หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 574 สองยอดเขา หนึ่งภูผา!

บทที่ 574 สองยอดเขา หนึ่งภูผา!
หวังเป่าเล่อมองตู้กูหลินจัดการคนอื่นๆ บนแผนที่ ก่อนจะหัวเราะขึ้นหลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง

“ดีเหมือนกันที่จัดการคนที่เหลือให้!” ผลลัพธ์จากการต่อสู้ครั้งนี้ส่งผลให้เกิดศึกที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ระหว่างตู้กูหลินและหวังเป่าเล่อ ที่ตู้กูหลินจัดการเก็บกวาดคนอื่นๆ ให้พ้นทางก็เพราะไม่ต้องการให้ใครมายุ่งวุ่นวาย หวังเป่าเล่อเองก็คิดว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียวและลุกยืนขึ้น

“พวกเราก็มาจัดการเก็บกวาดพวกที่เหลือด้วยดีกว่า เล็งคนจากฝ่ายเขาเป็นหลัก!” พูดจบ ชายหนุ่มก็ทะยานขึ้นฟ้า เจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋าตามหลังไปไม่ห่าง ทั้งสามมุ่งหน้าไปทุกจุดบนแผนที่ที่มีกุญแจ

แผนที่เริ่มโล่งขึ้นเรื่อยๆ จากการเคลื่อนไหวของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินที่อยู่คนละทิศ!

กลายเป็นประสบการณ์อันขมขื่นของเหล่าศิษย์ของเฟิ่งชิวหรันและเมี่ยเลี่ยจื่อ ก่อนหน้านี้ หวังเป่าเล่อเป็นเพียงแค่คนไม่สำคัญในสายตาของพวกเขา แต่ในการทดสอบนี้ ชายหนุ่มกลับกลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง สามารถล้มโจวชู่เต๋าลงได้และก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในสองยอดฝีมือของสนามทดสอบแห่งนี้

ผู้ฝึกตนฝ่ายเมี่ยเลี่ยจื่อต่างตื่นตกใจเมื่อเห็นหวังเป่าเล่อ แม้พวกเขาจะพยายามดิ้นรน แต่ก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่าจากความสามารถของตนเองคงเป็นไปไม่ได้ที่จะผ่านการทดสอบนี้ แต่ลึกๆ ก็ยังหวังว่าอาจจะบังเอิญโชคช่วยพาขึ้นไปติดสามอันดับบน

ยิ่งถ้าเกิดหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินเกิดพลาดท่า ก็อาจจะมีโอกาสขึ้นไปถึงที่สอง แต่ตอนนี้ก็ได้รู้แล้วว่าทั้งคู่คงไม่เปิดโอกาสให้เป็นเช่นนั้น!

การ ‘เก็บกวาด’ ที่ว่านี้จึงเป็นเพียงแค่การรวมรวบกุญแจ ไม่ว่าจะเป็นคนจากฝั่งเมี่ยเลี่ยจื่อหรือฝั่งเฟิ่งชิวหรันต่างไม่มีใครโง่ขนาดจะคิดขัดขืน เมื่อหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินตามมาเจอเข้า พวกเขาก็จะมอบกุญแจให้อย่างง่ายดาย

แต่ในหมู่ศิษย์เหล่านี้ก็ยังมีคนที่ไม่ได้ฉลาดเท่าไหร่อยู่ เมื่อเจอกับคนจำพวกนี้ ตู้กูหลินกับหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ฆ่าทิ้งแต่อย่างใด เพียงแค่หักขาให้พิการไป

เมื่อมองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีจะเห็นดาวที่แสดงจุดของชายหนุ่มทั้งสองกำลังเก็บกวาดพื้นที่บริเวณของตนอยู่ห่างกันออกไป สามชั่วโมงต่อมา ศิษย์ฝ่ายเมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรันก็ค่อยๆ เสียกุญแจที่มีไปจนหมด

ศิษย์ฝั่งโยวหรันเองก็ยอมจำนนไม่ต่างกัน แม้พวกเขาจะเป็นกลาง แต่ด้วยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ทำให้รู้ว่าเป็นการประโยชน์ที่จะดิ้นรนในการทดสอบนี้ต่อไป ทุกคนเป็นเพียงแค่มือใหม่ การช่วยยอดฝีมือทั้งสองถือเป็นการแสดงคุณค่าของตนเองอย่างหนึ่ง!

ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นหวังเป่าเล่อหรือตู้กูหลินก็จะไม่ขัดขืน และเอากุญแจออกมายื่นให้อย่างอ่อนน้อม เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้เรื่อยๆ จนเหลืออีกเพียงหนึ่งชั่วโมงจะถึงการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป กุญแจที่กระจัดกระจายบนแผนที่ก็หายวับไปหมด

เหลือเพียงดาวสองดวงที่ส่องประกายจากกุญแจมากมายมารวมตัวกัน และเหล่าผู้ไร้กุญแจที่รอคอยการเคลื่อนย้ายมาถึง

ตอนนี้พวกเขาต่างเงยหน้ามองแผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีและรอคอยอย่างเงียบเชียบ

หวังเป่าเล่อเงยหน้ามองฟ้า ก่อนจะหันมามองเจ้าเยี่ยเหมิงและกงเต๋า

เจ้าเยี่ยเหมิงหยิบกุญแจทั้งหมดที่มีออกมาให้อย่างไม่ลังเลใจ กงเต๋าสูดหายใจลึกก่อนจะหยิบเอากุญแจออกมาให้เช่นกัน

“เป่าเล่อ เจ้าต้องชนะให้ได้!” กงเต๋าเอ่ยเสียงทุ้ม

เจ้าเยี่ยเหมิงผุดยิ้มขึ้น สายตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หวังเป่าเล่อหันมองทั้งสองและเก็บเอากุญแจทั้งหมดมา ก่อนจะพูดขึ้นอย่างใจเย็น

“เดี๋ยวกลับไปเจอกันข้างนอก!” พูดจบ เขาก็หันหลังกลับและเหาะขึ้นไปกลางอากาศ จากนั้นก็ปลดปล่อยความเร็ว ออกตัวทะยานเหมือนดังดาวหาง มุ่นหน้าไปทางทิศเหนือที่ตู้กูหลินอยู่!

ตู้กูหลินที่นั่งสมาธิอยู่บนก้อนหินพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความปราถนาอยากสู้รบ ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเอง

“เจ้าผู้ที่ล้มโจวชู่เต๋าลงได้…ข้าอยากรู้ว่าเจ้าจะมีความสามารถพอที่จะทำให้ข้าต้องปล่อยพลังเทพที่สองหรือไม่!” ตู้กูหลินยิ้มและลุกยืนขึ้น ก่อนจะพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า มุ่งหน้าตรงไปหาหวังเป่าเล่อ

ผู้หนึ่งมาจากทางทิศเหนือ ผู้หนึ่งมาจากทางทิศใต้ ทั้งสองทะยานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ทุกคนที่อยู่ในสนามรบต่างตื่นตกใจ แม้จะไม่ผ่านการทดสอบ แต่แค่ได้เป็นสักขีพยานร่วมชมการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือทั้งสองก็ถือว่าคุ้มค่ามากแล้ว

เพราะศึกครั้งนี้เป็นการแย่งชิงกันเป็นอันดับหนึ่งของศิษย์สำนักวังเต๋าไพศาลและผู้ฝึกตนจากทางสหพันธรัฐ!

พวกเขาต่างหวังให้ตู้กูหลินเป็นผู้ชนะ แต่ก็ตระหนักถึงความเก่งกาจของหวังเป่าเล่อด้วยเช่นกัน จึงบอกได้ยากว่าท้ายที่สุดแล้วใครจะเป็นผู้ชนะ!

หวังเป่าเล่อและตู้กูหลินเข้าใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ ต่างมุ่งหน้าไปยังบริเวณที่ทั้งสองจะเผชิญหน้ากัน จากความเร็วของทั้งคู่แล้ว ไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะประเมินหาว่าทั้งสองจะไปพบกันที่ใด

ขณะที่ศึกระหว่างหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินกำลังจะเริ่มขึ้น และคนมากมายได้ไปรวมตัวกัน ในลานกว้างก็เต็มไปด้วยเสียงถกเถียงวุ่นวาย ทุกคนต่างจับตาดูร่างของหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินที่กำลังทะยานแหวกท้องนภาผ่านหน้าจอขนาดใหญ่!

ทั้งสองพุ่งเข้าหากันอย่างรวดเร็วจนเกิดเสียงดังสนั่นอย่างต่อเนื่อง ผืนฟ้าแทบจะแหวกออกเพราะทานทนความเร็วไว้ไม่ไหว

พลังแกร่งกล้าทวีคูณพุ่งขึ้นขณะทั้งคู่พุ่งทะยานตรงไป!

“พวกเขาพร้อมสู้เต็มที่!”

“ศึกทั้งสองครั้งที่ผ่านมา ตู้กูหลินใช้เพียงแค่กระบวนเวทเดียว ช่างไร้เทียมทานเสียจริง ส่วนเกราะสีโลหิตที่หวังเป่าเล่อใช้จัดการโจวชู่เต๋าก็น่าเกรงกลัวไม่แพ้กัน!”

“ถ้าเกราะสีโลหิตของหวังเป่าเล่อสามารถทนได้นาน ผลก็อาจจะเปลี่ยนแปลงไปได้ แต่ถ้าทนไม่ได้ ตู้กูหลินก็จะกลายเป็นผู้ชนะอย่างแน่นอน!”

เหล่าศิษย์ในลานกว้างต่างถกเถียงกันอย่างดุเดือด กลุ่มพันธุ์กล้าใจเต้นระส่ำ ความรู้สึกมากมายผสมปนเปจนกลายเป็นความวิตกกังวล

ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณจากสำนักวังเต๋าไพศาลก็ตื่นตกใจไปเพราะทั้งหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินต่างได้แสดงฝีมือเทียบเท่ากับขั้นจุติวิญญาณให้ได้ประจักษ์

ประสบการณ์ของพวกเขาเหนือชั้นกว่าเหล่าศิษย์ขั้นกำเนิดแก่นในอยู่มาก พอได้เห็นฝีมือการต่อสู้ของทั้งสองก็ได้ข้อสรุปอยู่ในใจ

“หวังเป่าเล่อจะเป็นฝ่ายแพ้”

“เขายังอยู่ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นกลาง ส่วนตู้กูหลินอยู่ขั้นกำเนิดแก่นในชั้นสมบูรณ์!”

“ศึกระหว่างคนสองคน ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญ แต่ถ้าทั้งสองฝ่ายมีฝีมือทัดเทียมกัน ก็ต้องวัดกันว่าใครจะอึดกว่ากัน!” กลุ่มผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณร่วมประเมินสถานการณ์ เฟิ่งชิวหรันสูดหายใจลึกขณะหันมองเมี่ยเลี่ยจื่อ

“เมี่ยเลี่ยจื่อ ถึงขั้นนี้ต้องยุติการต่อสู้แล้ว”

“ถึงจะทำตามกฏ เราก็ต้องรอให้จบการเคลื่อนย้ายครั้งต่อไป ยังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมง ผู้อาวุโสชิวหรัน เจ้าดูกังวลเกินไปแล้ว” เมี่ยเลี่ยจื่อเอ่ยปฏิเสธเสียงเรียบ

เฟิ่งชิวหรันเห็นความคาดหวังในสายตาศิษย์รอบกาย พอหันมองหวังเป่าเล่อและตู้กูหลินผ่านทางจอ ก็พบกับความปราถนาอยากสู้รบอันแรงกล้า จึงนิ่งเงียบไป

บรรดาผู้ชมต่างจับจ้องสนามทดสอบไม่วางตา ห้านาทีต่อมา แผนที่บนฟากฟ้ายามราตรีก็ปรากฏภาพดาวสองดวงจากทิศเหนือและทิศใต้เข้าปะทะกันในที่สุด!

อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญ หรือชะตาได้กำหนดไว้ก็ไม่ทราบเมื่อทั้งสองได้มาเผชิญหน้ากัน ณ ภูเขาสองยอด!

ภูผาสองยอดเขาตั้งสูงเฉียดฟ้าอย่างองอาจ!

หวังเป่าเล่อปรากฏตัวบนยอดเขาด้านขวาพร้อมกับเสียงดังสนั่น ขณะที่ตู้กูหลินลงเหยียบบนยอดเขาด้านซ้าย เป็นดังเทพลงมาจุติ ห่างจากอีกฝ่ายไม่ถึงสามร้อยเมตร!

“หวังเป่าเล่อ!”

หวังเป่าเล่อจ้องกลับ ประสานสายตา พลันรอบกายทั้งสองก็เกิดเสียงดังสนั่นสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ

“ตู้กูหลิน!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset