้ทีนี่เป็นเพียงดินแดนรกร้างว่างเปล่า เจ้าลาดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมันมาถึง มันเริ่มจัดเตรียมสถานที่ด้วยการขุดหลุมขนาดใหญ่ จากนั้นจึงใช้กีบกระทืบลงไปในดิน พลางใช้จมูกสูดดมฟุดฟิดราวกับกำลังหากลิ่นอะไรบางอย่าง

หวังเป่าเล่อแปลกใจและสงสัยเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มซ่อนตัวอย่างมิดชิดอยู่ห่างออกมาระยะหนึ่งและเฝ้ามอง ครึ่งชั่วโมงผ่านไป หลังจากที่โลดเต้นไปมาอย่างลิงโลดใจ เจ้าลาก็กระเสือกกระสนลงไปใต้ดิน จากนั้นอีกไม่นาน มันก็โผล่กลับขึ้นมาพร้อมลากบางสิ่งขึ้นมาด้วย สิ่งนั้นคือ…ศพศพหนึ่ง!

ศพนั้นมีสามหัวหกแขน เป็นสมาชิกคนหนึ่งของตระกูลไม่รู้สิ้นนั่นเอง!

ตรงอกของศพมีรูขนาดใหญ่อยู่บริเวณที่ควรจะเป็นหัวใจ อวัยวะหลายชิ้นของศพหลุดหายและดูเหมือนว่าจะไม่มีวัตถุเวทหรือกระเป๋าคลังเก็บอยู่กับตัว เห็นได้ชัดว่าน่าจะถูกปล้นชิงเอาไปหลายปีมาแล้ว หรือไม่ก็ถูกผู้ที่สังหารชิงไปหลังจากการต่อสู้อันดุเดือดจบสิ้นลง

เหตุใดจึงต้องตื่นเต้นนักหนากับแค่ศพของสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้น หวังเป่าเล่อไม่อาจควบคุมความรู้สึกตื่นเต้นตกใจได้ ชายหนุ่มเคยพบศพคล้ายกันนี้มาก่อน กระทั่งมีเก็บเอาไว้ในกระเป๋าคลังเก็บด้วย ด้วยความสงสัย เขาจึงค่อยๆ เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ ก่อนที่จะมีสีหน้าตื่นตกใจขึ้นมาอย่างกะทันหัน

หลังจากที่เจ้าลาลากศพออกมา มันก็ไม่รอช้า รีบกัดกินแขนของศพดังกร้วม!

มันมีสีหน้าสุขสมใจขณะที่เริ่มเคี้ยวเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ภาพนั้นทำเอาหวังเป่าเล่อผงะด้วยความตกใจ นัยน์ตาเขาเยือกเย็น ชายหนุ่มรู้ดีว่าเจ้าลาตะกละเพียงใด แต่เขาไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งมันจะเที่ยวตามกินเนื้อเน่าของศพเช่นนี้!

เจ้ากินสิ่งมีชีวิตข้ายังพอเข้าใจ แต่จะกินศพไม่ได้!  โทสะเข้าท่วมจิตใจของหวังเป่าเล่อ ชายหนุ่มไม่อาจซ่อนตัวต่อไป เขาพุ่งตัวออกมาอย่างฉับพลัน และเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงสุดเข้าไปหาเจ้าลา

เจ้าลาผู้ซึ่งกำลังเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อยตัวแข็งทื่อเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลัน นัยน์ตาของมันฉายแววความรู้สึกผิดและความกลัว แต่มันก็ไม่รอช้า รีบอ้าปากกว้างราวกับพยายามจะกลืนทุกอย่างเข้าไปในคำเดียว หวังเป่าเล่อผู้เกรี้ยวกราดปราดเข้ามาเตะปากมันด้วยความเร็วสูง

เจ้าลาร้องเสียงหลงเพราะโดนเตะกระเด็นไปทางหนึ่ง แม้ว่ามันจะมีหนังหนา แต่ลูกเตะของหวังเป่าเล่อก็เจ็บใช่เล่น มันกำลังจะหนีแต่หวังเป่าเล่อก็มาปรากฎตัวข้างๆ กาย ก่อนจะคว้าคอมันไว้และลากมาตรงหน้าเขา นัยน์ตาลุกโชนด้วยความโกรธ

“เจ้าทำตัวได้งามหน้าจริงๆ!”

เจ้าลาตัวสั่น พยายามจะประจบประแจงหวังเป่าเล่อ แต่ก่อนที่มันจะได้ทำอย่างใจ ชายหนุ่มก็กดหัวของมันไปใกล้แขนที่รุ่งริ่งของศพก่อนจะกล่าวขึ้นว่า

“เอาสิ กัดเสียอีกคำ” หวังเป่าเล่อยิ้มเยาะ เจ้าลาไม่ได้โง่ แม้ว่ามันจะแอบน้ำลายไหลเมื่อเห็นอาหารอันโอชะตรงหน้า แต่ก็รีบส่ายหัวทันที สีหน้ามันบ่งบอกว่าจะไม่ยอมกัดอีกคำแน่แม้ว่าจะถูกทุบตีก็ตาม

หวังเป่าเล่อจ้องเจ้าลาขณะที่กดหัวมันให้เข้าใกล้แขนของศพขึ้นทุกที ชายหนุ่มกำลังจะพูดอะไรบางอย่างแต่กลับนิ่งขึงไปก่อน เขาจ้องมองแขนที่ถูกกัดกินไปของศพคนตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างสงสัย ก่อนที่จะอุทานออกมาเบาๆ อย่างตกใจและงุนงง

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset