หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 642 พลังเทพทั้งหก!

บทที่ 642 พลังเทพทั้งหก!
หากเป็นคนอื่นคงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ แต่หวังเป่าเล่อเป็นได้ศึกษาเรื่องอาวุธเวทมาตลอดตั้งแต่เริ่มฝึกวิชาใหม่ๆ เขาเริ่มตั้งต้นในสาขาอาวุธเวท จากนั้นก็ได้เลื่อนขึ้นไปตำหนักอาวุธเวท ตอนอยู่บนดาวอังคารก็คอยศึกษาเกี่ยวกับการหลอมอาวุธเวทอยู่ตลอดจนทักษะและความรู้อยู่ในระดับผู้เชี่ยวชาญ

เขาสามารถหลอมอาวุธเวทระดับแปดที่สมบูรณ์ได้จึงมั่นใจว่าตนจะสามารถหลอมดวงจิตทั้งหกเข้ากับอาวุธเวทได้เช่นกัน

ที่น่าเป็นห่วงคือดวงจิตพวกนี้อ่อนพลังมาก หากทำผิดพลาดหรือเกิดแรงต้านระหว่างกระบวนการหลอมแม้แต่นิดเดียวอาจสร้างความเสียหายให้กับดวงจิต ถึงขั้นแหลกสลายไปได้ หวังเป่าเล่อคิดขณะก้มหัวคุ้ยกระเป๋าคลังเวท เขาเจอวัสดุหลอมมากมาย รวมถึงวัตถุเวทที่ไม่สมบูรณ์อีกหลายชิ้น

แต่ก็นำมาใช้การไม่ได้ ถ้าดวงจิตแข็งแกร่งกว่านี้ เขาคงไม่ต้องกังวลว่าจะสร้างความเสียหายให้กับพวกมันระหว่างการหลอม หากเป็นเช่นนั้นก็จะสามารถนำวัตถุสภาพไม่สมบูรณ์มาได้ แต่ก็อาจเกิดแรงต้านระหว่างการหลอมได้ตลอด

แรงต้านจะเกิดขึ้นเมื่อกระบวนการหลอมอาวุธเวทขั้นต้นเข้ากับดวงจิตเทพไม่มั่นคง โดยทั้งสองสิ่งอาจได้รับความเสียหายประมาณหนึ่งก่อนจะหลอมเป็นอาวุธเวทได้สำเร็จ

นักหลอมอาวุธเวทหลายคนไม่ค่อยให้ความสำคัญเรื่องนี้ ดวงจิตเทพที่จะนำมาใช้เป็นวิญญาณวุธและหลอมเข้ากับอาวุธเวทจะต้องคัดสรรเป็นพิเศษเพื่อให้มั่นใจว่าจะหลอมรวมกันได้สำเร็จแม้จะได้รับความเสียหายระหว่างกระบวนการหลอม

ชายหนุ่มครุ่นคิดถึงปัญหาข้อนี้ เขาเลิกล้มความตั้งใจที่จะใช้วัตถุสภาพไม่สมบูรณ์ไป ดวงตาพลันฉายแสงวาบเมื่อหันไปเห็นรอยโหว่ของหัวกะโหลก

หวังเป่าเล่อไคร่ครวญอยู่พักใหญ่ จากนั้นก็ลุกยืนขึ้นและโค้งคำนับให้กับหัวกะโหลกที่ตนเหยียบอยู่

“ศิษย์พี่ผู้ยิ่งใหญ่ หวังเป่าเล่อผู้นี้เป็นศิษย์ของหมิงคุนจื่อ ข้าบังเอิญผ่านมาและสัมผัสได้ถึงดวงจิตที่หลงเหลืออยู่ในที่แห่งนี้ ข้าอยากจะเปลี่ยนพวกมันเป็นวิญญาณวุธเพื่อให้ดวงจิตเหล่านี้คงอยู่ต่อไป ซึ่งข้าจะต้องใช้กระดูกของท่านมาหลอมเป็นวัตถุบรรจุวิญญาณวุธ โปรดเข้าใจการกระทำของข้าด้วย!” หวังเป่าเล่อมีสีหน้าจริงจัง เขาสูดหายใจลึก จากนั้นก็ออกเดินหากระดูกรอบเมืองและบนภูเขาที่ตั้งอยู่บนกะโหลก

ไม่ใช่ทุกชิ้นที่จะสามารถนำมาใช้หลอมเป็นอาวุธเวทได้ ชายหนุ่มตามหากระดูกชิ้นที่มีพลังชีวิตและความยืดหยุ่นประมาณหนึ่ง

มีกระดูกจำนวนหนึ่งที่มีคุณสมบัติตามนั้น แต่เกณฑ์การเลือกอีกข้อที่สำคัญที่สุดคือ กระดูกชิ้นนั้นจะต้องผสานรวมกับดวงจิตได้!

อธิบายง่ายๆ คือ ก่อนยักษาจะตาย กระดูกชิ้นนั้นได้ดูดซับเอาพลังชีวิตและความรู้สึกในชั่วขณะนั้นเอาไว้ ทำให้กระดูกที่ว่ามีคุณค่ามากทีเดียว!

แม้กะโหลกจะใหญ่โตมโหฬาร หวังเป่าเล่อกลับหากระดูกที่มีคุณสมบัติตามที่ต้องการได้แค่สิบกว่าชิ้น ซึ่งต้องขุดขึ้นมาเอง เขาคิดอยากหลอมเกราะจักรพรรดิของตนเอง แต่ก็คงเป็นไปไม่ได้ ได้แต่คิดว่าหลี่อู๋เชินช่างเก่งกาจเสียจริงๆ

เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น หวังเป่าเล่อก็ปลดปล่อยเกราะที่มือข้างขวา รวมพลังอาวุธเทพมาใช้ขุดค้นกระดูกเพื่อที่จะได้ไม่ต้องใช้พลังกายของตนเอง!

อาวุธเทพแหลมคมมาก แต่กระดูกก็แข็งมากเช่นกัน ชายหนุ่มต้องออกแรงเพิ่มเล็กน้อย และปลดปล่อยพลังปราณเต็มขั้นอยู่หลายครั้งถึงจะขุดขึ้นมาได้สิบเอ็ดชิ้น

แต่ละชิ้นมีความยาวประมาณหนึ่งฝ่ามือ เมื่อนำมาต่อกันก็ดูมีขนาดใหญ่ แต่เมื่อเทียบกับโครงกระดูกทั้งตัวแล้วถือว่าเล็กมาก

ในอดีต หลี่อู๋เชินต้องฝึกคาถาร้ายกาจหรือไม่ก็คงโชคดี มิเช่นนั้นคงไม่สามารถเปลี่ยนร่างเป็นอาวุธเทพได้ ศิษย์พี่จากสำนักแห่งความคนนี้ต้องเป็นบุคคลแกร่งกล้าเช่นกัน แต่ถึงกระดูกจะแข็งเท่าไหร่ ก็เทียบกับอาวุธเทพไม่ได้อยู่ดี หวังเป่าเล่อก้มมองเกราะจักรพรรดิลักอัคคีบนแขนขวาขณะครุ่นคิด

เขาเลิกคิดและนั่งลง ปล่อยหุ่นเชิดออกมาคุ้มกันรอบๆ จากนั้นก็ปล่อยเปลวไฟสีดำออกมาพร้อมกับทำสมองให้โล่ง ชายหนุ่มตั้งผนึกมือ เริ่มหลอมกระดูกทั้งสิบเอ็ดเข้าด้วยกัน!

ชายหนุ่มตั้งใจจะใช้กระดูกของยักษามาหลอมเป็นแก่นวิญญาณเพื่อสร้างสมบัติเวท ซึ่งจะช่วยให้การกระบวนการผสานดวงจิตเป็นไปอย่างราบรื่น

แม้จะท้าทายอยู่มาก แต่หวังเป่าเล่อก็เชี่ยวชาญด้านอาวุธเวท โดยเฉพาะเรื่องการคำนวณตัวอักขระที่ต้องใช้ในการหลอม เพราะเหตุนี้เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ หลังจากชายหนุ่มเริ่มกระบวนการหลอม เขามีประสบการณ์เรื่องการคำนวณอักขราจารึกและการหลอมแก่นวิญญาณมากมาย ทำให้กระบวนการหลอมเป็นไปอย่างรวดเร็วแม้จะคอยระวังเป็นพิเศษ กระดูกทั้งสิบเอ็ดชิ้นเริ่มหดเล็กลงด้วยพลังปราณของหวังเป่าเล่อ ตลอดกระบวนการหลอมมีข้อผิดพลาดเล็กน้อยเกิดขึ้นประปราย

ข้อผิดพลาดแต่ละครั้งทำให้กระดูกชิ้นหนึ่งแหลกเป็นฝุ่นผง กลายเป็นบทเรียนให้กับหวังเป่าเล่อ หลายวันผ่านไป ในที่สุดชายหนุ่มก็หยุดมือ ดวงตาดูเหนื่อยล้า เบื้องหน้ามีลูกประคำที่หลอมขึ้นจากกระดูกเจ็ดลูก!

กองลูกประคำส่องแสงสีฝุ่น แฝงไว้ซึ่งพลังลึกลับ แต่ละลูกมีตัวอักขระจำนวนมากอัดแน่นอยู่ แม้จะไร้ซึ่งวิญญาณวุธ ลูกปะคำแต่ละลูกก็มีพลังเทียบเท่ากับอาวุธเวทระดับเจ็ด

ด้วยวัสดุที่ใช้หลอมทำให้บอกได้ยากว่ามีพลังรบระดับใด ลูกประคำมีทั้งข้อดีและข้อเสียเมื่อใช้ในการต่อสู้ ประสบการณ์จากการหลอมสิ่งนี้ขึ้นทำให้เขาตระหนักว่าหากไม่ผสานเข้ากับดวงจิตเทพ กระดูกก็ไม่เหมาะนำมาใช้เป็นวัสดุหลอมเป็นอาวุธเวท

ชายหนุ่มเตรียมลูกประคำไว้พร้อมสำหรับผสานเข้ากับดวงจิต แต่ก็ไม่ได้เริ่มกระบวนการในทันที เขาหลับตาทำสมาธิอยู่สองชั่วโมงเพื่อขจัดความเหนื่อยล้า ฟื้นกำลังกายกลับคืน จากนั้นก็ลืมตาขึ้น แสงเห็นความมุ่งมั่งฉายวาบในแววตา หวังเป่าเล่อตั้งผนึกมือ ก่อนจะกดฝ่ามือทั้งสองข้างลงบนกะโหลก

เปลวไฟสีดำและดวงจิตของเขาลอยเข้าไปในกะโหลก หวังเป่าเล่อพยายามเรียกดวงจิตเทพออกมาจากกะโหลก กลุ่มดวงจิตหลากสีสันกระจายตัวส่องสว่างอยู่ภายในกะโหลก ฝูงหนอนสีเลือดที่จับตาดูอยู่ตัวสั่นเทิ้ม พวกมันโค้งตัวลงพื้นเหมือนกับจะหมอบกราบ

เสียงจากโลกแห่งความตายในอดีตอันไกลพ้นดังก้องขึ้นในหัวหวังเป่อเล่ออีกครั้ง เสียงโบราณดังสะท้อนอยู่ในหัวไม่หยุด

“หัตถ์สื่อวิญญาณ นิมิตหมุนวน พรากจุติเกิด หมื่นภัยพิบัติ พันชีวิต ห้าโทษทัณฑ์!”

ขณะที่เสียงดังก้อง ดวงจิตเลือนรางหกดวงก็ลอยพ้นกะโหลกมาหยุดอยู่หน้าชายหนุ่ม จากนั้นก็เคลื่อนตัวเข้าไปส่องสว่างในลูกประคำหกลูก คลื่นพลังปะทุขึ้นจากแต่ละลูก ก่อนจะสั่นไหวและเริ่มเปลี่ยนรูป ลูกประคำสี่ลูกค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นลูกประคำทรงดาว แฉกทั้งห้าตั้งชี้ไม่เท่ากัน!

ทั้งสี่ลูกเปล่งพลังแกร่งกล้า ค่อยๆ จัดรูปร่างให้เข้าที่เข้าทาง อีกสองลูกยังคงเปลี่ยนรูปอยู่!

กองลูกประคำสั่นไหวรุนแรง เหล่าวิญญาณวุธนั้นทรงพลังเกินกว่าจะคงรูปในลูกประคำเหล่านี้ แม้ลูกประคำจะสร้างขึ้นจากแหล่งพลังเดียวกัน แต่ก็เหมือนว่าจะไม่สามารถบรรจุเหล่าดวงจิตไว้ได้ ทำให้ลูกประคำส่งสัญญาณเหมือนจะระเบิดออกได้ทุกเมื่อ คลื่นพลังที่พวยพุ่งออกมาจากลูกประคำอีกสองลูกแกร่งกล้ากว่าวิญญาณวุธสี่ดวงก่อนหน้า!

หวังเป่าเล่อเริ่มฉุนเฉียว เขาสูดหายใจลึก พยายามสงบใจลง ชายหนุ่มเคยพบกับประสบการณ์ท้าทายคล้ายกันนี้ตอนหลอมฝักกระบี่ พอสงบใจลงได้ เขาก็ปล่อยแขนอาวุธเทพเกราะจักรพรรดิลักอัคคี พลังจากแขนกดทับลูกประคำทั้งสองและห่อหุ้มเอาไว้มิด ทำเช่นนั้นไปได้สักพักก็เกิดเสียงปริแตกดังขึ้น รอยแตกเริ่มปรากฏขึ้นบนลูกประคำแต่ละลูกเรื่อยๆ จนมีมากกว่าสิบรอย เหมือนว่าจะแตกออกได้ทุกเมื่อ หวังเป่าเล่อหยิบลูกประคำลูกที่เจ็ดมาหลอมเข้ากับลูกประคำทั้งสองลูกอย่างไม่ลังเลใจ

เขาหลอมลูกประคำลูกที่เจ็ดเพิ่มเพื่อทำให้อีกสองลูกเกิดความสมดุล หลังจากอดทนพยายามอย่างหนัก…ลูกประคำทั้งสองลูกที่ทำถ้าเหมือนจะแตกออกก็ผสานรวมกับดวงจิตเทพได้สำเร็จ!

แต่ละลูกมีลักษณะแตกต่างกันมาก ลูกหนึ่งมีลักษณะกลมแบน ส่วนอีกลูกเป็นทรงเสี้ยวดวงจันทร์!

หลังจากผสานรวมกับบดวงจิตเทพสำเร็จ ลูกประคำทั้งหกก็ลอยขึ้นกลางอากาศ ก่อนจะหมุนวนเข้าใกล้กัน ด้ายดำบางปรากฏขึ้น ร้อยเรียงลูกประคำเข้าด้วยกันเป็นกำไลแขน!

“ลูกกลมเป็นเหมือนดวงอาทิตย์ ลูกทรงเสี้ยวเป็นเหมือนดวงจันทร์ ส่วนที่เหลือคือดวงดาว…ข้าจะเรียกอาวุธเวทชิ้นนี้ว่ากำไลเป่าเล่อ!” ชายหนุ่มพึมพำกับตนเอง ช่างเป็นชื่อที่ดียิ่ง เขายกมือขวาขึ้น กำไลเบื้องหน้าลอยเข้ามาคล้องข้อมือในทันใด

คลื่นพลังพวยพุ่งออกมาจากกำไล พลังอาวุธเทพพลันตื่น ดังสะท้อนก้องในหัวหวังเป่าเล่อ!

เสียงเลือนรางเดินทางผ่านห้วงเวลา ข้ามผ่านเส้นแบ่งชีวิตและความตาย ดังกระจ่างขึ้นในหัวชายหนุ่ม!

“หัตถ์สื่อวิญญาณ นิมิตหมุนวน พรากจุติเกิด หมื่นภัยพิบัติ พันชีวิต ห้าโทษทัณฑ์!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset