หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 652 เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว!

บทที่ 652 เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว!
นางเก็บระเบิดต้านทานวิญญาณพี่บิดามอบให้ไว้เป็นไพ่ตายสุดท้าย เสียงกัมปนาทดังสนั่นก้องไปทั่วเมื่อระเบิดต้านทานวิญญาณทำงาน ผู้อาวุโสขั้นจุติวิญญาณล่าถอยอย่างบ้าคลั่ง พลางโยนซัดเอาทั้งคาถาและวัตถุเวทเพื่อป้องกันตัว แต่ทว่า ชายชรายืนอยู่ใกล้เจ้าเยี่ยเหมิงเกินไป

ไม่ว่าจะตอบสนองได้อย่างรวดเร็วเพียงใด แม้ว่าจะเคลื่อนย้ายตัวเองออกไปก็ตาม ก็ยังคงช้าเกินไปก้าวหนึ่ง ระเบิดต้านทานวิญญาณเป็นอาวุธที่สหพันธรัฐคิดค้นขึ้นมา หลุมดำที่เกิดขึ้นมาจากแรงระเบิดและอำนาจการปิดผนึกพลังปราณได้ทำเอาผู้อาวุโสส่งเสียงคำรามลั่นด้วยแรงโทสะต่อหน้าต่อตาเจ้าเยี่ยเหมิง

กระดูกสีขาวโพลนทิ่มทะลุออกมาจากอก แรงระเบิดมหาศาลนั้นกวาดผ่านใบหน้าเขา บดขยี้ชิ้นส่วนร่างกายของเขาจนกลายเป็นก้อนเนื้อ ก่อนจะแหลกสลายกลายเป็นจุณไป!

ทุกอย่างเกินขึ้นในพริบตาเดียว เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บดังก้องไปทั่วเมื่อร่างขอผู้อาวุโสถูกทำลายและหลุดเป็นชิ้นๆ กระทั่งกระดูกก็ยังแตกสลาย หากเป็นใครอื่นก็คงจะตายทันที แต่ทว่าผู้อาวุโสยังเดินเขยกออกมาได้ แสงสว่างจ้าสีแดงส่องสว่างออกมาจากภายในร่าง แสงนั้นส่องสว่างออกมาจากกระดูกของเขา!

แขนหกข้างพุ่งออกมาจากร่างกายที่แหลกสลายนั้น สร้างรูขนาดใหญ่จำนวนมากบนเนื้อตัวเขา มีตุ่มเนื้อขนาดใหญ่อยู่บนคอทั้งสองข้างของเขา ที่ระเบิดออกมาเป็นศีรษะสองอัน!

ดูราวกับว่ามีร่างอีกร่างหนึ่งซ่อนอยู่ภายในร่างของผู้อาวุโสมาโดยตลอด ร่างของผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลเป็นเพียงเปลือกนอก ร่างที่แท้จริงของเขาคือสมาชิกตระกูลไม่รู้สิ้นต่างหาก!

ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นเผยตัวออกมาจากร่างของผู้อาวุโสอย่างรุนแรง ลมหายใจของเจ้าเยี่ยเหมิงสะดุดเพราะความตกตะลึง ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นต้องใช้มือยันพื้นเพราะซวนเซ ก่อนจะตั้งตัวได้และหยุดนิ่งไม่ไหวติงอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นมา โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก ร่างนั้นหอบหายใจและปกคลุมไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะ แม้ว่าร่างผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลจะช่วยลดแรงกระแทกไปบ้าง การโจมตีอันรุนแรงนั้นก็สร้างความเสียหายให้ร่างจริงไปไม่น้อยเช่นกัน!

ผู้อาวุโสมีใบหน้าบึ้งตึง และดวงตาสีแดงฉานที่จับจ้องมายังเจ้าเยี่ยเหมิงอย่างอาฆาตมาดร้ายนั้นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนล้า

“เจ้าเกือบจะสังหารข้าได้…ผู้ฝึกตนขั้นกำเนิดแก่นในทำได้ถึงเพียงนี้ ข้าคงจะประมาทเจ้าไปหน่อย!” ผู้อาวุโสจากตระกูลไม่รู้สิ้นกล่าวด้วยน้ำเสียงแหบพร่าในภาษาของสำนักวังเต๋าไพศาล เจ้าเยี่ยเหมิงผงะถอยหลัง ลมหายใจของนางไม่สม่ำเสมอ

นางเริ่มรู้สึกเสียดายขึ้นมา เพราะในครั้งนี้นางได้สู้สุดความสามารถ หญิงสาวไม่ได้ทำพลาด หากว่าคู่ต่อสู้ของนางไม่ใช่คนตระกูลไม่รู้สิ้นแต่เป็นผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาล เจ้าเยี่ยเหมิงก็คงจะสังหารทั้งร่างกายและวิญญาณของเขาไปจนสิ้นแล้ว

คงจะเป็นโชคชะตาที่กำหนดมาเช่นนี้…เจ้าเยี่ยเหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก มีความขมขื่นอยู่ในใจ แต่ไม่ใช่ความสิ้นหวัง นางยอมรับโชคชะตา ก่อนจะหรี่ตาลง นางยกมือขวาขึ้นแตะหน้าผาก

หากไม่มีทางให้นางเอาชนะการต่อสู้ในครั้งนี้ นางก็คงยอมจะจบชีวิตตัวเองเสียดีกว่าจะถูกหลอมเป็นโอสถที่ส่งเสริมกำลังศัตรู เจ้าเยี่ยเหมิงยอมตายดีกว่ายอมแพ้!

ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นรีบพุ่งตัวออกมาปรากฏตัวตรงหน้านางทันทีที่เจ้าเยี่ยเหมิงยกมือขึ้น และตบมือของเจ้าเยี่ยเหมิงออกไปอย่างแรง ร่างของหญิงสาวปลิวออกไปชนกับกำแพงศิลา

โลหิตทะลักออกมาจากริมฝีปากของนาง ดวงตาของเจ้าเยี่ยเหมิงเริ่มพร่าเลือน นางกัดกรามแน่น ไม่ยอมส่งเสียงออกมาแม้แต่คำเดียว หญิงสาวพยายามลืมตาอย่างยากเย็น ก่อนจะจับจ้องไปยังผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นที่ย่างสามขุมเข้ามาตาไม่กะพริบ

“ข้าต้องขอชื่นชมเจ้า แต่เจ้าไม่มีสิทธิจะตาย ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำลายตัวเองเสียหรอก! ข้าจะต้องหลอมคนเป็นๆ เท่านั้น โอสถจึงจะมีประสิทธิภาพสูงที่สุด โอสถนั้นจะพาข้ากลับไปยังจุดสูงสุดของระดับปราณของข้า นี่คือโชคชะตาของเจ้า”

ผู้อาวุโสหรี่ตาลง น้ำเสียงของเข้าเปี่ยมไปด้วยอำนาจ ชายชราก้าวขาออกมาและกำลังจะเข้าถึงตัวเจ้าเยี่ยเหมิงจู่ๆ ก็ขมวดคิ้วเป็นปมแน่น เขายกแขนขึ้นวาดผนึกฝ่ามือก่อนจะซัดออกไปทางขวา

ในวินาทีนั้น มีร่างๆ หนึ่งพุ่งออกมาจากด้านขวาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า แต่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นก็ยังเร็วกว่า และคว้ามันเอาไว้ได้ขณะที่มันพุ่งออกมา!

ร่างนั้นเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่ง!

เมื่อผู้อาวุโสคว้ามันไว้ หุ่นเชิดนั้นก็ระเบิกขึ้นทันที ก่อนที่จะถูกเขาขยี้จนเละ เสียงระเบิดดังสนั่นกระจายไปในอากาศ ผู้อาวุโสมีใบหน้าบึ้งตึง เมื่อมองเห็นหุ่นเชิดเจ็ดถึงแปดตัวที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทาง

ลมหายใจของเจ้าเยี่ยเหมิงเริ่มขาดช่วงเมื่อมองเห็นบรรดาหุ่นเชิด เริ่มมีสัญญาณชีวิตไหลกลับเข้ามาในดวงตาของนาง

“ลูกไม้ชั้นต่ำ!” นัยน์ตาของผู้อาวุโสฉาบเคลือบไปด้วยความเกลียดชัง เขาเพิ่งจะได้รับบาดเจ็บรุนแรงมา แถมยังไม่ได้ฟื้นฟูอย่างเต็มที่ ทำให้ตอนนี้ร่างของเขายังอยู่ในขั้นจุติวิญญาณขั้นต้น อันที่จริงแล้ว หลังจากแรงระเบิดของระเบิดต้านทานวิญญาณ ทำให้พลังปราณเขาผู้อาวุโสตกลงมาอยู่ในขั้นกำเนิดแก่นในเท่านั้น แต่ความมั่นใจของเขายังมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง!

เมื่อบรรดาหุ่นเชิดพุ่งเข้ามาใส่ ผู้อาวุโสก็ย่อตัวลง ก่อนจะกำมือทั้งหกและชกลงไปในดินไปพร้อมๆ กัน

คลื่นพลังวิญญาณพุ่งทะลักออกมาเสียงสนั่น พุ่งเข้ากระแทกหุ่นเชิดที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา

ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นกระโจนขึ้นในอากาศก่อนจะพุ่งตรงไปยังเจ้าเหยี่ยเหมิงอีกครั้ง มือก็ใช้ผนึกฝ่ามืออยู่ไม่หยุดหย่อน สร้างเปลวเพลิงลุกโหมกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง ผู้อาวุโสวางแผนจะหลอมเจ้าเยี่ยเหมิงด้วยกำลัง ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหอนที่เจือไปด้วยความบ้าคลั่ง ดุร้าย และกระหายเลือด ดังขึ้นมาเบื้องหลังเขา ราวกับสายฟ้าฟาดที่พุ่งทะลุทะลวงอากาศ!

“เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว!”

เสียงคำรามดังสนั่นนั้นพวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนจะแปรสภาพเป็นลำแสงสีดำสนิทที่พวยพุ่งออกไปข้างหน้าราวกับดาวหาง แสงสีดำอันพร่ามัวนั้นมีพลังรุนแรงมหาศาล ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นแสดงความตกใจออกมาทางแววตาอีกครั้งหนึ่ง ครั้งแรกคือตอนที่เจ้าเยี่ยเหมิงใช้ระเบิดต้านทานวิญญาณตรงหน้าเขา

ชายชราไม่รอช้า ไม่มีเวลากระทั่งจะจับเจ้าเยี่ยเหมิงมาบังเป็นโล่ห์มนุษย์ เขารีบเคลื่อนย้ายห่างออกไปหลายร้อยเมตรทันที ลำแสงสีดำหักเหอย่างว่องไวขณะที่ร่างของผู้อาวุโสหายไป แสงนั้นเลี้ยวผ่านหน้าเจ้าเยี่ยเหมิงไปโดยที่ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย ราวกับว่ามีเป้าหมายอยู่ที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเท่านั้น แสงยังคงพุ่งตรงเข้าไปหาเขาอย่างไม่ลดละ!

ลำแสงนั้นคือหอกดำ มันพุ่งผ่านความว่างเปล่าอย่างรวดเร็วไปหาผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นผู้ ซึ่งไม่สามารถจะเคลื่อนย้ายอีกครั้งได้เพราะอาการบาดเจ็บ หอกดำพุ่งเข้าปะทะอย่างแรง

ลมหายใจของผู้อาวุโสเริ่มขาดช่วง มือทั้งหกผสานกันเข้ามาเป็นผนึกฝ่ามือ ฝ่ามือประสานกัน ลายเส้นสีดำพุ่งประสานกันก่อตัวเป็นหน้าปีศาจ

ภาพใบหน้านั้นปะทะเข้ากับหอกดำ ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นที่ดังก้องสะท้อนไปในอากาศ หอกดำหยุดลงในที่สุด และสายฟ้าสีดำก็ปะทุออกมาจากหอกที่ถูกหยุดนั้นก่อนจะขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีร่างหนึ่งก้าวออกมาจากสายฟ้า และค่อยๆ ขยายขนาดจากเท่าฝ่ามือมาเท่าตัวคน ร่างนั้นซัดกำปั้นออกมาอย่างรวดเร็ว!

กำปั้นนั้นไม่มีแรงเสริมจากเกราะจักรพรรดิลักอัคคี แต่ก็ยังเป็นกำปั้นที่รุนแรงที่สุดที่ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อจะชกได้ กำปั้นนั้นใช้พลังของกระบวนเวทอัสนีนิรันดร์จำแลงผนวกกับระเบิดกำเนิดดวงดารา สายฟ้าปะทุออกมาโดยรอบเมื่อกำปั้นนั้นพุ่งเข้าชนเป้า ก่อนจะรวมตัวกันเป็นสายฟ้าลูกใหญ่ที่ระเบิดใส่หน้าของผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างจัง!

สายฟ้าจำนวนนับไม่ถ้วนปะทุอยู่ไปมาบนพื้นที่แตกระแหก ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นเจ็บหนักมาจากระเบิดต้านทานวิญญาณของเจ้าเยี่ยเหมิงอยู่แล้ว กำปั้นของหวังเป่าเล่อจึงส่งเขากระเด็นถอยหลังไปก่อนจะบ้วนเอาโลหิตออกมาจากปาก

การโจมตีนี้ทำให้ผู้อาวุโสไม่อาจจะต้านทานหอกดำไว้อีกต่อไป หอกพุ่งตรงออกไปข้างหน้า ศีรษะของผู้อาวุโสเริ่มตึงเครียด เขาเอี้ยวตัวไม่ให้หอกปักโดนอวัยวะสำคัญ หอกจึงพุ่งเสียบทะลุหัวไหล่เขาไป!

โลหิตกระจายไปทั่วพื้น ขณะที่ผู้อาวุโสล่าถอยพร้อมๆ กับส่งเสียงคำรามคลั่ง

“หวังเป่าเล่อ เจ้า…”

ชายหนุ่มตามเข้ามาถึงตัวก่อนที่ผู้อาวุโสตระกูลไม่รู้สิ้นจะพูดจบประโยค เขาปรากฏตัวขึ้นได้ไวราวกับสายฟ้า หวังเป่าเล่อจะใส่ร่างอวตารเข้าไปในร่างของผู้อาวุโสเพื่อจะระเบิดออกมาจากภายใน!

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset