บทที่ 608 บริการสุดพิเศษเต็มรูปแบบ!
หวังเป่าเล่อกำลังคลานไปหาศิลาอัคคีชั้นสูงสุดที่อยู่ห่างออกไปประมาณสามสิบเมตร ศิลาเหล่านี้ถือเป็นของล้ำค่าสำหรับเขา แต่รอบกายก็มีอยู่เพียงไม่มาก ตามหาอยู่นานได้มาแค่สามก้อน นอกจากนี้ยังเป็นเพียงก้อนเล็กๆ
ศิลาพวกนี้เป็นสมบัติที่ล้ำค่ามาก ชายหนุ่มคลานไปเก็บเอาศิลาอัคคีชั้นสูงสุดมาตรวจดูด้วยความพึงพอใจ
แม่นางน้อยไม่ยอมให้ชายหนุ่มลุกยืนขึ้นแม้สภาพแวดล้อมรอบกายจะเลวร้ายมากก็ตาม เหมือนว่านางจะช่วยซ่อนตัวตนให้ได้หากทำตัวติดอยู่กับพื้น ถึงจะทุกข์ทรมานและโดนย่างทั้งเป็น แต่ก็คุ้มค่าที่ได้ศิลาอัคคีชั้นสูงสุดมา
เห็นหน้าตาของหวังเป่าเล่อ แม่นางน้อยก็อดแค่นเสียงทางจมูกใส่ไม่ได้ นางหงุดหงิดใจ พยายามเคลื่อนย้ายพวกตนออกจากที่แห่งนี้อยู่หลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลว
“ได้ก้อนหินโง่ๆ มาก็ดีใจขนาดนี้เชียว ทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย!”
“เจ้าไม่เข้าใจ นี่คือศิลาอัคคีชั้นสูงสุด เจ้ารู้ไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร” หวังเป่าเล่อเริ่มไม่พอใจเมื่อได้ยินที่นางพูด ไหนจะมาดูถูกศิลาอัคคีชั้นสูงสุด ไหนจะมาเรียกเขาว่าเจ้าอ้วนอีก
“ศิลาอัคคีชั้นสูงสุดเกิดขึ้นจากการทำลายล้างระบบดาวทิ้ง เป็นเงื่อนไขที่ยากยิ่ง แค่ก้อนเล็กๆ ก้อนเดียวก็มีมูลค่ามหาศาล ระบบดาวแห่งนี้น่าจะเคยผ่านหายนะร้ายแรงมา แล้วฟื้นฟูขึ้นใหม่ขึ้นอีกครั้งจึงมีศิลาจำนวนมากกระจายอยู่!” ชายหนุ่มอธิบายให้แม่นางน้อยฟัง
นางอาจจะแกล้งทำเป็นรู้ทุกสิ่ง แต่หวังเป่าเล่อก็รู้ไต๋นางมานานแล้ว ทุกอย่างก็เป็นแค่การแสดง ถึงจะทำเป็นว่ารู้ไปหมด แต่จริงๆ แล้วนางรู้เพียงแค่ผิวเผิน
แม่นางน้อยงุนงงไปเมื่อได้ฟังคำอธิบาย นางกำลังจะเอ่ยปากพูด แต่ชายหนุ่มก็ขัดขึ้นก่อน
“ข้าว่าดาวเคราะห์ดวงนี้ยังมีศิลาอัคคีชั้นสูงสุดกระจายอยู่ทั่ว เสียดายที่ไปตามเก็บทั้งหมดไม่ได้ แต่เก็บมาได้เท่านี้ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว” หวังเป่าเล่อถอนใจขณะเก็บศิลาอัคคีชั้นสูงสุดใส่กระเป๋าคลังเวท เขาตรวจดูรอบๆ ก่อนจะเก็บเอาศิลาอัคคีชั้นสูงสุดก้อนสุดท้ายในบริเวณนั้นขึ้นมา แม้ใจจะนึกเสียดาย แต่ก็เข้าใจสถานการณ์ดี
ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้น กำลังจะบอกให้แม่นางน้อยเริ่มทำการเคลื่อนย้าย ทันใดนั้น เสียงของนางก็ดังขึ้นในหัว น้ำเสียงของนางดูแปลกไป
“เจ้าแน่ใจนะว่าหินโง่ๆ นี่เป็นของล้ำค่าจริง”
“แน่นอน มัน…” หวังเป่าเล่อเลิกคิ้วพร้อมกับเอ่ยตอบ ยังไม่ทันจะพูดจบ แม่นางน้อยก็กระแอมไอขึ้นขัด
“มองไปด้านขวา ถัดไปสามร้อยเมตรมีอยู่อีกก้อน”
ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมอง ตรงนั้นมีศิลาอัคคีชั้นสูงสุดอยู่จริงๆ เขาอึ้งไป ตอนแรกที่ตรวจดูรอบๆ คิดว่าไม่เหลือแล้วแท้ๆ หวังเป่าเล่อคลานตรงไป ตัวสั่นเทิ้ม ดวงตาเบิกกว้างจนแทบจะหลุดออกจากเบ้าขณะจ้องตรงไปยังบริเวณที่แม่นางน้อยบอก
ตอนแรก…ตรงนั้นมีศิลาอัคคีชั้นสูงสุดเพียงแค่ก้อนเดียว แต่พริบตาเดียว ก้อนที่สอง สาม และสี่…ก็พลันปรากฏขึ้น ยังไม่จบเพียงเท่านั้น ในชั่วไม่กี่ลมหายใจ ศิลาอัคคีชั้นสูงสุดก็มุดดินโผล่มากองรวมกัน ครู่เดียว…ตรงหน้าก็กลายเป็นภูเขาศิลาขนาดย่อม!
ภูเขาตรงหน้ามีศิลามากองรวมอยู่หลายพันก้อน ศิลาอัคคีชั้นสูงสุดยังผุดขึ้นมาไม่หยุด…พลันปรากฏเป็นภูเขาศิลากองที่สอง ตามมาด้วยกองที่สาม และสี่…ศิลามากมายยังไหลหลากมากองรวมกันไม่หยุดหย่อน
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง หวังเป่าเล่อก็นอนแผ่หลา ราวกับตนถูกสายฟ้าฟาดผ่าใส่ เขางุนงงจนแทบลืมหายใจ หันมองภูเขาศิลาขนาดย่อมแปดกองรอบตัวด้วยความตื่นตะลึง!
“นี่…นี่มัน…” ชายหนุ่มพูดตะกุกตะกัก ในหัวอื้ออึงไปหมดจากความกังขาที่ถาโถมอยู่ภายใน ขนลุกชัน เหงื่อแตกพลั่ก เย็นวาบไปถึงหนังศีรษะ
แม่นางน้อยเองก็พูดอะไรไม่ออก ยิ่งมองสิ่งรอบกายก็ยิ่งรู้สึกหวาดหวั่น หลังจากเงียบไปครู่ใหญ่ นางก็สูดหายใจลึก พร้อมกับกระซิบถาม
“เป่าเล่อ ที่นี่…คือบ้านเจ้าหรือ พอเจ้าพูดถึงศิลาอัคคีชั้นสูงสุด ก้อนหินงี่เง่าพวกนี้ก็มากองรวมกันอยู่ตรงหน้า…ดูแล้วน่าจะมาจากสายแร่ แต่ละก้อนก็ตัดมาอย่างดี…ขนาดเท่าๆ กันทุกก้อนเลย”
หวังเป่าเล่อหันมองรอบตัวด้วยความตะลึงงัน คำพูดของแม่นางน้อยทำให้เขาสับสน หรือเขาจะไม่ได้เป็นเพียงบุตรแห่งโลก ดาวอังคาร และสำนักวังเต๋าไพศาล แต่ยังเป็นบุตรแห่งป่ามี่หลัวด้วย
ชายหนุ่มส่ายหัวปฏิเสธความคิดในหัว แม่นางน้อยพาเขาคิดไปไกล เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นช่างประหลาดและน่าขนลุก หวังเป่าเล่อพลันนึกถึงตอนที่ภารกิจเปลี่ยนไปมาเมื่อตอนอยู่ในวังลำดับหก
มีใครบางคนอยากให้เขามาที่นี่! ดวงตาของชายหนุ่มส่องแสงวาบ เริ่มหายใจถี่รัว เขาพยายามเก็บเอาศิลาอัคคีชั้นสูงสุดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พอจับศิลายัดใส่กำไลคลังเวทจนล้น หวังเป่าเล่อก็สูดหายใจลึก ครุ่นคิดอยู่สักพัก ก่อนจะตะโกนเสียงดัง “ข้าอยากได้แก่นในอสูรเขี้ยวดารา!”
แม่นางน้อยตกใจสุดขีดเมื่อได้ยินหวังเป่าเล่อตะโกนขึ้น ทันใดนั้น ชายหนุ่มผู้เมามายบนยอดภูเขาไฟห่างไกลออกไปก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ศิษย์น้องน้อย เจ้าไม่อายเลยนะเวลาเอ่ยปากขออะไรจากศิษย์พี่ เอาเลย อยากได้อะไรข้าจะหาให้!”
พูดจบ เขาก็ชี้มือขวาไปทางถ้ำที่พักเผ่าอสูรเขี้ยวดารา ภายในถ้ำที่พัก ขณะที่เหล่าอสูรส่งเสียงกู่ก้อง อสูรเขี้ยวดาราขนาดยักษ์ที่อยู่ในขั้นจิตวิญญาณอมตะสองตัวก็สั่นเทิ้ม มันก้าวถอยหลังไปสองสามก้าวก่อนจะพุ่งหายวับไป
อสูรตนอื่นๆ ไม่ทันสังเกตเห็นการหายตัวไปของทั้งสอง เหมือนว่ามีพลังบางอย่างกำลังป้องกันไม่ให้เหล่าอสูรรวมถึงราชันอสูรตระหนักว่าเกิดอะไรขึ้น ด้านอสูรเขี้ยวดาราสองตัวนั้น แม้ว่ามันจะมาจากคนละทาง แต่พวกมันทั้งคู่ต่างมุ่งไปทางเดียวกัน
จุดหมายปลายทางของมันอยู่ห่างออกไปสามพันเมตร เป็น…จุดที่หวังเป่าเล่ออยู่!
อสูรทั้งสองบรรลุขั้นจิตวิญญาณอมตะแล้วจึงเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วมาก ทันใดที่หวังเป่าเล่อเอ่ยปากขอ เขาก็สัมผัสได้ถึงพลังรัศมีแกร่งกล้ากำลังพุ่งเข้ามาจากสองทิศ หัวใจของชายหนุ่มเต้นถี่รัว ร่างทรุดลงพื้นในทันใด จากนั้น…อสูรเขี้ยวดาราขนาดใหญ่ยักษ์สองตัวก็ปรากฏขึ้นจากด้านซ้ายและด้านขวา
พวกมันมีหน้าตาน่ากลัวและร่างกายเน่าเปื่อย คมมีดที่ปกคลุมอยู่ทั่วร่างส่งให้อสูรร้ายดูน่าเกรงกลัว ดวงตาของพวกมันแดงก่ำเหมือนว่ากำลังคลุ้มคลั่งขณะพุ่งตรงเขามายังจุดที่เขาอยู่!
“มาจริงๆ ด้วย…” หวังเป่าเล่อสั่นกลัว พลังรัศมีของอสูรทั้งสองแกร่งกล้าเกินไป เขาเรียกหาแม่นางน้อยเสียงตื่น ขอร้องให้นางพาเขาออกไปจากที่แห่งนี้โดยไว
“หวังเป่าเล่อ เจ้าตัวซวย! ข้าร่ายคาถาเคลื่อนย้ายไม่ได้ จะให้ข้าทำเช่นไรอีก” แม่นางน้อยตะคอกกลับ แววตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยความอาลัย รู้ดีว่าไม่มีทางใดเลยที่จะหนีอสูรทั้งสองไปได้ เขากำลังจะเอ่ยปากพูด ทันใดนั้นเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็พลันบังเกิด!
อสูรเขี้ยวดาราทั้งสองพุ่งตรงมายังจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ แต่กลับไม่เหลือบมองชายหนุ่มแม้แต่น้อย พวกมันจ้องตากันเขม็ง ก่อนจะพุ่งเข้าไปประสานงากันเอง!
เหมือนว่าทั้งคู่อยากให้ศึกครั้งนี้น่าสนใจขึ้นไปอีกจึงสกัดพลังปราณของตนเองเอาไว้ พลังปราณของพวกมันถูกผนึกไปแปลงให้ทั้งสองกลายเป็นอสูรธรรมดาทันทีที่เข้าประสานงา พวกมันพุ่งตรงไปปะทะกันอย่างจัง!
เกิดเสียงกัมปนาทดังขึ้น รอบพื้นที่ไม่ได้รับความเสียหายใดๆ เนื่องจากอสูรเขี้ยวดาราทั้งสองได้ผนึกพลังปราณไว้ พวกมันกระอักเลือดสดออกมากองใหญ่ ใบหน้าอาบไปด้วยโลหิต ก่อนจะล้มลงพื้นเพราะอาการบาดเจ็บที่ได้รับจากการเข้าปะทะ ร่างกลมของสองอสูรกลิ้งไปหยุดอยู่หน้าหวังเป่าเล่อที่กำลังตัวแข็งทื่อจากความกลัว
ชายหนุ่มสับสนไปหมด แม่นางน้อยเองก็ตะลึงงันไปเช่นกัน ก่อนเหตุการณ์น่าสะพรึงกลัวหนักกว่าเดิมจะบังเกิดขึ้น…สองอสูรเขี้ยวดาราที่ได้รับบาดเจ็บรุนแรงต่างควักเอาแก่นในของตนเองออกมาต่อหน้าต่อตา จากนั้นก็วางทิ้งไว้เบื้องหน้าชายหนุ่ม ร่างของพวกมันบิดเบี้ยว ก่อนจะสิ้นลมหายใจไป!
แม้จะเป็นเพียงร่างไร้วิญญาณ แต่พลังที่แผ่พุ่งออกมาก็ยังน่าครั่นคร้ามไม่แปรเปลี่ยน ชายหนุ่มหยุดหายใจไป เหตุการณ์ที่เพิ่งจบลงไปช่างแปลกประหลาดเหนือจินตนาการ
ที่น่าขนลุกไม่ใช่การประสานงาฆ่าตัวตายของอสูรทั้งสอง…แต่เป็นการที่มันพยายามเก็บเรี่ยวแรงเอาไว้หลังประสานงากัน ราวกับเป็นกังวลว่าเขาอาจจะไม่สามารถกรีดหนังพวกมันเปิดออกได้ สองอสูรจึงจ้วงเอาแก่นในของตนเองออกมาให้แทน หวังเป่าเล่อเหงื่อแตกพลั่กเมื่อได้พบกับการบริการสุดพิเศษเต็มรูปแบบนี้