บทที่ 634 กลิ่นดอกไม้!
ทำไมเข้าไม่ได้ หวังเป่าเล่อส่ายหัว หยุดหายใจไปเมื่อความคิดหนึ่งแล่นเข้าในหัว
หรือว่าเจ้าเซี่ยไห่หยางจะฮุบเอาทุกอย่างหนีไปแล้ว หวังเป่าเล่อเริ่มหวั่นใจ เขาพยายามติดต่อหาเซี่ยไห่หยางผ่านแหวนสื่อสารแต่ก็ไร้ซึ่งการตอบกลับ ชายหนุ่มนั่งลงด้วยความหงุดหงิด จากนั้นก็เริ่มครุ่นคิด
เซี่ยไห่หยางไม่เหมือนคนที่จะใช้แผนสกปรกเช่นนั้น… เขาคิด ก่อนจะถอนใจและกดแหวนสื่อสารเปลี่ยนไปช่องการสื่อสารของสหพันธรัฐ กลุ่มผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐกำลังถกกันเรื่องเรือบินรบ ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็ส่ายหัว ผลักความกังวลเรื่องเซี่ยไห่หยางทิ้งไป จากนั้นก็หลับตา เริ่มทำสมาธิ
ทำสมาธิได้ไม่นาน หวังเป่าเล่อก็ลืมตาขึ้น นัยน์ตาของชายหนุ่มฉายแสงผิดแปลกไป แม้จะตัดสินใจโยนเรื่องเซี่ยไห่หยางทิ้งไป แต่ลึกๆ ภายในมีเสียงหนึ่งคอยย้ำกับตนว่า…มีบางอย่างผิดแปลกไปมาก!
“จู่ๆ จินตั้วหมิงก็มาหาถึงที่พัก เซี่ยไห่หยางขาดการติดต่อไป ส่วนข้าก็เข้าเกมไม่ได้…” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำ สามเหตุการณ์นี้เหมือนจะมีจุดเชื่อมโยงกันอยู่ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าปัญหาคืออะไร ชายหนุ่มไม่มีอารมณ์ฝึกวิชาต่อ รู้แค่ว่า…ตนคงวางใจไม่ได้ถ้าหาต้นตอของเรื่องทั้งหมดไม่ได้
เขาตรึกตรองถึงบทสนทนาระหว่างตนกับจินตั้วหมิงและเซี่ยไห่หยาง ทันใดนั้นชายหนุ่มก็หายใจถี่รัว ดวงตาเบิกกว้างเมื่อนึกถึงตอนที่ถามไปว่าจู่ๆ เกมจะล่มได้หรือเปล่า แล้วเซี่ยไห่หยางก็ตอบกลับมาว่า
“เกมไม่มีทางล่มเว้นเสียแต่จะอยู่ในฝัน!”
ประโยคนี้เป็นเหมือนดั่งสายฟ้าฟาดอยู่ในหัวหวังเป่าเล่อ ตัวของเขาสั่นเทิ้ม ความรู้สึกมากมายโถมเข้าใส่
ดวงตาของชายหนุ่มฉายแววหวาดหวั่น เขาเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปค้นในเสื้อ หยิบเอาหน้ากากที่แม่นางน้อยอาศัยอยู่ออกมา
เขารู้สึกถึงหน้ากากในมือ แต่กลับไม่สามารถมองเห็นได้ หวังเป่าเล่อหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาทันใด ในอากาศเหมือนจะมีกลิ่นอ่อนๆ ของดอกไม้
กลิ่นดอกไม้นี่อีกแล้ว… หวังเป่าเล่อหรี่ตา จำได้ว่าครั้งแรกที่ได้กลิ่นนี้เป็นตอนที่ถูกเคลื่อนย้ายออกจากเรือบินรบ
เขานั่งเงียบ แผ่นหยกสื่อสารในกระเป๋าคลังเวทสั่นเตือนขึ้น ชายหนุ่มก้มหน้า หรี่ตามมอง ก่อนจะหยิบเอาแผ่นหยกสื่อสารออกมา ทันใดที่ปราณวิญญาณหลั่งไหลเข้าไปในแผ่นหยก เสียงเหนื่อยหน่ายของเฟิ่งชิวหรันก็ดังขึ้น
“เป่าเล่อ มาที่ถ้ำที่พัก ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอกเจ้า”
หวังเป่าเล่อหลับตาลง ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ผ่านไปครู่ใหญ่ค่อยลืมตาขึ้น บัดนี้สีหน้าไม่ได้แสดงท่าทีผิดแปลกอะไร เขาลุกยืน เดินออกจากตำหนัก มุ่งหน้าไปทางถ้ำที่พักของเฟิ่งชิวหรัน คอยตรวจสอบสิ่งรอบตัวระหว่างทาง ศิษย์สำหนักวังเต๋าไพศาลและผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐเดินขวักไขว่ไปมา ทุกคนไม่ว่าจะเป็นประมุขสำนักสวี ต้นไม้ยักษ์ และคนอื่นๆ ต่างทำตัวตามปกติ ไม่มีอะไรผิดแปลกไปแม้แต่น้อย
ไม่มีช่องโหว่เลย…
นัยน์ตาของชายหนุ่มแฝงแววสับสน ในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าทางเข้าถ้ำที่พักของเฟิ่งชิวหรัน ก่อนจะหยุดเท้าและจ้องเขม็งไปทางประตู
“เป่าเล่อ เข้ามาสิ” ประตูแง้มเปิดออกช้าๆ ทันทีที่หวังเป่าเล่อไปถึง เสียงแหบของเฟิ่งชิวหรันดังขึ้นตามมา นางดูเหนื่อยอ่อน ทั้งร่างกายและจิตใจ น้ำเสียงของนางดูอ่อนแรงระทมทุกข์ ราวกับได้สิ้นหวังกับทุกสิ่งอย่างไปแล้ว
“ก็ยังไม่มีช่องโหว่…” หวังเป่าเล่อพึมพำกับตนเองเมื่อสัมผัสได้ถึงความทุกข์จากน้ำเสียงของเฟิ่งชิวหรัน เขาไม่ได้เข้าไปในถ้ำที่พักในทันที ชายหนุ่มยืนรออยู่ด้านนอก ดึงเอาหน้ากากออกมา แต่ก็ยังไม่สามารถมองเห็นได้เหมือนเดิม หวังเป่าเล่อสูดหายใจลึก จำได้ว่าหน้ากากเป็นสิ่งที่ทำให้เขารู้ตัวว่ากำลังอยู่ในมิติมายาระหว่างการสอบเข้าสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ ที่ไม่สามารถมองเห็นหน้ากากได้ในตอนนี้เป็นเพราะมิติมายาไม่สามารถสร้างภาพมันขึ้นมาได้
ข้าอยู่ในมิติมายาหรือ… หวังเป่าเล่อหันมองสองข้าง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นฟ้าและก้มมองพื้นดิน ตรวจดูทุกสิ่งรอบกาย ความสมจริงของสิ่งรอบกายทำให้เขาเงียบไป แต่หน้ากากที่มองไม่เห็นบ่งบอกแน่ชัดว่าทุกสิ่งคือภาพมายา
หากเป็นเช่นนั้น ชายหนุ่มก็พอจะทราบเหตุผลที่จินตั้วหมิงมาเยี่ยมถึงที่และการหายตัวไปของเซี่ยไห่หยาง
ถ้าที่นี่คือมิติมายา ก็หมายความว่ามิติมายาไม่สามารถสร้างเซี่ยไห่หยางขึ้นมาได้ จินตั้วหมิงเลยมาหาเพื่อจะขอเป็นหุ้นส่วน แต่จริงๆ แล้วเป้าหมายคืออยากให้ข้ารู้ว่าเซี่ยไห่หยางได้หายตัวไป ถ้าข้าเชื่อตามนั้นก็จะกลบช่องโหว่สุดท้ายไปได้ หวังเป่าเล่อถอนหายใจ หากมีแค่เหตุการณ์เดียวคงจะมองเป็นเรื่องบังเอิญได้ แต่นี่กลับมีทั้งท่าทีแปลกๆ ของจินตั้วหมิง ตามมาด้วยเซี่ยไห่หยางหายตัวไป เกมเข้าไม่ได้ หน้ากากก็มองไม่เห็น
แววตาของชายหนุ่มฉายแววเด็ดเดี่ยวเมื่อคิดพิจารณาเหตุการณ์ทั้งหมด
“จะเป็นฝันหรือมิติมายา ข้าก็ต้องแค่หาทางทำลายทิ้งเพียงเท่านั้น!” หวังเป่าเล่อพูดพึมพำกับตนเองขณะเงยหน้าขึ้นมองถ้ำที่พักเบื้องหน้า เฟิ่งชิวหรันเอ่ยถามอย่างสงสัย ทันใดนั้น ชายหนุ่มก็ยกมือขวาขึ้นปลดปล่อยพลังปราณเต็มสูบ เกราะจักรพรรดิพลันปรากฏ พลังรัศมีพวยพุ่งขึ้นทะลุฟากฟ้าขณะหมัดขวาพุ่งทะยานไปด้านหน้า!
หมัดที่ผสานไปด้วยพลังเต็มขั้นของเกราะจักรพรรดิลักอัคคีและจิตตั้งมั่นของหวังเป่าเล่อพุ่งทะลุชั้นป้องกันทั้งหมด พายุพลันบังเกิด พัดโหมกระหน่ำไปทางถ้ำที่พักเบื้องหน้า ถ้ำที่พักของเฟิ่งชิวหรันสั่นไหวและเริ่มปริแตก เฟิ่งชิวหรันรีบหนีออกจากที่พัก ขาของนางสั่นระริกราวกับยังไม่ฟื้นจากอาการบาดเจ็บรุนแรง นางหวีดเสียงใส่ชายหนุ่มทันทีด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยวและตื่นตกใจ
“หวังเป่าเล่อ เจ้าทำอะไร โดนตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าครอบงำเหมือนเมี่ยเลี่ยจื่อไปแล้วอย่างนั้นหรือ”
เข้าครอบงำหรือ หวังเป่าเล่อหน้าเคร่งเครียดขึ้น เขากำหมัดขวา พุ่งตรงไปทางเฟิ่งชิวหรัน พลังอาวุธเทพพวยพุ่งออกมาจากเกราะแขนขวาที่ได้ผสานกับแขนของศิษย์แห่งเต๋า พลังแกร่งกล้าขนาดเจ้าตัวยังหวาดหวั่นปะทุขึ้น ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแขนกระดูกมายาที่แฝงกลิ่นอายของหายนะและความตาย สามารถทำลายทุกสิ่งที่ขวางอยู่ตรงหน้าได้ แขนกระดูกพุ่งเข้าไปจับเฟิ่งชิวหรันในทันใด!
เฟิ่งชิวหรันหน้าตื่น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความเดือดดาลและความไม่เข้าใจ นางยกมือขวาขึ้น พลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณพวยพุ่งขึ้นฟ้า ฉาบทั่วบริเวณไปด้วยพลังกล้าแกร่ง พลังอันเหนือชั้นตรงเข้ากดดันหวังเป่าเล่อ แต่ด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรงทำให้นางไม่สามารถคุมพลังได้เต็มที่ อีกทั้งยังไม่มีเจตนาอยากปลิดชีพชายหนุ่ม นางตะโกนขึ้นอีกครั้ง
“หวังเป่าเล่อ สู้กับการครอบงำของตระกูลไม่รู้สิ้น! ตาสว่างได้แล้ว!”
หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทิ้มเมื่อได้เห็นพลังของเฟิ่งชิวหรันและได้ยินที่นางพูด เส้นผมของเขาปลิวไหว เสื้อผ้าฉีกขาดจากลมกรรโชก ทั่วร่างรู้สึกเจ็บระบบ ทุกอย่างดูสมจริงไปหมด ความไม่มั่นใจโถมเข้าภายใน แต่หน้ากากที่มองไม่เห็น รวมถึงพฤติกรรมประหลาดของจินตั้วหมิงและเซี่ยไห่หยางทำให้ดวงตาของเขาฉายแสงเย็นเยียบ ชายหนุ่มร้องคำราม แขนกระดูกมายาฟาดเข้าใส่เฟิ่งชิวหรันในทันใด!
เสียงกัมปนาทดังก้อง เฟิ่งชิวหรันผุดยิ้มอย่างเจ็บปวด นางบาดเจ็บหนักอยู่แล้ว ประกอบกับการปลดปล่อยพลังปราณเมื่อครู่ทำให้อาการแย่กว่าเก่า พลังปราณพลันเลือนหาย ร่างของนางกระเด็นไปเหมือนกับกระดาษเมื่อโดนอาวุธเทพของหวังเป่าเล่อฟาดเข้าใส่ เฟิ่งชิวหรันตัวสั่นเทิ้ม กระอักเลือดสดกองใหญ่ นางมองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาขมขื่นขณะทรุดลงพื้น ก่อนจะพึมพำขึ้นด้วยเสียงอ่อนแรง
“เมี่ยเลี่ยจื่อโดนครอบงำไปแล้ว เจ้าก็เช่นกัน…หวังเป่าเล่อ ได้สติทีเถิด นี่คือความจริง ไม่ใช่มิติมายา!”
“โดนครอบงำหรือ…” ชายหนุ่มเงียบไปขณะมองร่างเฟิ่งชิวหรันร่วงลงพื้น นางบาดเจ็บหนักอยู่ก่อนแล้วจึงสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย นางพยายามเรียกสติเขา ทุกอย่างดูเป็นเหตุเป็นผล
นางพูดถึงเหตุผลที่ได้รับบาดเจ็บ นั่นก็เพราะ…เมี่ยเลี่ยจื่อก็โดนตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าครอบงำ กำลังสงสัยว่าทุกอย่างคือภาพมายาเหมือนกันกับเขา
“นี่คือคาถาสะกดจิตของตระกูลไม่รู้สิ้น เจ้าได้กลิ่นดอกไม้แปลกๆ หรือเปล่า นั่นคือตัวบ่งบอกว่าเจ้าโดนครอบงำก่อนการเคลื่อนย้าย!” เฟิ่งชิวหรันหายใจติดขัด ดวงตาของนางเต็มไปด้วนความกังวล พยายามทุกวิถีทางที่จะทำให้หวังเป่าเล่อเชื่อว่าที่นี่ไม่ใช่มิติมายา
……………………………….