หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 655 ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้!

บทที่ 655 ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้!
การปรากฏตัวขึ้นของเมี่ยเลี่ยจื่อและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทำเอาหวังเป่าเล่อตกตะลึง ชายหนุ่มยิ่งตกใจไปมากกว่านั้นอีกเมื่อเห็นร่างนับสิบที่ตามหลังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมาติดๆ

ทุกๆ คนมีใบหน้าที่คุ้นเคย ส่วนมากเป็นผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณที่อยู่ในฝ่ายของโยวหรันและเมี่ยเลี่ยจื่อ ศิษย์เอกของโยวหรันอย่างโจวซู่เต๋าและหวงหยุนซานก็อยู่ในกลุ่มนั้นด้วย!

ใบหน้าของพวกเขาดูเคร่งขรึม ทุกคนมีใบหน้าซีดเซียวราวกับว่าเสียโลหิตไปมาก ราวกับว่าวิญญาณของพวกเขาถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่ทว่าทุกๆ คนในขณะนี้ยืนอยู่หลังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันอย่างพร้อมให้การสนับสนุน!

หวังเป่าเล่อพยายามนึกย้อนกลับไปถึงสิ่งที่เขารู้เกี่ยวกับศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน รวมไปถึงความรู้สึกระแวงที่มีต่อชายผู้นี้อยู่โดยตลอด ฉากตรงหน้านี้ยืนยันข้อสงสัยของชายหนุ่ม ความเป็นจริงมาปรากฏอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว!

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทรยศหักหลังสำนักวังเต๋าไพศาล!

ความคิดนั้นเด่นชัดขึ้นในใจของหวังเป่าเล่อขณะที่เขามองเห็นเมียเลี่ยจื่อใช้ผนึกฝ่ามือจำนวนมหาศาลเผื่อชะลออีกฝ่ายและพยายามหนี การระเบิดจากผนึกฝ่ามือนั้นเข้าไปปะทะกับการโจมตีที่มองไม่เห็นที่ถูกซัดตามหลังเขามาเป็นระยะ เห็นได้ชัดว่าเมี่ยเลี่ยจื่อบาดเจ็บหนัก แม้ว่าจะปัดป้องการโจมตีได้ แต่โลหิตก็ยังคงหลั่งไหลออกมาจากปากเขา ชายชราเดินเซ ก่อนจะเริ่มหัวเราะออกมาราวกับคนใกล้เสียสติ

“โยวหรัน เจ้าทำแบบนี้ทำไมกัน”

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลอยตัวอยู่กลางอากาศ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาทันทีที่ได้ยิน เสียงหัวเราะของเขามีบางสิ่งที่ดำมืดและลึกล้ำเกินกว่าจะคาดเดาเจือปนอยู่ เขาไม่ได้โจมตีอีกครั้ง หากแต่หยุดเพื่อตอบคำถามอย่างใจเย็น

“เมี่ยเลี่ยจื่อ เจ้ายังทำเป็นไขสืออยู่อีกหรือ เจ้าควรจะรู้ตั้งแต่ที่ข้าลอบโจมตีเจ้าแล้วนะ ไม่เช่นนั้นเจ้าจะใช้การโจมตีที่รุนแรงที่สุดทั้งๆ ที่บาดเจ็บอยู่เช่นนั้นเพียงเพื่อหนีลงมาชั้นสองทำไม…เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะรู้ไม่ทัน เจ้าพยายามจะล่อเฟิ่งชิวหรันออกมาและร่วมมือกับนางใช่หรือไม่”

“เราเป็นเพื่อนกันมานาน เจ้าบอกข้าก็ได้หากเจ้าอยากจะถ่วงเวลา ข้าจะปล่อยให้เจ้าทำตามใจเลย” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยิ้มก่อนจะพูดกับเมี่ยเลี่ยจื่อ

ใบหน้าที่เจ็บปวดและซีดเซียวของเมี่ยเลี่ยจื่อหม่นหมองลงทันทีที่ได้ยินสิ่งที่โยวหรันกล่าว อีกฝ่ายคาดเดาถูกต้อง เมี่ยเลี่ยจื่อรู้คำตอบตั้งแต่ที่โยวหรันลอบโจมตีเขาแล้ว ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันทรยศสำนักวังเต๋าไพศาล เมี่ยเลี่ยจื่อคิดไปถึงกระบวนเวทของตระกูลไม่รู้สิ้นทันทีเมื่อมองเห็นว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันสะกดคนเกือบทั้งสำนักวังเต๋าไพศาลเอาใต้คาถาประหลาด

เป็นเหตุให้เมี่ยเลี่ยจื่อต้องสู้แบบถึงลูกถึงคนเพื่อจะฉีกแผ่นโลกและหนีลงมายังชั้นสอง เป้าหมายของเขาก็คือการตามหาเฟิ่งชิวหรัน ร่วมมือกับนาง และเอาชนะศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันให้ได้ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเลือกที่จะลอบทำร้ายเขาแทนที่จะสู้กับแบบต่อหน้า แปลว่าอีกฝ่ายเองก็คงไม่ทรงพลังถึงขนาดจะเอาชนะไม่ได้!

ความหวังยังคงมี!

แต่ทว่า ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันดูเหมือนจะรู้ทันความคิดของเมี่ยเลี่ยจื่อเสียแล้ว ความพูดน้อยของอีกฝ่ายเริ่มจะทำให้เมี่ยเลี่ยจื่อหวั่นวิตก

หวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงซ่อนตัวอยู่ในภูเขาใกล้ๆ ขณะที่เมี่ยเลี่ยจื่อและศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลอยตัวอยู่กลางอากาศ พวกเขาเฝ้ามองการต่อสู้อย่างตื่นตระหนก หลังจากที่ได้ยินสิ่งที่หวังเป่าเล่อได้ไปพบมาในชั้นที่สาม เจ้าเยี่ยเหมิงก็สรุปได้อย่างรวดเร็ว

เป็นไปได้อย่างยิ่งว่าศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรากฏขึ้นของเรือรบ อันที่จริงแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่เบื้องหลังแผนการเหล่านี้ทั้งหมด การปรากฏตัวขึ้นของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนก่อนทำให้การเดาตัวตนที่แท้จริงของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันนั้นง่ายขึ้นไปอีก

หวังเป่าเล่อเองก็ได้คำตอบเช่นเดียวกันและตื่นตกใจอยู่เงียบๆ ร่างจริงของเขากำลังพยายามจะดูดซับชุดคลุมออกศึกให้หมดจด ไม่ว่าเขาจะต้องสะสมไขมันวิญญาณไว้มากเพียงใดก็ไม่สำคัญหากจะสามารถเร่งความเร็วในการดูดซับพลังวิญญาณจากชุดคลุมนี้ได้!

หวังเป่าเล่อเร่งมือรีบสูบพลังอีก บนท้องฟ้า นัยน์ตาของเมี่ยเลี่ยจื่อจู่ๆ ก็เป็นประกายประหลาด เขาจ้องมองไปยังศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก่อนจะถามขึ้นมาปุบปับ “เฟิ่งชิวหรันอยู่ไหน”

“ข้าชอบคำถามที่ตรงไปตรงมาของเจ้า” ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันยิ้มก่อนจะส่ายศีรษะเบาๆ

“เฟิ่งชิวหรันยังไม่ตาย ข้าจะยอมให้เจ้าทั้งคู่ตายได้อย่างไรกัน แต่อย่างไรเสียนางก็คงไม่มีทางมาถึงที่นี่ทันช่วยเจ้าหรอก นางติดอยู่ภายในวงแหวนปราณที่ข้าเตรียมมาสำหรับนางโดยเฉพาะ อีกอย่าง…” ตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันหรี่เล็กขณะที่เขาก้าวขาออกมาด้านหน้า เมี่ยเลี่ยจื่อถอยกรูดตามสัญชาติญาณ

แต่ทว่า เมี่ยเลี่ยจื่อก็บาดเจ็บหนัก แม้ว่าเขาจะเคลื่อนว่องไวเพียงใด ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันก็ตามมาทัน เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นในอากาศขณะที่ทั้งคู่ประมือกันอยู่บนฟ้า

การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว ผิวหนังของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันฉีกขาดออกเพราะแขนทั้งสี่ที่งอกออกมา และมือทั้งหกของเขาก็ประสานกันเป็นผนึกฝ่ามือจำนวนมหาศาล หมอกสีดำปรากฏออกมาและแปรสภาพกลายเป็นหม้อหลอมขนาดยักษ์ที่กระแทกเมี่ยเลี่ยจื่ออย่างแรง

เสียงกระแทกดังสนั่นดังขึ้น เมี่ยเลี่ยจื่อบ้วนโลหิตออกมากองใหญ่ เขาซวนเซก่อนจะปลิวไปชนกับภูเขาอย่างแรง ทำให้ภูเขาถึงกับถล่ม ขณะที่เมี่ยเลี่ยจื่อพยายามยันตัวลุกขึ้นยืน หม้อหลอมยักษ์ก็แปรสภาพกลายเป็นเส้นด้ายที่ชอนไชเข้าไปในร่างของเมี่ยเลี่ยจื่อ

เมี่ยเลี่ยจื่อตัวสั่นอย่างรุนแรงก่อนจะกระอักเอาโลหิตออกมาเต็มปาก หน้าอกของเขายุบลงไป แขนข้างหนึ่งก็หัก ชายชราหัวเราะอย่างขมขื่นก่อนจะยกศีรษะขึ้นอย่างยากเย็น ดวงตาทั้งคู่จับจ้องไปที่ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรัน

สีหน้าของอีกฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลง โยวหรันยืดแขนทั้งหกออกอย่างเมื่อยขบก่อนจะฉีกยิ้ม

“เป็นเวลานานมาแล้วตั้งแต่ที่ข้าแสดงร่างจริงเป็นครั้งสุดท้าย แม้ว่าร่างกายของผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าไพศาลจะสะดวกสบายกว่ามากแต่ก็…อ่อนแอเกินไป!” เขาโคลงศีรษะก่อนจะทอดตามองไปไกล นัยน์ตาทั้งคู่กวาดมองขอบฟ้า ก่อนจะมองไปเห็นหวังเป่าเล่อและเจ้าเยี่ยเหมิงที่หลบซ่อนตัวอยู่

แต่ทั้งสองไม่สำคัญแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นเจ้าเยี่ยเหมิงหรือหวังเป่าเล่อก็ตาม ทั้งสองเป็นเพียงแมลงในสายตาโยวหรัน แม้ว่าคนหนึ่งจะเป็นถึงศิษย์อุปถัมภ์และผู้อาวุโสสูงสุดคนที่สี่ แต่ตำแหน่งเหล่านั้นก็ช่างไร้ความหมาย สิ่งที่สำคัญก็คือระดับพลังปราณ!

ณ เวลานี้ โยวหรันสนใจเพียงแค่เมี่ยเลี่ยจื่อเท่านั้น เขาโบกมือหนึ่งครั้ง มีร่างเงานับสิบปรากฏขึ้นมาเบื้องหลังเขา พวกมันรายล้อมเมี่ยเลี่ยจื่อผู้เจ็บหนักเอาไว้ในพริบตา ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันย่างสามขุมเข้ามาหาเมี่ยเลี่ยจื่ออย่างแช่มช้า

หวังเป่าเล่อเห็นอย่างชัดเจนว่าโยวหรันกำลังพยายามควบคุมตนเองอย่างยากลำบาก ชายหนุ่มมีแววตามุ่งมั่นฉายขึ้นมาในแววตา ก่อนที่จะจับมือเจ้าเยี่ยเหมิงและพากันถอยหนีไปอย่างเร่งรีบ

เมี่ยเลี่ยจื่อสัมผัสกายมีอยู่ของพวกเขาได้ แต่ไม่ได้แม้แต่จะหันมามอง ดวงตาของเขานั้นยังคงดุร้าย แต่ความขมขื่นกำลังกลืนกินจิตใจ เขาไม่ได้ถือโทษการล่าถอยของหวังเป่าเล่อ หากเป็นเขาเอง ด้วยพลังปราณระดับกำเนิดแก่นใน เขาก็คงหันหลังหนีอย่างไม่คิดชีวิตเช่นกัน

ความรู้สึกขมขื่นนั้นเกิดขึ้นก็เพราะว่า หากเขาไม่ถูกลอบทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เขาก็คงไม่มาอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้ ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันมีพลังที่ซ่อนเร้นเอาไว้อีกด้วย จนเมี่ยเลี่ยจื่อไม่อาจจะรับมือได้ไหว ขณะที่เศร้าใจอยู่นั่นเอง ประกายแสดงกล้าก็ปรากฏขึ้นมาในแววตาของเมี่ยเลี่ยจื่อ

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันโคลงศีรษะก่อนจะใช้ผนึกฝ่ามืออีกครั้ง เส้นด้ายสีดำพุ่งออกมาจากร่างของเมี่ยเลี่ยจื่อและรัดเข้าเอาไว้อย่างแน่นหนา!

เมี่ยเลี่ยจื่อตัวสั่นอย่างแรง เส้นเลือดบนขมับเต้นตุบๆ เขาพยายามจะดิ้นหนีแต่ก็ไม่เป็นผล ทำได้เพียงแค่มองโยวหรันค่อยๆ ย่างก้าวเข้ามาหา

“เมี่ยเลี่ยจื่อ ข้านับถือจิตใจเจ้า ข้าจึงจะให้โอกาสเจ้าหนึ่งครั้ง ทุกๆ อย่างที่เจ้าเคยทำมาจะสาปสูญหากข้าประทับตราทาสลงบนกายเจ้า จิตใจของเจ้าจะเสียหายอย่างรุนแรง เจ้ารู้ดี อีกอย่างหนึ่ง สำนักวังเต๋าไพศาลพินาศไปแล้ว ไม่มีทางจะกลับมาเป็นเช่นเดิมอีก…คุกเข่าต่อหน้าข้า และข้าจะให้เจ้ามาเป็นนักรบคู่กาย ข้าสัญญาว่าภายในเวลาร้อยปีจะเปลี่ยนกายเนื้อของเจ้าให้ เจ้าจะได้มาเป็นสมาชิกที่แท้จริงแห่งตระกูลไม่รู้สิ้น!” มีแสงอันเยียบเย็นในดวงตาของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเมื่อเขาพูดจบ

เขาไม่ได้โกหกเมี่ยเลี่ยจื่อ มีคนสองคนเท่านั้นในสำนักวังเต๋าไพศาลที่โยวหรันชอบพอ หนึ่งก็คือเมี่ยเลี่ยจื่อ อีกคนคือศิษย์เอกของเขาตู้กูหลิน!

ทั้งสองเป็นผู้ที่เหมาะสมจะได้รับโอกาสในการเข้าร่วมตระกูลไม่รู้สิ้นในสายตาของโยวหรัน ส่วนคนที่เหลือนั้นเขาเกลียดชังนัก กระทั่งเฟิ่งชิวหรัน ผู้ที่อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณ นางมีจิตใจอ่อนโยน ฉะนั้น จึงเป็นเพียงคนอ่อนแอ!

“คุกเข่าให้ตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างนั้นหรือ” เมี่ยเลี่ยจื่อระเบิดหัวเราะออกมา ไม่สำคัญแม้แต่น้อยว่าขณะนี้เขาจะถูกรัดอย่างแน่นหนาเสียจนกระทั่งความเจ็บปวดแล่นไปทั่วสรรพางค์กายจนกระทั่งตัวสั่นเทาอย่างควบคุมไม่อยู่ เสียหัวเราะของเขายังคงดังอยู่ต่อไป และดูเหมือนจะดังยิ่งขึ้นไปอีก

“ตัวข้าคนนี้ เมี่ยเลี่ยจื่อ อาจจะไม่ได้เป็นคนดีเด่น แต่ข้าก็เป็นศิษย์แห่งสำนักวังเต๋าไพศาล ข้าคุกเข่าให้เพียงสวรรค์และบรรพชนแห่งสำนักวังเต๋าเท่านั้น ไม่คุกเข่าให้ใครอื่นอีก!”

“เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน ตระกูลไม่รู้สิ้นเป็นใครจึงคิดว่าข้าจะยอมคุกเข่าให้” แววตาเยาะเย้ยปรากฏขึ้นบนหน้าของเมี่ยเลี่ยจื่อ เขาพูดความจริง เขาไม่ได้เป็นคนดีเลยไม่ว่าจะมองจากมุมใด แต่ชายชราก็ยังมีหลักการดำเนินชีวิต และความภักดีของเขาก็มอบให้สำนักวังเต๋าไพศาลเพียงเท่านั้น!

แม้ว่ามือทั้งสองของเขาจะชุ่มไปด้วยเลือด และแม้จะเคยคิดสละสหพันธรัฐทั้งหมดเพื่อเป้าหมายของเขา แต่…ทุกๆ สิ่งที่เขาทำ ก็เพื่อความเกรียงไกรของสำนักวังเต๋าไพศาล ความภักดีและความทุ่มเทที่มีให้กับสำนักวังเต๋าไพศาลของเขานั้นไม่มีวันเสื่อมสลาย!

ขณะที่เสียงของเมี่ยเลี่ยจื่อดังกังวานไปถึงสวรรค์ ก็มีบางอย่างมาสะท้อนอยู่ในดวงตาของหวังเป่าเล่อ แม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ชอบเมี่ยเลี่ยจื่อแม้แต่น้อย แต่เขาก็ยังสัมผัสได้ถึงความแน่วแน่ในน้ำเสียงของอีกฝ่าย

เมี่ยเลี่ยจื่อกำลังพยายามยั่วโมโหให้ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันสังหารเขาเสีย!

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันจับจ้องไปที่เมี่ยเลี่ยจื่อ ก่อนจะหรี่ตาลง เขาสะบัดมือขวาขึ้น หมอกสีดำที่กักขังเมี่ยเลี่ยจื่อเอาไว้แปรสภาพเป็นตัวอักขระโบราณสีดำที่เริ่มประทับลงไปบนผิวกายของเมี่ยเลี่ยจื่อ เขาตัวกระตุกอย่างแรง และหยุดหัวเราะไปในทันที สัญญาณชีวิตเริ่มจะลอยหายไปจากกายเขา

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันใช้ผนึกฝ่ามือออกมาอีกหลายครั้ง เมี่ยเลี่ยจื่อผู้ซึ่งชีวิตหลุดลอยออกไปแล้วจู่ๆ ก็ศีรษะขึ้นมา ดวงตาของเขา…สูญเสียสติสัมปชัญญะไปสิ้น

“หากเป็นเช่นนั้น เจ้าก็จงกลายเป็นทาสเสียเถิด”

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset