หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 571 ไม่มีใครสนใจ!

บทที่ 571 ไม่มีใครสนใจ!
ณ สนามทดสอบ ขณะหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินประสานสายตาจากไกลห่าง มีคนมากมายรอบตัวได้พ่ายแพ้ไป โจวชู่เต๋าเดินจากไปอย่างไร้ความกังวล ส่วนสวีหมิงยังนอนแผ่อยู่กับพื้น หัวเราะให้กับความขลาดที่ถอยหนีจากการต่อสู้อย่างขมขื่น

บัดนี้ การเคลื่อนย้ายได้เริ่มต้นขึ้น!

มีเสียงระเบิดดังขึ้นจากทั่วทุกทิศของสนามทดสอบ เริ่มต้นจากเสียงเบาๆ จากนั้นก็กลายเป็นเสียงกัมปนาทอย่างรวดเร็ว ราวกับว่ามียักษามหึมากรีดร้องอยู่ในสนามทดสอบ

แผนที่บนฟากฟ้ายามค่ำคืนพลันบิดเบี้ยวเป็นครั้งแรก ผืนพสุธาและภูผาสั่นไหว!

เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าฟ้าดินกำลังพลิกผัน พลังเคลื่อนย้ายบังเกิดขึ้นจากความว่างเปล่า ก่อนจะขยายพลังเต็มขั้นไปทั่วสนามรบในไม่กี่อึดใจ!

การเคลื่อนย้ายครั้งแรกจะชิงกุญแจหนึ่งดอกไปจากทุกคน หากใครไม่มีจ่ายก็จะโดนคัดออก!

สนามทดสอบที่เงียบสงบพลันตกอยู่ในความโกลาหล ผู้เข้าร่วมทดสอบที่ไม่มีกุญแจหลายคนรีบพุ่งไปหาคนมีกุญแจในครอบครองที่ใกล้ตัวที่สุดในทันที!

มีบ้างที่ช่วงชิงมาได้สำเร็จ แต่ส่วนมากก็ล้มเหลว แสงจากการเคลื่อนย้ายส่องระยิบระยับระหว่างฟากฟ้าและผืนดิน กุญแจหายไปดอกแล้วดอกเล่า ก่อนการคัดออกจะเปิดฉากขึ้น

พายุที่มีเพียงกลุ่มคนมีกุญแจเท่านั้นที่จะยืนหยัดต้านทานได้พลันบังเกิด พัดเหล่าคนไม่มีกุญแจหายไปจากสนามทดสอบ

สวีหมิงและโจวชู่เต๋าก็เป็นหนึ่งในนั้น หวังเป่าเล่อเห็นกุญแจของตนถูกพายุการเคลื่อนย้ายช่วงชิงไป โจวชู่เต๋าที่ยืนหันหลังให้ไกลออกไปพลันเลือนรางราวกับกำลังจมหายไปในความว่างเปล่า ขณะที่กำลังจะหายวับไป ชายหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นราวกับตั้งใจจะโบกมือลาหวังเป่าเล่อที่อยู่ด้านหลัง

โบกได้สามครั้งเขาก็หายวับไป

การเคลื่อนย้ายเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วลมหายใจ ผืนดินและท้องฟ้ากลับสู่สภาพปกติเมื่อการเคลื่อนย้ายจบลง แผนที่บนฟากฟ้ายามค่ำคืนชัดแจ้งเด่นชัดขึ้นอีกครั้ง แต่กุญแจที่ฉายอยู่บนนั้นหายไปมากเลยทีเดียว!

หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึกขณะมองดูแผนที่บนฟากฟ้ายามค่ำคืน ทันใดนั้นเสียงของเจ้าเยี่ยเหมิงก็ดังขึ้น

“คนที่ไม่มีกุญแจจะถูกกำจัดทิ้งทุกๆ การเคลื่อนย้าย จากนั้นก็จะมีผู้ฝึกตนไม่มีกุญแจกลุ่มใหม่เกิดขึ้น มีแค่ช่วงเวลานี้เท่านั้นที่จะรู้ว่าเหล่าคนไม่มีกุญแจซ่อนตัวอยู่ตรงไหน!”

“เพราะทุกจุดบนแผนที่ที่มีกุญแจจะมีคนไม่มีกุญแจไปอยู่ตรงนั้น!” เจ้าเยี่ยเหมิงพูดขึ้นพร้อมกับยกมือขวาขึ้นโบก เรียกเข็มทิศส่องแสงรางๆ ก่อนจะปรากฏแผนที่ขึ้น!

“ข้าตรวจดูทุกจุดที่กุญแจหายไปก่อนหน้า แต่ละจุดบนแผนที่คือจุดที่มีผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ไม่มีกุญแจ เราสามารถคาดการณ์การเคลื่อนไหวของพวกเขาได้!” เจ้าเยี่ยเหมิงอธิบายพร้อมกับชี้มือซ้ายไปทางเข็มทิศ ทันใดนั้นจุดแสงมากมายก็ปรากฏขึ้นบนแผนที่

จุดแสงแต่ละจุดคือพิกัดของเหล่าผู้เข้าร่วมการทดสอบที่ไม่มีกุญแจตามการคาดการณ์ของเจ้าเยี่ยเหมิง มีจุดแสงสามจุดอยู่รอบตัวพวกเขาตอนนี้!

“จะจัดการอย่างไรดี” เจ้าเยี่ยเหมิงหันมองหวังเป่าเล่อพร้อมกับถามขึ้นว่าจะทำอย่างไรกับกลุ่มคนไม่มีกุญแจสามจุดใกล้ตัว

“ไม่ต้องสนใจก็ได้นี่…” หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างขณะพูด เขามองไปยังจุดหนึ่งจากอีกสามจุดพร้อมกับยกมือขวาขึ้นโบก ทันใดนั้นกระบี่บินสามสีก็ปรากฏขึ้น ก่อนจะพุ่งไปยังอีกสองจุดที่เหลือ

มีผู้ฝึกตนพุ่งออกมาจากแต่ละจุดทันทีที่กระบี่บินสามสีพุ่งแหวกอากาศตรงไป ผู้ฝึกตนสองคนรีบวิ่งหนีไปโดยไม่หันกลับมามอง แต่ความเร็วของพวกเขาก็ด้อยกว่ากระบี่บิน เสียงกรีดร้องโหยหวยดังขึ้นตามมา ก่อนทั้งสองจะร่วงลงพื้น

ชายหนุ่มไม่ได้ฆ่าพวกเขา เพียงแค่จัดการให้ไม่สามารถหนีไปได้ไกลจากพื้นที่นี้ในวันต่อไป

กระบี่บินสามสีพุ่งกลับมาหลังจากนั้น หวังเป่าเล่อเดินไปยังตำแหน่งจุดแสงที่สาม เมื่อเข้าไปใกล้ก็เห็นคนผู้หนึ่งนั่งหัวเราะอย่างขมขื่นอยู่ตรงนั้น ไม่ได้หนีไปไหน คนผู้นั้นหันมองชายหนุ่มอย่างไม่เชื่อสายตาตนเอง

“เป่าเล่อ…เจ้า…”

เมื่อเห็นใบหน้าแสนคุ้นเคย อ้วนกลมไม่ต่างกัน หวังเป่าเล่อก็ผุดยิ้มขึ้น

“ศิษย์พี่หยุนเพียวจื่อ…”

คนผู้นั้นคือหยุนเพียวจื่อ เขาตื่นตะลึงหนักเมื่อได้เห็นการต่อสู้ของหวังเป่าเล่อและโจวชู่เต๋า ไม่สามารถเชื่อมโยงภาพหวังเป่าเล่อในหัวและชายที่อยู่เบื้องหน้าได้

ผู้อยู่เบื้องหน้าแกร่งกล้าเกินกว่าที่คิดไว้ไปมากโข ส่งให้ตนรู้สึกห่างเหินกับชายเบื้องหน้าไปไกล

“ข้าจัดการกับพวกไม่มีกุญแจแถวนี้หมดแล้ว ออกจากตรงนี้ไปโปรดระวังตัวด้วย” หวังเป่าเล่อรู้ว่าหยุนเพียวจื่อกำลังคิดเช่นไรอยู่ อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงความห่างเหินในแววตาอีกฝ่าย จึงพูดขึ้นหลังจากเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะหันไปมองเจ้าเยี่ยเหมิง

เจ้าเยี่ยเหมิงเข้าใจเจตนารมณ์ของหวังเป่าเล่อ นางหยิบเอากุญแจดอกหนึ่งออกมาวางตรงหน้าหยุนเพียวจื่อ

“หยุนเพียวจื่อ ไว้เจอกันที่สำนัก ข้าขอตัวก่อน” หวังเป่าเล่อกุมหมัดให้หยุนเพียวจื่อก่อนจะยิ้มและกลับออกไปพร้อมเจ้าเยี่ยเหมิงกับกงเต๋า กงเต๋าหันมองหยุนเพียวจื่อด้วยแววตาสงสัยก่อนจะหันเดินกลับออกไป

เขารู้ว่าตอนแรกหวังเป่าเล่อตั้งใจจะปล่อยสองคนที่ไม่มีกุญแจไป แต่ก็ลงมือจัดการให้เพราะหยุนเพียวจื่อ

อาจบอกได้ว่าชายหนุ่มทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการจะให้กุญแจกับหยุนเพียวจื่ออย่างปลอดภัย กงเต๋านึกสงสัยขึ้นมาเนื่องจากพวกตนเป็นคนจากสหพันธรัฐจึงเป็นการยากที่จะเชื่อมไมตรีจิตรกับศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลได้ เว้นเสียแต่จะมีอะไรบางอย่างตรงกัน

ที่หยุนเพียวจื่อสนิทกับหวังเป่าเล่อได้ก็เป็นเพราะความใจกว้างและรายได้จากเรือวิญญาณของหวังเป่าเล่อ เป็นความสัมพันธ์แบบด้านเดียว ไม่สามารถผ่านพ้นการทดสอบนี้ไปได้

หยุนเพียวจื่อเงียบไปขณะมองกุญแจในมือ ผ่านไปสักพัก เขาก็ก็เงยหน้ามองแผ่นหลังของพวกหวังเป่าเล่อ ก่อนจะยืนขึ้นพร้อมกับตะโกนออกไป “เป่าเล่อ!”

หวังเป่าเล่อหยุดอยู่กลางอากาศพร้อมกับหันมามองหยุนเพียวจื่อ

“เมื่อครู่ ตู้กูหลินได้สู้กับสวีหมิง เจ้าก็…ระวังตัวด้วย”

ได้ยินเช่นนั้น หวังเป่าเล่อก็หยุดคิดสักพักก่อนจะยกมือขึนโบกพร้อมกับยิ้มให้ จากนั้นก็กลับออกไป หยุนเพียวจื่อมองกลุ่มคนเบื้องหน้าทะยานออกไปไกลห่าง ก่อนจะก้มมองกุญแจในมือด้วยแววตาเคารพยกย่อง

ความรู้นี้ไม่ได้มาจากที่หวังเป่าเล่อหยิบยื่นกุญใจมาให้ แต่เป็นการที่อีกฝ่ายจัดการกับผู้ไร้กุญแจอีกสองคนเพื่อตนเองโดยเฉพาะ

ขณะเดียวกันก็ตระหนักขึ้นว่าความแตกต่างระหว่างตนและอีกฝ่ายไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถ แต่ยังแตกต่างในด้านทัศนคติ!

เขาไม่ได้สนใจเรื่องกุญแจหรือกฏกติกาอะไร ทั้งสองสิ่งไม่ได้สำคัญเลยสำหรับเขาและศิษย์คนอื่นๆ พวกเขาไม่ต้องทำตามกฏเพราะกฏของพวกเขามีเพียงหนึ่ง!

นั่นคือ…กำจัดคู่ต่อสู้คนอื่นๆ ทิ้งและเหลือรอดเป็นคนสุดท้าย หยุนเพียวจื่อมองกุญแจพร้อมกับตรึกตรองสิ่งต่างๆ เขาเงยหน้าขึ้นถอนหายใจยาวก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น

เสียงหัวเราะขมขื่นถูกแทนที่ด้วยท่าทีไร้กังวล ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินออกไปอีกทาง ทิ้งกุญแจไว้เบื้องหลัง เขารู้ว่าเป็นเรื่องเปล่าประโยชน์ที่ตนจะดิ้นรนต่อไปในการทดสอบนี้ ที่ต้องทำคือหาสถานที่ทำสมาธิรอกลับออกไปในการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป

ไม่ใช่การทดสอบสำหรับคนธรรมดาเช่นข้าอีกต่อไป หยุนเพียวจื่อส่ายหัวพร้อมกับเดินหายลับไป กุญแจส่องแสงเป็นประกายอยู่ตรงพื้นแต่กลับไร้ซึ่งคนสนใจ

ห่างออกไปไกล เจ้าเยี่ยเหมิงเป็นผู้แรกที่รู้ว่าได้เกิดอะไรขึ้น นางมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีเห็นกุญแจหยุดนิ่งไม่ไหวติง แม้จะไม่ได้เห็นกับตา แต่ก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก นางก็หันมายิ้มให้กับหวังเป่าเล่อ

“เป่าเล่อ เพื่อนเจ้ารู้จักคิดตัดสินใจ ไม่ธรรมดาเลย”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset