หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 609 เรียกข้าว่าศิษย์พี่

บทที่ 609 เรียกข้าว่าศิษย์พี่
ช่างเป็นการบริการที่แสนยอดเยี่ยมเกินบรรยาย…หวังเป่าเล่อปาดเหงื่อออกจากหน้าผาก ทุกอย่างมากองอยู่ตรงหน้าโดยที่ไม่ต้องทำอะไรเลย ชายหนุ่มตื่นตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขาคิดเองเออเองว่าตนคงจะเป็นที่รักใคร่ของเทพีแห่งโชคลาภมาตลอดตั้งแต่อยู่บนโลก บนดาวอังคาร บนกระบี่สำริดเขียวโบราณ หรือแม้แต่บนดาวเคราะห์แคระวิญญาณทมิฬ แต่ก็คิดไม่ถึงว่านางจะตามมาดูแลถึงดาวเคราะห์ของอสูรเขี้ยวดารา

แม่นางน้อยเองก็ตื่นตะลึงไม่ต่าง นางเฝ้าดูเหตุการณ์มาโดยตลอด ตั้งแต่ศิลามากมายมากองอยู่ตรงหน้า จนกระทั่งอสูรร้ายขั้นจิตวิญญาณอมตะมาพุ่งประสานงากันจนบาดเจ็บสาหัส ก่อนจะตายยังควักเอาแก่นในออกมาให้อีก…

เหตุการณ์ทั้งหมดทำให้นางตื่นตะลึงจนพูดอะไรไม่ออกไปพักใหญ่

ความไร้ยางอายของหวังเป่าเล่อนั้นมีประโยชน์ในสถานการณ์คับขันจริงๆ ไม่นานชายหนุ่มก็ได้สติ รีบข่มความตื่นกลัวในใจ ก่อนจะกระแอมไอพร้อมกับพูดขึ้น “เห็นไหม แม่นางน้อย การที่เจ้าได้มาเจอข้าถือเป็นเรื่องที่ดีที่สุดในชีวิตเจ้า” เขายกมือขวาขึ้นโบก เรียกแก่นในอสูรเข้ามาหา พลันสัมผัสได้ถึงพลังกล้าแกร่งเกินบรรยายจากปราณวิญญาณที่พวยพุ่งออกมา ร่างกายชายหนุ่มสั่นไหวขณะพยายามต้านทานพลังปราณวิญญาณไว้อย่างทุลักทุเล

เขาพยายามทำหน้านิ่งเพื่อรักษามาดไว้ขณะยัดแก่นในใส่กำไลคลังเวท จากนั้นก็หันไปมองศพอสูรเบื้องหน้าด้วยแววตาเป็นประกาย

ศพของอสูรที่ได้บรรลุขั้นจิตวิญญาณอมตะถือเป็นสมบัติล้ำค่า ทั้งเลือดเนื้อหนัง หรือแม้แต่เครื่องในและกระดูกถือเป็นวัสดุระดับสูงที่ใช้ในการหลอมโอสถในสหพันธรัฐ

หากสหพันธรัฐได้ทราบเรื่องนี้ ทุกคนจะต้องตกใจ ทั้งโลกจะต้องสั่นสะเทือน

หวังเป่าเล่อครุ่นคิดว่าตนควรจะเก็บศพทั้งสองใส่กำไลคลังเวทที่เต็มจนแทบจะล้นทะลักออกมาดีไหม ทันใดนั้นคลื่นพลังรัศมีก็พลันปรากฏขึ้น!

อาจจะมีใครบางคนพบว่ามีบางอย่างผิดแปลกไป หรือไม่ก็สัมผัสได้ว่าพลังรัศมีของอสูรเขี้ยวดาราขั้นจิตวิญญาณอมตะสองตนได้หายวับไป พลังกล้าแกร่งของราชันอสูรเขี้ยวดาราพลันปะทุขึ้น สามารถสัมผัสได้ถึงความสงสัยและความโกรธเกรี้ยวที่คุกรุ่นอยู่ทั่วดาวเคราะห์

มันพบหวังเป่าเล่อในทันใด คลื่นพลังรุนแรงแฝงไปด้วยอารมณ์มากล้นปะทุขึ้นทันใดที่เห็นศพ!

“ตายเสีย!” เสียงดังขึ้นจากลึกสุดของวิญญาณสั่นคลอนสัมผัสวิญญาณของหวังเป่าเล่อ สะเทือนถึงฟากฟ้า เขย่าผืนพสุธาทั่วบริเวณ ดาวเคราะห์ทั้งดวงสั่นไหว พลันเปลวเพลิงก็ปะทุขึ้นจากพื้น หวังเป่าเล่อถูกพลังขนาดถล่มดาวทั้งดวงเข้าข่ม ราวกับจะลบเขาให้หายไปจากดาวดวงนี้!

ทุกอย่างเกิดขึ้นในชั่วพริบตา หวังเป่าเล่อไม่มีเวลาได้เตรียมรับมือกับเปลวเพลิงที่ลุกโชนรอบตัว เปลวไฟรวมตัวกันเป็นฝ่ามือขนาดใหญ่ พร้อมกวาดเขาในหายวับไปในครั้งเดียว

วิกฤตหายนะเข้าคุกคามชายหนุ่ม หวังเป่าเล่อได้ยินแม่นางน้อยกรีดร้อง วิสัยทัศน์เบื้องหน้าพลันมืดดับ เขาเป็นดั่งแพเดียวดายที่ลอยอยู่ท่ามกลางทะเลคลั่ง โดนคลื่นซัดไปมาเกือบจะล่มจมหาย

เสียงแค่นจมูกไม่พอใจดังก้องมาจากที่ไหนสักแห่งบนดาวเคราะห์ ทันใดนั้นเพลิงที่รวมตัวเป็นมือยักษ์ก็พลันหยุดนิ่ง ก่อนจะสลายหายไปเงียบๆ พลังรัศมีกล้าแกร่งเมื่อก่อนน่าก็หายวับไปเช่นกัน

โลกเบื้องหน้ากลับคืนสู่สภาพปกติ หวังเป่าเล่อรีบถอยหนีด้วยใบหน้าซีดเผือด เขายกมือขวาเรียกศพสองตัวเข้ากำไลคลังเวทอย่างรวดเร็ว ซึ่งต้องแลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ต้องโยนหุ่นเชิดและข้าวของมากมายทิ้งไปแทน

ชายหนุ่มยัดศพใส่กำไลคลังเวทอันแน่นขนัดได้สำเร็จ พอผ่านพ้นสถานการณ์เฉียดตายมาได้ แม่นางน้อยก็รีบร่ายคาถาเคลื่อนย้ายอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีการขัดขวางใดๆ นางร่ายได้สำเร็จในทันที!

คลื่นพลังจากคาถาเคลื่อนย้ายรายล้อมรอบตัวหวังเป่าเล่อ ทันใดที่การเคลื่อนย้ายกำลังจะเริ่มต้นขึ้น เสียงร้องคำรามเกรี้ยวกราดก็ดังขึ้นจากถ้ำที่พักของอสูรเขี้ยวดาราที่อยู่ห่างออกไป

“นี่คือพันธมิตรร้อยเผ่าพันธุ์แห่งป่ามี่หลัว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร จงจำเอาไว้ว่าเจ้าจะต้องเสียใจที่บังอาจมาทำร้ายเผ่าอสูรเขี้ยวดารา!”

พลังรัศมีของเหล่าอสูรเขี้ยวดาราพวยพุ่งเต็มฟากฟ้าพร้อมเสียงร้องกราดเกรี้ยว สรวงสวรรค์สั่นคลอนเมื่อเงาหลายสิบปรากฏขึ้นบนฟ้า มองไกลๆ เห็นเป็นเหมือนก้อนเนื้อขนาดยักษ์ แต่ละก้อนแผ่พลังมากล้นขนาดบิดห้วงอากาศได้ ราชันอสูรเขี้ยวดาราเป็นดั่งตัวแทนของดวงดาว พลังกล้าแกร่งที่พวยพุ่งออกมาจากตัวราชันเข้าขัดขวางการเคลื่อนย้ายของหวังเป่าเล่อ ทำให้อาจล้มเหลวได้ทุกเมื่อ

กองทัพอสูรเขี้ยวดาราพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อทันทีที่ปรากฏตัว ผืนดินเบื้องล่างสั่นไหว เปลวเพลิงขึ้นสูงเฉียดฟ้า พลังแกร่งกล้าขนาดทำทุกสิ่งที่ขวางหน้าแผ่พุ่งออกมาจากกองทัพ!

หวังเป่าเล่อหน้าซีดเผือด พลังไร้เทียมทานตรงหน้าตรงเข้ามาบดขยี้ทั้งร่างกายและพลังปราณทำให้เคลื่อนไหวไม่ได้ แค่หายใจก็ยังยาก แม่นางน้อยลนลาน คาถาเคลื่อนย้ายของนางสั่นคลอนเหมือนดังเทียนที่โดนลมแรงพัดเปลวไฟไหวไปมา

ทุกสิ่งเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ความตายมาเยือนอยู่ตรงหน้า ทันใดนั้น หวังเป่าเล่อก็ได้ยินเสียงนิ่มนวลชวนฟังดังขึ้นในหัว เป็นเสียงของชายผู้หนึ่งที่ฟังดูคุ้นเคย

“เป่าเล่อ มา เรียกหาศิษย์พี่ของเจ้า ข้าจะช่วยเจ้าเอง”

เสียงที่ดังขึ้นไร้ซึ่งความเคร่งเครียด กลับแฝงไปด้วยความเย้าหยอก หวังเป่าเล่อแทบไม่กะพริบตา รีบร้องขึ้นทันใดที่ได้ยินเสียงก้องในหัว “ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!”

สิ้นประโยค เสียงหัวเราะก็ดังก้องทั่วผืนฟ้า พลันฟ้าก็ถูกบดบังด้วยหัตถ์มายาขนาดใหญ่ไพศาล หัตถ์มายากวาดผืนฟ้าราวกับจะตะปบก้อนเหนือออกไปให้พ้นทาง ราชันอสูรเขี้ยวดาราและเหล่ากองทัพอันแสนองอาจเมื่อครู่ตัวสั่นเทิ้ม พลังของพวกมันไม่สามารถทัดเทียมกับหัตถ์มายาได้จึงโดยกวาดหายลับไป

หลายตนไม่สามารถทานทนพลังได้ ถูกบดขยี้ลงในพริบตา พวกที่ยังเหลือรอดก็บาดเจ็บหนัก ราชันอสูรถึงกับกระอักเลือดกองใหญ่ เงาของมันบิดเบี้ยวในอากาศ ดวงตาเต็มไปด้วยความตื่นตกใจขณะจ้องมองฟากฟ้า ก่อนจะร้องคำรามขึ้นด้วยเสียงอันสั่นเครือ

“เจ้าเป็นใคร!”

หัตถ์บนฟ้าค่อยๆ จางหายไปเมื่อราชันอสูรร้องขึ้น แทนที่ด้วยใบหน้าขนาดใหญ่ลอยอยู่กลางอากาศ ใบหน้าดังกล่าวเป็นของชายหนุ่มผิวขาวซีด ตายาวตี่ มีกระขึ้นเต็ม มองดูแล้วสัมผัสได้ว่าเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาน่าจะเป็นคนสุภาพอ่อนโยน แต่พลังกล้าแกร่งที่แผ่พุ่งออกมากลับทำให้ทั้งดาวเคราะห์สั่นสะเทือน ราวกับว่าเพียงแค่คิดก็สามารถทลายดาวดวงนี้ลงได้!

อสูรเขี้ยวดาราไม่ได้ตัวสั่นเทิ้มเพียงผู้เดียว หวังเป่าเล่อก็เช่นกัน เขาไม่ได้สั่นเพราะกลัว แต่เพราะรู้จักเจ้าของใบหน้านั่น!

“เจ้า…เจ้า…” หวังเป่าเล่อเบิกตากว้าง คลื่นความรู้สึกถาโถมเข้าในใจ ชายหนุ่มตระหนักทันทีถึงต้นตอของเหตุประหลาดทั้งหมดที่เกิดขึ้นบนดาวเคราะห์แห่งนี้!

แม่นางน้อยเองก็หายใจถี่รัว นางแอบมองใบหน้าขนาดใหญ่บนท้องฟ้า ยิ่งจ้องก็ยิ่งรู้สึกหลงเสน่ห์…

“เมื่อครู่เจ้าเพิ่งร้องขอให้ข้าช่วย แต่พอช่วยเสร็จ เจ้ากลับจะบอกว่าจำข้าไม่ได้อย่างนั้นหรือ” ใบหน้าบนฟากฟ้าจ้องหวังเป่าเล่อที่นิ่งอึ้งไปด้วยน้ำเสียงนิ่มนวล เขายิ้มบาง ก่อนจะเอ่ยพูดต่อ

“ไม่เป็นไร ข้าว่านี่น่าจะเป็นการพบกันต่อหน้าครั้งแรกของเรา ให้ศิษย์พี่ได้เอ่ยแนะนำตัว ข้า…เฉินชิง เป็นศิษย์พี่ของเจ้า!” ใบหน้าเอ่ยแนะนำตัว จากนั้นก็หันไปมองอสูรเขี้ยวดาราที่กำลังสั่นเทิ้ม ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติทั่วไป “…และเป็นราชันสวรรค์ลำดับแรกของตระกูลไม่รู้สิ้น!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset