หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 624 กระดูกอาวุธเทพโบราณ

บทที่ 624 กระดูกอาวุธเทพโบราณ
ต้นไม้ยักษ์ไม่มีทางเลือก!

เขาไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะเลือกอะไรได้ ชายวัยกลางคนในตอนนี้ก็เหมือนกับหวังเป่าเล่อเมื่อเพิ่งจะไปถึงดาวอังคาร ตอนนั้นชายหนุ่มก็ไม่อาจจะเลือกสิ่งใดได้ เขาถูกบังคับให้ต้องระมัดระวังตัว และค่อยๆ สั่งสมพลังและอำนาจกระทั่งไปถึงจุดที่สามารถรับประกันความปลอดภัยให้ตนเองและผลประโยชน์ของตนได้

เมื่อหวังเป่าเล่อเพิ่งมาถึงดาวอังคาร หากเขาไม่ได้เลือกเข้าไปอยู่ในฝ่ายการศึกษาเพื่อสร้างชื่อให้ตนเอง ชายหนุ่มคงไม่ได้มีโอกาสไปสร้างความประทับใจให้กับเจ้านครอาณานิคม และไม่เลือกจะต่อสู้เพื่อตำแหน่งผู้ปกครองเขตนครใหม่ เขาก็คงไม่รู้ว่าเจ้าเยี่ยเหมิงสำคัญเพียงใดกับเจ้านครเมื่อเขามาถึงสำนักวังเต๋าไพศาล และคงไม่มีชื่อเสียงและไต่เต้าขึ้นตำแหน่งมาอย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ หวังเป่าเล่อก็คงไม่ได้เป็นปัญหากับต้นไม้ยักษ์มากมายนัก โอกาสที่จะเสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุก็คงมีมากขึ้นโขทีเดียว

แน่นอนว่า ขณะนั้นต้นไม้ยักษ์เองก็ระแวงต้วนมู่ฉีอยู่ แต่เขากลับอ่านแผนการส่งหวังเป่าเล่อไปดาวอังคารไม่ออก ทำให้ต้องทั้งอดทนและระมัดระวังในการกระทำตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ดี เมื่อต้นไม้ยักษ์ตัดสินใจจะลงมือทำตามแผน หวังเป่าเล่อก็พัฒนามาไกลและมีเครือข่ายอันกว้างขวางที่ทำให้ต้นไม้ยักษ์ไม่อาจลงมือกับเขาได้

ความแค้นเคืองระหว่างทั้งคู่ยังคงอยู่ แต่ก็ไม่มีความพยายามจากทั้งสองฝ่ายที่จะจบเรื่องนี้เสียง เป็นเหตุให้หวังเป่าเล่อต้องจัดฉากสร้างเรื่องมากมายแล้วจึงปล่อยต้นไม้ยักษ์ไปง่ายๆ การบุกเข้าไปในหลุมฝังศพเป็นเป้าหมายหลักของเขา การบังคับให้ต้นไม้ยักษ์ยอมจำนนนั้นเป็นเป้าหมายรอง

หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจว่าต้นไม้ยักษ์จะยอมรับนับถืออำนาจของตนหรือไม่ อัตชีวประวัติเจ้าพนักงานระดับสูงระบุไว้ชัดเจน ไม่มีความซื่อสัตย์ใดจะคงอยู่ตลอดไป และไม่มีการทรยศหักหลังตลอดกาลเช่นกัน ชายหนุ่มเพิ่งแต่ต้องบอกให้ต้นไม้ยักษ์รู้ว่าการจะทรยศเขานั้นมีราคาอันแสนแพงเช่นใด แพงจนเขาคงจะจ่ายไม่ไหว ข้อนั้นอย่างเดียวก็คงจะเพียงพ

ข้อคิดนี้เป็นจริงสำหรับทุกสิ่งในโลก รวมไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงด้วย หวังเป่าเล่อรู้เรื่องนี้ดี แม้เขาจะไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้นัก สำหรับเรื่องแรก ชายหนุ่มก็กระทำตามความเชื่อมของตนมาตลอด เป็นเหตุให้ชายหนุ่มพาต้นไม้ยักษ์ออกมาจากสำนักวังเต๋าไพศาล และใช้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายพาตัวเขาไปยังตำหนักวังบูชา!

หากเป็นคนอื่นก็คงไม่มีสิทธิใช้วงแหวนปราณนี้ ไม่ว่าจะขออนุญาตสักกี่ครั้งก็ตาม มีเพียงผู้ที่ถือครองใบต้นไฮยาซินเท่านั้นจึงจะได้รับอนุญาตให้ใช้วงแหวนปราณเคลื่อนย้ายน้ได้

อย่างไรก็ตาม กฎเหล่านี้ใช้กับหวังเป่าเล่อไม่ได้ ในฐานะหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวังเต๋าไพศาล หากสิ่งที่เขาจะทำไม่ใช่การก่อกบฎแล้ว ก็ไม่มีใครจะทัดทานการกระทำของเขาได้เลย

ชายหนุ่มไม่ได้กังวลแม้แต่น้อยว่าเสียท่าเมื่อออกมาอยู่ตามลำพังกับต้นไม้ยักษ์ สถานะของเขาทำให้คำสาปส่วนใหญ่บนตัวกระบี่นั้นไร้ผล สถานที่สุดแสนจะอันตรายสำหรับต้นไม้ยักษ์ สำหรับหวังเป่าเล่อแล้วก็เปรียบเสมือนห้องนั่งเล่น อีกอย่างหนึ่ง ชายหนุ่มก็มั่นใจในพลังของตนพอสมควร

เขาเคยสังหารวิญญาณจุติมาแล้ว ต้นไม้ยักษ์อาจจะแข็งแกร่งก็จริง…แต่ก็ยังไม่เก่งเท่าจักรพรรดิวายุทมิฬหรือผู้อาวุโสซุนไห่!

หวังเป่าเล่อไม่มีความคิดจะสังหารต้นไม้ยักษ์แม้แต่น้อย แต่ทว่า หากอีกฝ่ายแสดงอาการมุ่งร้าย หวังเป่าเล่อก็จะไม่เมตตา ชายหนุ่มจะไม่พยายามปกปิดอีกด้วย เขาจะประกาศอย่างเปิดเผยเพื่อให้ทุกคนได้รู้ว่าต้นไม้ยักษ์นั่นมาทำร้ายเขาก่อน!

หวังเป่าเล่อแน่ใจว่าต้นไม้ยักษ์ที่ทั้งเจ้าเล่ห์และฉลาดเฉลียวรู้ดีถึงข้อได้เปรียบเสียเปรียบในสถานการณ์ของเขา ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น ต้นไม้ยักษ์ยังคงประหม่าต่อไปหลังจากที่หวังเป่าเล่อพาเคลื่อนที่มายังตัวกระบี่แล้ว ท่าทีของเขาต่อหวังเป่าเล่อก็ยังคงนบนอบอยู่เช่นเดิม

“เจ้าเห็นสิ่งนั้นหรือไม่” ไม่นานนัก ทั้งคู่ก็เดินออกมาจากตำหนักวังบูชา หวังเป่าเล่อรีบนำทางต้นไม้ยักษ์ไปตามทางที่คุ้นเคย พวกเขามาปรากฏอยู่ตรงขอบของพื้นที่ต้องสาปที่หลุมฝังศพตั้งอยู่ หวังเป่าเล่อยกมือขึ้นชี้

ต้นไม้ยักษ์เริ่มระวังตัวเต็มที่ทันที เขารวบรวมสติก่อนจะมองออกไป ไม่มีทางเลยที่จะเผลอไผล ชายวัยกลางคนค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าหวังเป่าเล่อจะไม่ทำร้านตน แต่สถานที่ใดก็ตามที่ทำให้หวังเป่าเล่อต้องระแวดระวังตัวเช่นนั้นต้องอันตรายเป็นอย่างมากแน่นอน

ต้นไม้ยักษ์สูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะก้มลงมองพื้นอย่างระมัดระวัง เขาสำรวจคำสาปนั้น แล้วตามด้วยหลุมฝังศพ และมองไปเห็นเนินฝังศพรวมทั้งรอยแยกและหมอกสีเขียว

ประสาทสัมผัสของเขาตายด้านไปหมดเพราะคำสาป แต่ทว่า ทันทีที่ต้นไม้ยักษ์มองเห็นหมอกสีเขียว เขาก็รู้ถึงได้ถึงปราณกังวานของตนเองกับหมอกนั้น นัยน์ตาเขาเป็นประกาย จากนั้นจึงเหลือบไปเห็นกระบี่ไม้วางนอนอยู่บนพื้น!

ตอนนั้นเองต้นไม้ยักษ์จึงเข้าใจว่าทำหวังเป่าเล่อถึงได้เลือกพาตัวเขามาที่นี่ เขาเริ่มสงสัยว่าจะผ่านอุปสรรคตรงหน้าไปได้หรือไม่

หวังเป่าเล่อไม่ได้รบเร้าอีกฝ่าย ชายหนุ่มรอให้ต้นไม้ยักษ์ตัดสินใจเอง พลางถอนใจอย่างโล่งอก สิ่งนี้เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาจึงชอบทำงานกับคนฉลาดเฉลียว ชายหนุ่มเพียงต้องพูดเรื่องเดียวเท่านั้นพวกเขาก็จะเข้าใจที่เหลือเองทุกอย่าง ไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายมากมาย

ครู่ใหญ่ต่อมา นัยน์ตาของต้นไม้ยักษ์ก็ส่องประกายอย่างตกลงปลงใจ เขายกมือขึ้นประสานคารวะหวังเป่าเล่อ

“ผู้อาวุโสหวัง โปรดปลดคำสาปออกด้วย ข้าจะเข้าไปสำรวจหลุมฝังศพนี้ให้ละเอียดก่อนจะกลับมาให้คำตอบกับท่าน”

หวังเป่าเล่อพยักหน้า และด้วยการสะบัดมือเพียงครั้งเดียว ประตูแห่งแสงก็ปรากฏขึ้นบริเวณขอบของพื้นที่ต้องสาป มันเหวี่ยงเปิดออก อากาศจากภายในพวยพุ่งออกมา พร้อมๆ กันนั้นก็มีเสียงหายใจที่แทบจะฟังไม่ได้ยินเล็ดลอดออกมาด้วย

หวังเป่าเล่อมองต้นไม้ยักษ์ที่ใช้ผนึกมือด้วยท่าทีขึงขังอย่างระแวดระวัง ต้นไม้ยักษ์หักนิ้วออกมาข้อหนึ่งก่อนจะขว้างออกไป นิ้วที่หักนั้นแปรสภาพเป็นคนตัวจิ๋วที่วิ่งตรงไปยังประตูส่องสว่างที่เปิดค้างอยู่นั้น

คนตั้วจิ๋ววิ่งผ่านเข้าไปได้และมุ่งตรงไปทางหมอกเขียวอย่างไม่ลังเล มันวิ่งไปรอบๆ หลุมฝังศพก่อนจะหยิบเอากระบี่ไม้ที่ตกอยู่บนพื้นและกลับมาอย่างรวดเร็ว

ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยตลอดทั้งกระบวนการนั้น ไม่มีอันตรายใดๆ เกิดขึ้นกับคนตัวน้อย มันย้อนกลับมาอย่างปลอดภัยและกลายสภาพกลับเป็นนิ้วของต้นไม้ยักษ์ตามเดิม เขาหันมายื่นกระบี่คืนให้หวังเป่าเล่ออย่างสุภาพก่อนจะกระซิบ

“หมอกสีเขียวแทบไม่มีผลกับข้าเลย ข้าคงจะอยู่ข้างในได้ราวๆ สามสิบนาที ผู้อาวุโสหวังต้องให้ข้าทำสิ่งใด”

หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง เขาไม่ได้รับกระบี่กลับมา แต่กลับถามว่า “เจ้าสัมผัสถึงมันได้ไหม”

ต้นไม้ยักษ์ไม่กล้าปกปิดความจริงจากหวังเป่าเล่อ แม้ว่าชายหนุ่มจะเด็กกว่าเขา แต่ต้นไม้ยักษ์ก็รู้นิสัยใจคอและวิธีการของหวังเป่าเล่อดี เขาเคยเห็นว่าเด็กหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งเพียงใด ทั้งบนดวงจันทร์และบนดาวอังคาร ชายวัยกลางคนรู้จักกระบวนเวทอันแข็งแกร่งที่เด็กหนุ่มคนนี้มีเกือบหมด และวิธีการสังหารที่มีอยู่มากมายพอๆ กัน

เขาจึงพูดไปตามจริง

“ข้าสัมผัสได้…การมีอยู่ของอาวุธเทพ!” ต้นไม้ยักษ์ตัวสั่นทันทีที่เขาละล่ำละลักออก คุณค่าของอาวุธเทพต่อผู้ฝึกตนนั้นช่างยากยิ่งจะบรรยาย!

“ดีมาก เจ้าเอากระบี่เล่มนี้ไปเถิด แล้ว…ไปเอาอาวุธเทพนั้นมาให้ข้า!” หวังเป่าเล่อพยักหน้าก่อนจะพูดอย่างเยือกเย็ก มีแสงประหลาดฉายวาบอยู่ในแววตา เขาจ้องมองไปยังต้นไม้ยักษ์เหมือนจะรอให้อีกฝ่ายตัดสินใจ

ต้นไม้ยักษ์นิ่งเงียบ เขาคิดอยู่นานก่อนจะตัดสินใจกัดฟัน เขาไม่ได้ปฏิเสธ หรืออธิบายว่างานนี้จะยากลำบากเพียงใด นี่เป็นโอกาสของเขา ที่จะยุติความบาดหมางกับหวังเป่าเล่อและมีโอกาสได้บรรลุขั้น โอกาสนี้…หวังเป่าเล่อจะเป็นผู้มอบให้ ชายหนุ่มพูดเองว่า นี่เป็นโอกาสการบรรลุขั้นสู่ขั้นจุติวิญญาณ!

ต้นไม้ยักษ์เริ่มหนทางสู่การฝึกต้นเมื่อหลายปีก่อน เพราะเขาได้ดูดซับผลไม้ไปเพียงครึ่งผลเท่านั้นบนดวงจันทร์ ระดับปราณของเขาจึงยังคงอยู่ที่ระดับกำเนิดแก่นในขั้นสูงสุด ไม่อาจจะบรรลุสู่ขั้นต่อไปได้ ต้นไม้ยักษ์ทำได้เพียงแต่เฝ้ามองขณะที่ต้วนมู่ฉี หลี่ซิงเหวิน และกระทั่งสวีหยุนคุนต่างก็บรรลุขั้นกันหมด เขาแทบอดรนทนไม่ไหว

ต้นไม้ยักษ์ไม่เชื่อหากใครจะบอกเขาว่าจะมอบโอกาสนี้ให้เขาได้ แต่ชายคนนี้คือหวังเป่าเล่อ ผู้ซึ่งไต่เต้ามาจนได้เป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวังเต๋าไพศาล เขาเชื่อหวังเป่าเล่อ!

แววตาแห่งความมุ่งมั่นปรากฏอยู่บนใบหน้าของต้นไม้ยักษ์ เขาพุ่งตัวผ่านประตูที่ส่องแสงสว่างจ้า มุ่งหน้าเข้าไปยังหมอกสีเขียวภายใต้กายมองอย่างกังวลแต่เปี่ยมความหวังของหวังเป่าเล่อ ร่างกายของต้นไม้ยักษ์หดลง ก่อนที่เขาจะไหลเข้าไปในรอยแตกหนึ่งบนหลุมฝังศพ!

หวังเป่าเล่อเมื่อเห็นเช่นนั้นก็ตื่นเต้นใหญ่ ชายหนุ่มเตรียมการจะผละหนีทันทีหากแผนล้มเหลว เขายังเปิดใช้เกราะจักรพรรดิลักอัคคีอีกด้วย เขาไม่ใช่คนไม่รู้คุณคน หากต้นไม้ยักษ์ทำเต็มที่เพื่อจะทำหน้าที่ให้สำเร็จ หวังเป่าเล่อก็จะหาวิธีให้พวกทั้งคู่หนีไปพร้อมกันได้หากเกิดอันตราย

เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ในไม่นานนานก็ผ่านไปสามสิบนาที มีรอยย่นปรากฏอยู่บนหน้าผากของหวังเป่าเล่อขณะที่ชายหนุ่มหรี่ตา ทันใดนั้นเองก็เกิดการระเบิดขึ้นมาจากในสุสาน!

รอยแยกบนสุสานนั้นใหญ่ขึ้นและขยายใหญ่ขึ้นขณะที่เสียงระเบิดดังสนั่นยังคงดังอยู่ต่อไป หมอกสีเขียวไหลบ่าออกมาจากรอยแตก เสียงหายใจเริ่มดังขึ้นทุกทีๆ หวังเป่าเล่อตัวสั่น ศีรษะเริ่มจะหมุนเวียน ทันใดนั้นเอง ต้นไม้ยักษ์ก็พุ่งตัวออกมาจากรอยแยก!

ใบหน้าเขาซีดขาว ผนวกกับความกลัวที่ฉายชัดบนแววตา ในมือเขา…ถือกระดูกของแขนที่หักออกอยู่!

แขนที่หักข้างนั้นเปล่งรัศมีอันรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับเวลาและความตาย พลังที่แผ่ออกมานั้นเป็นของอาวุธเทพชัดเจน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset