หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 579 ขีดจำกัด

บทที่ 579 ขีดจำกัด
ทั้งสองปล่อยการโจมตีสวนกันไปมา พลัดกันขึ้นนำ ก่อนพลังกดดันมหาศาลจะปรากฏขึ้นทีนใดพร้อมกับหวังเป่าเล่อที่พุ่งทะยานแหวกอากาศเข้าไปหาตู้กูหลินอีกครั้ง!

เขารวดเร็วจนเหมือนกับว่าได้หายวับไป เมื่อปรากฏตัวขึ้นอีกครั้ง ชายหนุ่มก็ปลดปล่อยแก่นในแห่งความมืดในกาย เรียกเปลวไฟสีดำให้ตื่นขึ้นเพื่อรังสรรค์ทะเลเพลิงออกมาเบื้องหน้า

ทะเลเพลิงสีดำสนิท ไม่มีกลิ่นไอความร้อน มีเพียงความเย็นเยียบที่สามารถผนึกทุกสิ่งอย่างไว้ได้ เกิดเสียงปริแตกหลายครั้ง เหมือนว่าฟ้าดินและช่องว่างระหว่างทั้งสองถูกแช่แข็งไปในพริบตา!

เปลวไฟสีดำทำให้พลังปราณและสติสัมปชัญญะของตู้กูหลินปั่นป่วนหนักขึ้น เขากระอักเลือดสดกองใหญ่อีกครั้ง พยายามคุมร่างถอยห่างจากอีกฝ่าย แต่คู่ต่อสู้กลับตามมาไม่หยุด หวังเป่าเล่อยกมือขวา แววความดุดดันฉายขึ้นในตาขณะท่องคาถาในใจ!

หัตถ์สื่อวิญญาณ!

เคล็ดวิชาแห่งศาสตร์มืดหัตถ์สื่อวิญญาณ!

มือเลือนรางขนาดใหญ่โผล่ออกมาจากหน้าอกของหวังเป่าเล่อในทันใด ราวกับมันได้ผุดออกมาจากนรก เปลวไฟสีดำถูกดึงดูดเข้าหา ลมพัดโหมกระหน่ำ ไม่ได้จะดับไฟให้มอด แต่พัดให้ปะทุแกร่งกล้าขึ้น!

พริบตาต่อมา เปลวไฟสีดำก็ลุกโชติช่วง ลุกลามไปทั่วทุกทิศ หัตถ์สื่อวิญญาณดูดเปลวไฟสีดำเข้าไป ก่อนจะขยายขนาดใหญ่ขึ้นหลายพันเมตร!

แม้หัตถ์มหึมาจะดูเลือนราง แต่ก็แผ่พลังรัศมีกล้าแกร่งขนาดทำให้ตู้กูหลินสั่นเทิ้ม การโจมตีของหวังเป่าเล่อนั้นทั้งดุดันและยากเกินจะคาดเดา หัตถ์สื่อวิญญาณผสานรวมกับเปลวไฟสีดำกลายเป็นหัตถ์ขนาดมหึมาเสริมด้วยพลังแกร่งกล้าจากหวังเป่าเล่อพุ่งเข้าจับตู้กูหลินทันทีที่เคลื่อนเข้าไปใกล้!

ขณะกำลังตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ตู้กูหลินไม่มีเวลาคิดหาวิธีรับมือมากนัก วิกฤตถึงตายตรงหน้าทำให้แสงสีทองในตาแปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด เขาร้องคำรามลั่นเมื่อหัตถ์สื่อวิญญาณเคลื่อนเข้าหา!

“ผนึกที่สองจงคลายออกเป็นเวลาชั่วสิบลมหายใจ!”

ทันใดที่พูดจบ พลังที่สะสมอยู่ในกายมาเนิ่นนานก็ปะทุออกมา เป็นพลังแกร่งกล้าที่มากกว่าครั้งก่อนถึงสิบเท่า ตู้กูหลินกลายเป็นดั่งทะเล พลังของเขาก่อตัวเป็นกระแสลมวนก่อให้เกิดพายุพัดกระจายไปทั่วทุกทิศ!

เกิดเสียงดังสนั่นก้องพื้นพิภพและสรวงสวรรค์ พายุสุมตัวใหญ่ขึ้นราวสามร้อยเมตรพร้อมด้วยพลังมากล้น!

หัตถ์สื่อวิญญาณของหวังเป่าเล่อสั่นเทิ้ม ไม่สามารถบีบมือจับได้ เริ่มจะทลายลง หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงสัญญาณอันตรายจึงถอยกลับไปทันที

ชายหนุ่มพบว่ามีอะไรแปลกไปขณะมองร่างตู้กูหลินที่ลอยขึ้นฟ้ากลางพายุหมุนขนาดใหญ่!

เส้นผมของเขาพัดปลิวไปตามสายลม สีตาไม่ได้เรืองแสงสีทองจางๆ อีกต่อไป แต่ถูกแทนที่ด้วยสีทองอร่ามที่กำลังกระจายแสงออก ส่งให้ทั้งตัวเปล่งแสงสีทอง พลังกดดันมหาศาลพวยพุ่งออกมาจากตู้กูหลินที่ตอนนี้เป็นดั่งเทพแห่งสงคราม!

ภาพเบื้องหน้าไม่ใช่สิ่งเดียวที่ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจไป สิ่งที่ทำให้เขาตื่นตะลึงไปคือตู้กูหลินที่กำลังเปล่งแสงทองอร่ามได้ทำให้พลังกดดันมหาศาลและพายุขนาดใหญ่หายวับไปเพียงแค่ยกมือขวาขึ้น!

ทุกสิ่งหายวับไปหมด ราวกับว่าชายหนุ่มแค่รอยอยู่กลางอากาศ ไม่ได้ปล่อยพลังใดๆ ออกมา สัมผัสวิญญาณของหวังเป่าเล่อไม่สามารถรับรู้ได้ถึงร่องรอยพลัง!

หวังเป่าเล่อหยุดหายใจไป ในหัวส่งสัญญาณเตือนภัยอันตรายร้ายแรงกว่าที่เคยพบก่อนหน้า ร่างกายเต้นกระตุกราวกับจะบอกว่าให้หลบเลี่ยนชายเบื้องหน้าไป!

ผู้ชมรอบๆ และภายนอกต่างตื่นตะลึงไป ยังไม่ทันจะส่งเสียงร้องฮือฮา ตู้กูหลินก็เริ่มขยับตัว!

เขาไม่ได้อ้าปากพูด เพียงแค่ก้าวเท้าออกไปเงียบๆ หวังเป่าเล่ออยากจะหลบหนี แต่ตู้กูหลินก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าในพริบตา!

จากนั้นก็ยกมือขึ้นต่อย!

ภาพหมัดเมื่อครู่เทียบกับภาพหมัดมังกรเก้าเศียรไม่ได้เลยแม้ตาน้อย แต่กลับสัมผัสได้ถึงภัยอันตรายที่มากกว่าเดิมถึงสิบเท่า หวังเป่าเล่อไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ตัวของเขาแข็งทื่อ ราวกับว่าถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องรับหมัดนี้!

ทั้งหมดเป็นเพราะตู้กูหลินได้ปลดผนึกที่สองทำให้พลังทุกอย่างของเขาแข็งแกร่งเกินหวังเป่าเล่อไปมาก!

หวังเป่าเล่อทำได้เพียงยกมือขวาของเกราะจักรพรรดิลักอัคคีขึ้นมาทานการโจมตี พลังทั้งหมดเสริมด้วยพลังจากเกราะจักรพรรดิปะทุขึ้น เมื่อหมัดของตู้กูหลินเข้าปะทะ หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรงเหมือนกับว่าโดนเรือบินพุ่งเข้าใส่ด้วยความเร็วเต็มพิกัด เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น มือขวาของเกราะจักรพรรดิถูกทำลายป่นปี้!

หวังเป่าเล่อกระอักเลือดสด ล่าถอยหลังไปไกลจากแรงปะทะ ยังไม่ทันจะถอยไปได้ไกล ตู้กูหลินก็เข้าประชิดอย่างเงียบเชียบและยกมือขึ้นต่อยหมัดที่สอง!

ครั้งนี้เล็งไปที่ช่วงอกของเกราะจักรพรรดิ เสียงปริแตกดังก้องไปทั่วถูกทิศขณะเกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อแตกเป็นชิ้นๆ หมัดที่สามของตู้กูหลินพุ่งทะลวงทรวงอกของคู่ต่อสู้ที่เผยให้เห็นจากเกราะที่แตกออกอย่างไม่ลังเลใจ!

แรงปะทะรุนแรงจนวิสัยทัศน์ของหวังเป่าเล่อมืดดับ เขากระอักเลือดสด ร่างกายไร้เรี่ยวแรงถูกซัดถอยหลังไป ชายหนุ่มเป็นดั่งว่าวที่ถูกตัดออกจากสาย ร่วงหล่นลงบนยอดเขาที่เป็นตัวแทนของตนเอง!

เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น ภูผาร้าวแตก ส่งหินร่วงกราว หวังเป่าเล่อนอนกองเกือบไร้สติไปอยู่บนยอดเขา เลือดสดไหลออกจากปากไม่หยุด แต่ตู้กูหลินก็ไม่ได้หยุดมือเพียงแค่นั้น!

ตู้กูหลินพุ่งเข้าไปต่อยอีกครั้ง!

หมัดนี้ไม่ได้เล็งไปที่หวังเป่าเล่อ แต่เป็นผืนดินข้างๆ ก้อนหินถูกบดขยี้เป็นฝุ่นผง พื้นพสุธาสั่นสะเทือนส่งร่างไร้เรี่ยวแรงกระเด็นขึ้นฟ้า!

ตู้กูหลินทะยานตามขึ้นไปเหนือร่างของชายหนุ่ม เขาก้มมองหวังเป่าเล่อด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาของเขาฉายแววเย็นเยียบขณะต่อยหมัดที่ห้าไป!

หมัดครั้งนี้รุนแรงกว่าครั้งไหนๆ อีกทั้งยังเสริมแรงด้วยความเร็วเกิดพิกัดเมื่อครู่จนเกิดเป็นพลังสั่นสะท้านฟ้าดิน เกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อโดนทำลายย่อยยับ ร่างพุ่งกระแทกพื้นจนเกิดเป็นหลุมลึก!

เลือดสดไม่ได้ไหลออกจากปากแต่เป็นทั่วร่าง ชายหนุ่มแทบจะสิ้นสติไป ตู้กูหลินที่ปลดผนึกที่สองแข็งแกร่งเกินจินตนาการ แม้แต่ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณยังนึกสะพรึงกลัว

แต่หวังเป่าเล่อก็ไม่ยอมแพ้ ดอกบัวในกายพยายามซ่อมแซมร่างกายอย่างบ้าคลั่ง ชายหนุ่มหอบหายใจพร้อมกับลืมตามองตู้กูหลินที่ลอยอยู่บนฟ้า

“หวังเป่าเล่อ!” ตู้กูหลินก้มมองด้วยแววตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ เขาจ้องหวังเป่าเล่อที่กำลังหยัดยืนขึ้นอย่างทุลักทุเล

“ต่อไปเป็นหมัดที่หกซึ่งเป็นขีดสุดของพลังข้า ข้าแนะนำให้เจ้ายอมแพ้เสีย ถ้ายังดื้อด้านต่อไป เจ้าจะต้องได้พบกับความตาย แต่ก็ไม่แน่ว่าเจ้าอาจจะปล่อยพลังเต็มขั้นออกมาได้เมื่อต้องพบกับสถานการณ์เป็นตาย!”

“ข้าเคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน ตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับชะตากรรมของเจ้า!” พูดจบ ตู้กูหลินก็ยกมือขวาขึ้นกำหมัด ทันใดนั้นเสียงร้องคำรามก็ดังก้องขึ้นจากด้านหลัง ภาพวานรยักษ์ปรากฏขึ้น ตามด้วยมังกรเก้าเศียรสีนิล หงษ์ไฟ และปลาคุนนกเผิง ภาพอสูรทั้งสีบดบังทั่วทั้งผืนฟ้า ห้อมล้อมตู้กูหลิน พลันเคลื่อนทับซ้อนกันกลายเป็นกำปั้นมายาใหญ่ยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องดังสนั่น!

กำปั้นเบื้องหน้าเป็นดั่งทัณฑ์สวรรค์ที่พุ่งตรงใส่หวังเป่าเล่อ!

ผ่านไปครบชั่วสิบลมหายใจแล้ว!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset