หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 649 ชุดคลุมออกศึก!

บทที่ 649 ชุดคลุมออกศึก!
สิ่งนั้นไม่ได้มีสัมผัสของอาวุธเทพ เป็นแค่นิ้วมือธรรมดาสร้างขึ้นจากคลื่นพลังที่ทำให้หวังเป่าเล่อแทบจะหยุดหายใจ ราวกับว่าเพียงแค่นิ้วหักงอเข้าสัมผัสก็สามารถทำให้ร่างของเขาสลายกลายเป็นฝุ่นผงได้!

หัวใจของเขาเต้นถี่รัวเมื่อความกังวลเข้าถาโถมใส่ ชายหนุ่มนั่งใคร่ครวญด้วยแววตาเคร่งเครียด ก่อนจะเตรียมตัวเปิดรูโหว่และส่งร่างอวตารเข้าไปอีกครั้ง

ร่างอวตารพุ่งตัวไปอย่างรวดเร็วเมื่อเข้าไปในเสาค้ำได้ มันไม่ได้ดำลึกลงไปแต่ทะยานขึ้นด้านบน พยายามอยู่ตรงจุดกึ่งกลาง ร่างโชกไปด้วยของเหลวสีม่วง จากนั้นก็ปลดปล่อยแรงเหวี่ยงส่งของเหลวสีม่วงพัดกระจายออกไป

ความโกลาหลที่เกิดขึ้นดึงความสนใจเหล่าตัวตนน่าสะพรึงกลัวภายในเสาค้ำทันที ลำแสงสีทองนับสิบพุ่งตรงมาทางร่างอวตารทันที

ตอบสนองช้ากว่าที่คิด… หวังเป่าเล่อหรี่ตาครุ่นคิด ลำแสงที่พุ่งตรงมาเจาะผ่านร่างอวตารทันที เขาเห็นตัวตนของลำแสงก่อนร่างอวตารจะแหลกสลายไปหมด ลำแสงเหล่านั้นคือแขนขาและส่วนต่างๆ ของร่างกายในสภาพหักงอ!

ทุกส่วนล้วนมีสีทอง!

แต่ละส่วนนั้นไม่ได้มาจากร่างเดียวกัน กลุ่มลำแสงสีทองจากไปหลังจากทำลายร่างอวตารของชายหนุ่มเสร็จ หวังเป่าเล่อเตรียมตัวไว้พร้อมอยู่แล้วจึงปล่อยร่างอวตารอีกร่างเข้าไปในเสาค้ำอย่างไม่ลังเลใจ

“ลองดูอีกรอบว่าพวกมันตอบสนองเร็วแค่ไหน!” ชายหนุ่มพูดพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะพุ่งความสนใจไปที่ร่างอวตาร

ร่างอวตารทะยานขึ้นสูงอย่างรวดเร็วทันทีที่เข้าไปในเสาค้ำ พยายามก่อความโกลาหลภายในและคอยรักษาตำแหน่งให้อยู่จุดกึ่งกลาง ไม่นาน…ร่างอวตารก็ถูกทำลายย่อยยับ

แขนขาพวกนั้นคิดเองไม่ได้ พวกมันโจมตีตามสัญชาตญาณ…ถึงจะแข็งแกร่งแต่ก็มีช่องโหว่ หลังจากครุ่นคิดอยู่สักพัก เขาก็ลองดูอีกรอบทันที

ชายหนุ่มลองอีกครั้ง สองครั้ง สามครั้ง…เจ็ดครั้ง แปดครั้ง เก้าครั้ง…เขาต้องกินโอสถมากมายเพื่อฟื้นฟูพลังปราณที่เสียไปเป็นจำนวนมากพร้อมกับปล่อยร่างอวตารนับไม่ถ้วนออกไปไม่หยุดหย่อน พวกมันเป็นเหมือนเครื่องบูชายัญที่ต้องส่งไปตายซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ร่างอวตารกลายเป็นเหยื่อล่อ คอยโจมตีที่เดิมซ้ำๆ ล่อเหยื่อให้มารวมตัวกัน ณ จุดเดียว!

การลวงล่อของชายหนุ่มทำให้ตัวตนสีทองมารวมตัวกันมากขึ้น ผ่านไปพักใหญ่ หวังเป่าเล่อที่หน้าซีดเผือดก็ต้องเห็นภาพร่างอวตารถูกทำลายไปอีกครั้ง ร่างกายของเขาเหมือนโดนสูบพลังไปจนหมด แต่ก็ยังส่งร่างอวตารอีกตนออกไปพร้อมกับโบกมือเรียกกระบี่บินเล่มหนึ่งให้ติดตัวมันไปด้วย ครั้งนี้ ร่างอวตารไม่ได้ลอยขึ้นไปเหมือนเดิม แต่กลับพุ่งตัวลงไปแทน!

มันดำลงไปลึกกว่าที่ร่างอวตารตัวก่อนๆ เคยไปถึง เหล่าตัวตนสีทองได้ไปรวมตัวอยู่บริเวณด้านบนทำให้ร่างอวตารสามารถดำลึกลงมาได้อย่าง่ายดาย

ร่างอวตารพุ่งผ่านชั้นที่สองไปถึงดินแดนที่ไม่รู้จัก ตอนนั้นเองเหล่าชิ้นส่วนร่างกายสีทองถึงจะตระหนักได้ว่าเกิดอะไรขึ้น!

หวังเป่าเล่อเห็นบางอย่างเรืองแสงด้านนอกเสาค้ำ แต่ยังไม่ทันจะได้ตรวจสอบให้ละเอียด ชิ้นส่วนร่างกายสีทองสภาพแตกหักก็พุ่งแหวกของเหลวสีม่วงตรงมาหา ก่อนที่พวกมันจะตรงเข้าโจมตี ร่างอวตารก็อ้าปาก ปล่อยกระบี่บินสีแดงทะยานออกไป!

กระบี่เล่มนั้นคือกระบี่ที่ทรงพลังที่สุดในหมู่กระบี่บินสามสี มีพลังเทียบเท่ากับอาวุธเวทระดับเก้า

ร่างอวตารปล่อยพลังหนุน สายฟ้ามากมายพลันปรากฏรอบกระบี่เสริมพลังและความเร็วเพิ่มขึ้น กระบี่พุ่งตรงไปยังผนังเสาค้ำ แม้เสาค้ำจะแข็งหนาและสามารถฟื้นสภาพได้ไว แต่การโจมตีเมื่อครู่ก็เปิดช่องว่างเล็กๆ ขึ้นได้!

ช่องว่างที่เปิดออกกว้างไม่ถึงสามเซนติเมตร เป็นเพียงแค่รอยข่วนเล็กๆ บนเสาค้ำใหญ่โต มนุษย์หรือหุ่นเชิดไม่สามารถลอดผ่านไปได้ แต่ร่างอวตารของเขาสร้างขึ้นจากอัสนี มันแปลงกายเป็นสายฟ้าพุ่งตามกระบี่ลอดผ่านช่องว่างไปในพริบตา!

กระบี่บินสีแดงไม่สามารถผ่านไปได้ ช่องว่างปิดตัวลงทันใดหลังจากร่างอวตารผ่านออกไป ทิ้งกระบี่ให้ติดอยู่ภายในเสาค้ำ

หวังเป่าเล่อปวดใจที่ต้องเสียกระบี่ไป แต่ก็ไม่มีเวลามัวมาคร่ำครวญ ร่างอวตารปรากฏตัวนอกเสาค้ำและเริ่มสำรวจรอบๆ ตัว

ภาพเบื้องหน้าทำให้ร่างอวตารและร่างจริงตื่นตะลึงไป!

บริเวณใต้ชั้นที่สองไม่สามารถบรรยายได้ว่าเป็นโลกอีกใบ ทั่วบริเวณไม่ได้กว้างนัก เป็นเหมือนแค่ถ้ำกว้างแห่งหนึ่ง ไม่ใช่โลกใบใหม่!

ปลายอีกด้านของเสาค้ำห้อยลงมาจากผนังถ้ำ ตั้งค้างเติ่งอยู่กลางอากาศไม่ได้เหยียดยาวลงมาถึงพื้นดิน ดูเหมือนกับอุโมงค์ที่เชื่อมต่อไปยังชั้นที่สอง

รอบเสาค้ำมีหนวดจับยื่นยาวออกมา สั้นยาวแตกต่างกันไป ดูแล้วเหมือนกับหนวดสัตว์ที่ปลิวพลิ้วไปตามลม ที่น่าสะพรึงกลัวสำหรับหวังเป่าเล่อที่สุดคือมีศีรษะผุดออกมาจากปลายหนวดจับ!

ศีรษะเหล่านั้นมีทั้งหญิงและชาย ทั้งเด็กและแก่ ราวกับว่าศีรษะพวกนี้ถูกสะบั้นออกจากบ่าและนำมาประดับตรงปลายหนวดจับไว้ เกิดเป็นภาพน่าขนลุก ชายหนุ่มหยุดหายใจเมื่อหันไปพบ เมื่อดูให้ละเอียดแล้ว ดวงตาทุกคู่ล้วนปิดสนิท ไม่ว่าหนวดจับจะโบกไปมาแรงแค่ไหนก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น หนวดจับบางเส้นหย่อนตัวลงทะเลสาบด้านล่าง!

ทะเลสาบเบื้องล่างมีสีทอง ผิวน้ำนิ่งสงบไม่ไหวติง ตรงกลางแม่น้ำ ด้านล่างเสาค้ำ มีร่างหนึ่งนั่งอยู่!

ร่างสามหัวหกแขนบ่งบอกชัดเจนว่าเขามาจากตระกูลไม่รู้สิ้น ดูแข็งแกร่งกำยำ พลังไร้เทียมทานแผ่จากร่างปกคลุมทั่วพื้นที่

ในกายผู้ฝึกตนคนนั้นมีพลังวิญญาณมากมายดั่งมหาสมุทร ตรงหน้าผากมีรูโหว่ที่ได้ทะเลสาบคอยฟื้นฟูสภาพแต่ก็ยังขยายออกอยู่เรื่อยๆ ไม่มีทีท่าว่าจะรักษาได้สมบูรณ์

ร่างอวตารหรี่ตามองภาพเบื้องหน้า หยุดยืนดูอยู่นานก็ไม่พบอะไรผิดแปลก หวังเป่าเล่อจึงเริ่มตรวจดูร่างกลางแม่น้ำอย่างระมัดระวัง

เขาหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่นาน ก่อนจะเดินเข้าไปมองอยู่ไกลๆ

ไม่มีทั้งสัญญาณชีวิตหรือความตาย เหมือนเป็นแค่กายเนื้อ แต่ก็ให้สัมผัสคล้ายกับ…สมบัติเวท หวังเป่าเล่อไม่รู้จะอธิบายร่างกลางทะเลสาบอย่างไร ยิ่งตรวจดูก็พบว่ามันดูคล้ายกับ…ชุดคลุม!

อาจจะบอกว่าเป็น…ชุดเกราะก็ได้!

“เหมือนจะเป็น…ศิลาวิญญาณด้วยเหมือนกัน เป็นภาชนะบางอย่างที่ใช้กักเก็บปราณวิญญาณอย่างนั้นหรือ” หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงขณะพึมพำกับตนเอง เขากำลังจะลงทะเลสาบไปตรวจสอบใกล้ เตรียมใจพร้อมรับสถานการณ์เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้ หากเกิดอะไรขึ้นมา เขาจะตัดการเชื่อมต่อระหว่างร่างจริงและร่างอวตารทันที

ขณะที่หวังเป่าเล่อกำลังจะมุ่งหน้าเข้าไปใกล้ ทันใดนั้นเอง…ศีรษะชายแก่คนหนึ่งที่ห้อยติดกับหนวดจับเหนือหัวก็พลันลืมตาตื่น!

ศีรษะชายชราเต็มไปด้วยผมหงอกขาวและริ้วรอยแห่งวัย ดวงตาดูสับสน เสียงแหบห้าวดังขึ้น

“ช่วยข้าด้วย…ช่วยข้า…”

หวังเป่าเล่อขนหัวลุกทันทีที่ได้ยินเสียงนั่น เขารีบถอยกลับและเงยหน้าขึ้นมอง ก่อนจะต้องตื่นตกใจไป ชายชราที่เอ่ยพูดขึ้นได้ตายไปแล้ว ดวงตาเต็มไปด้วยความมืดมิด แต่เสียงยังดังก้องแจ่มชัด เหมือนจะมีพลังบางอย่างแฝงอยู่ เป็นพลังที่สามารถเจาะทะลุถ้ำและเรือบินรบออกไปสะท้อนอยู่ในกาลอวกาศ

ชายหนุ่มคุ้นเคยกับเสียงนั่น มันคือเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่พัดผ่านตามลมมาจนถึงสำนักวังเต๋าไพศาล เป็นเสียงของ…บิดาของเฟิ่งชิวหรันที่นางอยากพบใจจะขาดและอาจารย์ลุงของเมี่ยเลี่ยจื่อผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้ฝึกตนทรงอำนาจของสำนักวังเต๋าไพศาล!

ไม่มีอะไรที่ข้าสามารถทำได้ในที่แห่งนี้…ข้าต้องบอกเรื่องนี้ให้ผู้อาวุโสเฟิ่งชิวหรันและคนอื่นทราบให้เร็วที่สุด! หวังเป่าเล่อหรี่ตา ยังไม่เลิกล้มความตั้งใจที่จะตรวจสอบร่างผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้น ส่วนร่างจริงก็จะแยกออกไปตามหายเฟิ่งชิวหรันและคนอื่นๆ

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะลงมือตามแผนที่วางไว้…แม่นางน้อยที่เงียบหายไปนานก็โพล่งขึ้นในหัว!

“นั่นคือชุดคลุมออกศึก…เป็นสิ่งที่ควบคุมเรือบินรบลำนี้!”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset