หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 578 คลายผนึก!

บทที่ 578 คลายผนึก!
สถานการณ์พลิกผัน!

ผู้ชมรอบๆ และผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลด้านนอกอ้าปากค้าง ศึกระหว่างตู้กูหลินและหวังเป่าเล่อพลิกผันกลับไปกลับมา ตอนแรกตู้กูหลินเหมือนจะขึ้นนำอยู่ กดดันหวังเป่าเล่อได้มากทีเดียว

เหล่าผู้ฝึกตนจากนอกโลกรู้จักเกราะเส้นปราณสีโลหิตที่ใช้จัดการโจวชู่เต๋าของหวังเป่าเล่อดี พวกเขาเห็นว่าชายหนุ่มไม่ยอมปลดปล่อยออกมาสักทีแม้จะเข้าตาจน บางคนคิดไปว่าอาจจะมีข้อด้อยจึงไม่ใช้ เพราะขนาดโดนดอกไม้ห้าสีสูบเลือดหักกระดูกไปจนจะแพ้ก็ไม่ยอมใช้!

แต่สถานการณ์ก็กลับตาลปัตรจนทุกคนตื่นตะลึงไป ไม่รู้ทำไมกลีบสีดำจึงเปลี่ยนพวกเสียอย่างนั้น!

การทรยศครั้งนี้เป็นปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์แปรเปลี่ยน หวังเป่าเล่อใช้โอกาสนี้ปล่อยพลังทั้งหมดเพื่อทำลายล้างทุกสิ่ง เกราะสีโลหิตนี่ไม่ได้เห็นเสียทีก็พลันปรากฏ ระหว่างเข้าโจมตีก็ชิงกลีบดอกไม้ที่เหลืออยู่กลีบสุดท้ายไป แถมยังสร้างความเสียหายรุนแรงจากหมัดทั้งสองได้อีก!

หมัดที่ปล่อยไปทำให้ตู้กูหลินกระอักเลือดกองใหญ่ ทรวงอกถูกทะลวง ร่างหล่นกระแทกพื้น หวังเป่าเล่อพุ่งตามไปราวกับหอกแหลม เตรียมเข้าโจมตีต่ออีกครั้ง!

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้ทุกคนที่จับตาดูอยู่หายใจถี่รัว แต่ไม่ทันจะได้ส่งเสียงฮือฮา ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็หรี่เล็กเมื่อสัมผัสได้ถึงพลังที่แผ่พุ่งออกมาจากตู้กูหลินที่ร่วงอัดภูผาตรงหน้า

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่หยุดรอ แสงเย็นเยียบสว่างวาบขึ้นในตาขณะพุ่งเข้าไปใกล้ตู้กูหลิน ส่งกำปั้นพุ่งไปตรงทรวงอกที่ถูกทะลวงไว้ก่อนหน้า

ทันใดนั้น ตู้กูหลินก็ลืมตาขึ้น ดวงตาของเขาเปลี่ยนเป็นสีทองจางๆ แสงที่ส่องประกายออกมาแฝงไปด้วยความแกร่งกล้าและความคึกคะนอง!

“ผนึกที่หนึ่ง จงคลายออก!”

สิ้นคำ พลังทรงอำนาจก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างของตู้กูหลินในทันใด ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง ยกมือขวาที่ส่องแสงสีทองแบบเดียวกันขึ้นต่อยหวังเป่าเล่อที่กำลังพุ่งเข้ามา!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น หวังเป่าเล่อแค่นเสียงทางจมูกขณะถูกส่งถอยหลังไปไกล เกราะจักรพรรดิลักอัคคีส่องแสงสีเลือดขณะที่ชายหนุ่มพุ่งตรงกลับไปหาตู้กูหลินที่กำลังพุ่งมาโจมตีอีกครั้ง!

หมัดทั้งสองเข้าปะทะกันกลางอากาศส่งร่างของทั้งคู่หล่นกระแทกยอดเขา ก่อนจะลุกขึ้นกระโจนเข้าใส่กันอีกครั้งภายใต้แผนที่บนฟากฟ้ายามราตรี ผ่านไปพักหนึ่ง ผืนพสุธาเบื้องล่างถูกทลายย่อยยับ ภูผารอบข้างสั่นไหว มีเพียงยอดเขาแฝดที่ยังตั้งตระง่านเพราะชายทั้งสองพยายามหลบเลี่ยง

ในช่วงห้านาทีที่ผ่านไปนั้น หวังเป่าเล่อและตู้กูหลินลืมไปและว่าได้ปล่อยหมัดไปมากเท่าใดแล้ว ทั้งสองสู้กันสุดความสามารถ แม้จะหายใจถี่รัว แต่ไฟนักสู้ก็ยังลุกโชนโชติช่วงไม่แปรเปลี่ยน

และจะไม่ดับแสงจนกว่าจะหาผู้ชนะได้!

“เอาอีก!” หวังเป่าเล่อหัวเราะขึ้นขัดเสียงระเบิดดังสนั่นพร้อมกับแลบลิ้นเลียเลือดสดตรงมุมปาก เขาพุ่งเข้าไปหาตู้กูหลินที่กำลังขมวดคิ้วอยู่อีกครั้ง แม้จะเพลิดเพลินกับศึกครั้งนี้มาโดยตลอด แต่ก็ต้องตื่นตะลึงอยู่หลายครั้ง

ความสามารถของเขาเพิ่มขึ้นมากหลังจากคลายผนึกแรก แต่หลังจากโจมตีอย่างต่อเนื่องตลอดห้านาทีก็รู้สึกว่าร่างกายเริ่มตามการต่อสู้ไม่ทัน!

พูดให้ชัดเจนคือร่างกายของเขาฟื้นฟูสภาพได้ไม่เร็วเท่าหวังเป่าเล่อ!

หวังเป่าเล่อสามารถโจมตีได้เรื่อยๆ เพราะร่างกายของเขาฟื้นฟูได้อย่างรวดเร็ว แม้ตู้กูหลินจะสามารถทานทนได้ แต่ถ้าปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป ตนก็จะหมดแรงในที่สุด!

ข้าสู้พลังกายเขาไม่ได้! ตู้กูหลินหรี่ตาพร้อมกับยกมือขวาต่อยไปเต็มแรง ใช้แรงสะท้อนในการถอยไปตั้งหลัก ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังพุ่งตามกลับมาอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มก็หยุดชะงัก พลันแสงดุดันก็สว่างวาบขึ้นในตา เขาตั้งผนึกมือพร้อมกับร้องคำรามขึ้น

“แดงชาด!”

ทะเลเพลิงสีม่วงไหลหลากออกมาจากร่างของเขาทันใดที่พูดจบ เปลวเพลิงสีม่วงลุกโชติช่วง ทั่วพื้นที่ถูกปกคลุมไปด้วยเปลวไฟ ผืนดินหลอมละลาย หินภูผากลายเป็นลาวา ทุกสิ่งถูกไอร้อนเข้าห้อมล้อม!

ห้วงอากาศบิดเบี้ยว ก่อนจะปรากฏให้เห็นเค้าร่างของหงส์ไฟ คลื่นพลังที่เกิดจากการบิดเบี้ยวสร้างเค้าโครงไร้สี โปร่งใสขึ้น!

เปลวเพลิงพวยพุ่งไปแต้มสีให้หงส์ไฟตัวใหญ่ราวสามร้อยเมตร กลายเป็นสีม่วง มันห้อมล้อมตู้กูหลินไว้ภายใน ก่อนจะร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อ!

มองจากไกลๆ เห็นเพียงสีม่วงของหงส์ไฟ ไม่สามารถเห็นตู้กูหลินที่อยู่ภายใน มันสยายปีกพุ่งเข้าใส่เกราะจักรพรรด์พร้อมกับทะเลเพลิงเดือดปะทุ!

ผู้ชมด้านนอกตะลึงงันไป เหล่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณตื่นตกใจเมื่อตระหนักว่าตู้กูหลินได้ปลดปล่อยพลังเทียบเท่ากับขั้นจุติวิญญาณออกมา!

หากเป็นพวกตนก็คงต้องใช้พลังทั้งหมดในการต้านการโจมตีนี้ไว้ บางคนจึงคาดว่าหวังเป่าเล่อจะต้องพ่ายแพ้เป็นแน่!

ขณะที่ทุกคนกำลังจับจ้องหงษ์ไฟ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงที่มองไม่เห็น เขารู้ดีว่าไม่มีทางหลบพ้นได้ จึงร้องคำรามเสียงดังพร้อมกับกำหมัดต่อยออกไป!

หมัดที่ปล่อยออกไปเสริมพลังขึ้นสองเท่าบวกด้วยพลังจากเกราะจักรพรรดิซ้อนขึ้นไปอีกสามเท่า เกราะจักรพรรดิลักอัคคีหดเล็กลงไปถึงร้อยละเจ็ดสิบ!

ก่อนหน้านี้เกราะจักรพรรดิมีขนาดสูงหลายร้อยเมตรแต่ตอนนี้หดเล็กเหลือยี่สิบเมตร พลังจากเกราะจักรพรรดิมารวมอยู่ที่หมัดของเขา!

เบื้องหน้าหงษ์ไฟปรากฏเป็นภาพหมัดมายาขนาดใหญ่ราวสามสิบเมตรพุ่งตรงเข้าใส่ ทันใดที่ทั้งสองสิ่งเจ้าปะทะกัน หวังเป่าเล่อก็กระอักเลือดสดออกมา เกราะจักรพรรดิส่งเสียงปริแตกขณะร่างของเขากระเด็นถอยหลังไป

หงษ์ไฟได้รับความเสียหายหนัก แต่ก็ยังไม่สลายหายไป ตรงอกปรากฏรูกว้าง มันหันมองตู้กูหลินด้วยความตื่นตกใจ

ยังไม่จบแค่นี้หรอก! ตู้กูหลินสูดหายใจลึก สำหรับตนแล้ว หวังเป่าเล่อเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เคยเจอมา สำหรับคู่ต่อสู่ที่แข็งแกร่งเพียงนี้ เขาจะปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีอีกไม่ได้ จึงพุ่งตรงไปหาหวังเป่าเล่อพร้อมกับหงษ์ไฟที่บาดเจ็บสาหัส!

ทันใดที่เขาเข้าไปใกล้ ดวงตาของหวังเป่าเล่อก็ฉายแสงวาบ เขาท่องคาถาขึ้นในหัว

จงเบิกตาตื่น นักโทษแห่งสรวงสวรรค์เต๋า ผู้เป็นปรปักษ์ต้องพบกับความพินาศ…

เคล็ดวิชาแห่งเต๋า!

แม้ชายหนุ่มจะได้รับบาดเจ็บหนัก แต่นี่ก็เป็นรูปแบบการโต้กลับที่เขาคิดเอาไว้ พลังเกินบรรยายตื่นขึ้นจากลึกสุดของจักรวาลขณะหวังเป่าเล่อท่องเคล็ดวิชาในหัว ก่อนจะพวยพุ่งผ่านระบบสุริยะ ตรงมายังกระบี่สำริดเขียวโบราณ เข้ามาในสำนักวังเต๋าไพศาล และลงมายัง…วงแหวนปราณคาถาไร้ขอบเขต!

ตูม!

ฝูงชนด้านนอกหัวตื้อไปหมด พวกเขาล้วนตื่นตกใจ ยิ่งมีระดับการฝึกตนสูง ยิ่งตื่นตกใจหนักขึ้นไปอีก เมี่ยเลี่ยจื่อและเฟิ่งชิวหรันลุกขึ้นยืนพร้อมกับลั่นวาจาขึ้น

“นี่มันพลังอะไรกัน!”

ทุกคนต่างตื่นตกใจจนไม่ทันสังเกตเห็นว่าสหายแห่งเต๋าโยวหรันกระอักเลือดสดออกมาจากปาก แม้จะพยายามต้านทานก็ไม่สามารถทานทนแรงปะทะจนเผยอปากขึ้นเล็กน้อย พลันปากของเขาก็กลายเป็นทรงสี่เหลี่ยม!

เลือดสดหายวับไปในทันใด!

ร่างของตู้กูหลินสั่นเทิ้ม ในหัวอื้ออึงไปหมด พลังปราณปั่นป่วน หงษ์ไฟสลายไปเพราะไม่สามารถทานทนพลังได้ไหว นัยน์ตาของหวังเป่าเล่อฉายแสงเย็นเยียบ เขาพุ่งตรงไปหาตู้กูหลินอย่างรวดเร็วจนเห็นเป็นลำแสง!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset