บทที่ 661 ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!
ดวงตาของหวังเป่าเล่อเบิกกว้าง เลือดยังคงไหลทะลักออกจากปากไม่หยุด แต่ชายหนุ่มกลับดูเต็มไปด้วยพลังอำนาจที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามคำพูดที่ไหลออกจากปากเขา
“ข้าหมดสนุกแล้ว สมัยที่ข้าอยู่ที่ป่ามี่หลัว ข้าขี่อสูรเขี้ยวดาราเล่นแถมยังมีทุกอย่างที่ต้องการ หากศิษย์พี่ไม่สั่งให้ข้ามาฝึกวิชาที่นี่ คนอย่างข้าก็คงไม่ต้องลดตัวมาทำอะไรเช่นนี้หรอก!” หวังเป่าเล่อทะลึ่งตัวขึ้นยืนแล้วหยิบแก่นในของอสูรเขี้ยวดาราออกมาสองชิ้น เขาเริ่มดูดแก่นในชิ้นหนึ่งเพื่อรักษาบาดแผล แล้วเอาอีกชิ้นหนึ่งมานวดแผลตนเองเพื่อเยียวยา
กำไลคลังเวทที่เขาทิ้งไว้กับร่างอวตารมีไว้เพื่อเก็บวัตถุเวทเท่านั้น ทรัพย์สินมีค่าอื่นๆ ถูกกระจายออกตามกระเป๋าคลังเก็บต่างๆ ที่เขามี ชายหนุ่มเรียนรู้จากประสบการณ์ว่าต้องพกกระเป๋าให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เผื่อสถานการณ์ฉุกเฉิน
เขายังคงดูดพลังจากแก่นในของอสูรเขี้ยวดาราอย่างต่อเนื่อง ขณะมองโยวหรันด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“ไอ้โง่เอ๋ย ข้าต้องสติฟั่นไปแน่ถึงเลือกมาประจำที่นี่ ทั้งๆ ที่มีที่อื่นอีกมากมายให้ข้าไปเล่นสนุกได้มากกว่านี้ เหตุใดจึงสมองทึบขนาดมาเลือกเอาสำนักวังเต๋าไพศาลเป็นที่ฝึกวิชาเสียได้!”
หวังเป่าเล่อจ้องโยวหรันเขม็ง ปากดูดแก่นในอสูรแรงขึ้นตามอารมณ์ไม่พอใจที่เพิ่มมากขึ้น คำพูดของเขาสะท้อนก้องในถ้ำ ส่งให้โยวหรันที่กำลังกระโจนเข้าใส่หยุดชะงักกลางทาง ดวงตาของชายชราเบิกกว้าง สีหน้าราวกับกำลังเห็นผี!
โยวหรันอยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันสวรรค์ลำดับสอง และย่อมรู้เรื่องราวของราชันสวรรค์ลำดับแรกแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นดี เขารู้ดีว่าชายผู้นั้นทั้งน่ากลัวและทรงพลังเพียงใด หัวใจของโยวหรันเต้นระส่ำเมื่อได้ยินคำว่า “ราชันสวรรค์ลำดับแรก” ที่หลุดออกจากปากหวังเป่าเล่อ
หลังจากที่หายตกใจเรียบร้อยแล้ว สิ่งแรกที่ชายชรารู้สึกคือความไม่เชื่อ เนื่องจากลำดับชั้นของเขาในตระกูลไม่รู้สิ้นไม่ได้สูงนัก ชายชราจึงไม่ทราบชื่อเสียงเรียงนามของราชันสวรรค์ลำดับแรก รู้เพียงแต่ว่าเขามีตัวตนอยู่เท่านั้น หวังเป่าเล่ออาจโกหกได้อย่างแนบเนียนเพื่อหลอกเขา แต่คนที่มาจากสหพันธรัฐจะรู้จักป่ามี่หลัวได้อย่างไร ชายหนุ่มตรงหน้าดูจะพูดชื่อป่านั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติเหลือเกิน
นอกจากนี้อีกฝ่ายยังหยิบแก่นในอสูรเขี้ยวดาราออกมาด้วยท่าทางราวกับมันเป็นเศษกรวด ซึ่งทำให้โยวหรันยิ่งตกใจขึ้นไปอีก เขารู้ทันทีว่าสิ่งที่หวังเป่าเล่อถืออยู่ในมือ คือแก่นในของอสูรระดับจิตวิญญาณอมตะ
แก่นในนี้มีมูลค่ามหาศาล ทุกคนรู้ดีว่าสิ่งมีชีวิตในป่ามี่หลัวขึ้นชื่อเรื่องการปกป้องเผ่าพันธุ์ของตนเพียงใด แต่หวังเป่าเล่อกลับหยิบแก่นในออกมาถึงสองชิ้นเพื่อดูดและถูบาดแผลของตนเอง การอวดร่ำอวดรวยนี้ทำให้โยวหรันถึงกับผงะ กระนั้นชายชราก็ยังไม่เชื่อเต็มร้อยอยู่ดี
ในตอนนั้นเองดวงตาของหวังเป่าเล่อก็เป็นประกายกล้า เขาเริ่มพูดด้วยภาษาแม่ของตระกูลไม่รู้สิ้น ซึ่งก็คือภาษาดั้งเดิมของสำนักแห่งความมืด ทันทีที่ชายหนุ่มเริ่มเอ่ยปาก ความตกใจที่ถาโถมเข้ามาก็แทบทำให้โยวหรันเป็นลมล้มพับไป!
“ข้าจะบอกให้เอาบุญนะ ศิษย์พี่ของข้าร่ายเวทใส่ตัวข้าเอาไว้ หากข้าตายไปละก็ เขาจะรู้อย่างแน่นอน ด้วยพลังอำนาจของศิษย์พี่ข้า เขาจะย้อนเวลากลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ถึงทำให้ข้าเสียชีวิต ต่อให้เจ้าหาวิธีเลี่ยงกระบวนเวทนี้ได้ เจ้าก็ยังตายหยังเขียดอยู่ดี หากเจ้าสมองหนาปัญญานิ่มพอก็ลองดูสิ มาลองดูกันว่าศิษย์พี่ของข้าจะรีบมาที่นี่หรือไม่!” หวังเป่าเล่อแทบตะโกนคำท้ายๆ ออกมาทีเดียว
ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันกำลังกระสับกระส่ายจิตใจว้าวุ่นไปหมด แน่นอนว่าในบรรดาผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลนั้นมีคนรู้ภาษาของตระกูลไม่รู้สิ้นอยู่บ้าง แต่ก็พูดไม่ได้คล่องแคล่วขนาดนี้ นอกจากนี้ยังต้องติดสำเนียงมาบ้างอีกด้วย แต่หวังเป่าเล่อไม่ติดสำเนียงแม้แต่น้อย เขาพูดภาษาสำนักแห่งความมืดได้ราวกับเป็นภาษาแม่ของตนเองเลยทีเดียว ด้วยเหตุนี้โยวหรันจึงตกใจมากและอดไม่ได้ที่จะถามกลับ
“เจ้าเอาหลักฐานมาให้ข้าดูสิ”
ท่าทีตื่นตระหนกของโยวหรันทำให้หวังเป่าเล่อแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกอยู่ภายใน เขายังคงชักสีหน้าไม่พอใจ ขณะยันตัวลุกขึ้นยืนและประกาศกร้าว
“หลักฐานหรือ ศิษย์พี่ไม่ได้ให้อะไรไว้กับข้าแม้แต่น้อย เพียงแต่บอกว่าให้พูดชื่อที่เขาใช้ตระกูลไม่รู้สิ้นเท่านั้น คงไม่มีใครในฟากนี้ของจักรวาลกล้าทำอันตรายข้าแน่! โยวหรัน ข้าต้องการคำตอบว่าเหตุใดเจ้าจึงทำสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้ ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะปู้ยี่ปู้ยำสำนักวังเต๋าไพศาลอย่างไร แต่สหพันธรัฐเป็นที่ที่ข้าฝึกวิชาอยู่ ทหารเลวของราชันสวรรค์ลำดับสองอย่างเจ้า บังอาจกล้าขัดขวางการฝึกวิชาของข้าเชียวหรือ!”
หวังเป่าเล่อรู้ว่าสำนักวังเต๋าไพศาลถูกราชันสวรรค์ลำดับสองทำลาย จึงเดาได้อย่างถูกต้องว่าผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่ไล่ล่าสำนักวังเต๋าไพศาลบนกระบี่สำริดโบราณ ต้องอยู่ใต้บังคับบัญชาของราชันสวรรค์ลำดับสองอย่างแน่นอน
“ข้าต้องการให้เจ้าขอโทษข้าเดี๋ยวนี้! และจ่ายค่าเสียหายมาด้วย แล้วข้าจะไม่บอกศิษย์พี่ว่าเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง จากนั้นเจ้าจะเปิดตูดหนีไปพร้อมไอ้เรือบินรบเต๋ามรณะเส็งเคร็งของเจ้าก็ตามใจ!”
หวังเป่าเล่อแสดงท่าทางเดือดดาลถึงขีดสุด เขาพองตัวขึ้น น้ำเสียงแข็งกร้าวไม่ยอมลดราวาศอก ชายหนุ่มรู้ดีว่าตนเองอาจเลือกเดินอีกทางได้ ด้วยการพยายามทำให้โยวหรันเข้าข้างตนโดยใช้ชื่อศิษย์พี่เข้าช่วย เขาอาจล่อโยวหรันด้วยผลประโยชน์แสนหอมหวาน ซึ่งจะทำให้การเจรจาเป็นไปได้ราบรื่นเรียบง่ายกว่านี้มาก แต่ก็ทิ้งความคิดนี้ไปเสียหลังจากคิดอยู่สักพัก เนื่องจากหากนับตามศักดิ์แล้วทุกคนล้วนอยู่ต่ำกว่าเขาทั้งสิ้น
ศิษย์พี่เฉินชิงเป็นถึงราชันสวรรค์ลำดับแรก จากเรื่องราวที่แม่นางน้อยเคยบอก สิ่งที่ได้เห็นมาในป่ามี่หลัว และเรื่องที่เขารู้มาจากนิมิตมืด ศิษย์พี่ของเขาเป็นชายผู้เด็ดขาด ไร้ซึ่งความสะทกสะท้านต่อการคร่าชีวิต และเย่อหยิ่งมากเสียจนไร้เหตุผล ชายที่มีนิสัยเช่นนี้ย่อมเอาแต่ใจตนเองอย่างถึงที่สุด ฉะนั้นในฐานะศิษย์น้อง เขาจะแสดงท่าทีอ่อนแอประนีประนอมไม่ได้เด็ดขาด เพราะมันจะดูไม่สมจริง
การอนุมานของเขาถูกต้องเสียด้วย แม้โยวหรันจะรู้สึกว่าท่าทางยโสโอหังของหวังเป่าเล่อนั้นน่าโมโห แต่ก็ไม่ได้ระแคะระคายแม้แต่น้อย สำหรับโยวหรันแล้ว หากหวังเป่าเล่อไม่ได้แสดงท่าทีเช่นนี้ออกมาจะยิ่งดูน่าสงสัยเสียด้วยซ้ำ ความจองหองของอีกฝ่ายทำให้โยวหรันบันดาลโทสะ แต่ก็กำจัดความกังขาออกไปจากใจของชายชราได้ในเวลาเดียวกัน
นอกจากนี้หวังเป่าเล่อยังปล่อยหมัดเด็ดโดยการพูดถึงสองสิ่งที่คนอื่นไม่มีทางล่วงรู้ ซึ่งก็คือเรือบินรบเต๋ามรณะและราชันสวรรค์ลำดับสอง ชายหนุ่มพูดถึงสองสิ่งนี้ด้วยน้ำเสียงเหมือนการชวนคุยเรื่องสัพเพเหระ รายละเอียดเชิงลึกนี้ทำให้โยวหรันตกใจจนแทบร่วงกลางอากาศ
แต่เขาจะไม่ยอมทิ้งแผนการนี้ไปง่ายๆ แน่นอน เขาตั้งใจจะเอาประชากรทั้งสหพันธรัฐมาเป็นเครื่องสังเวย เพื่อรวมร่างเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับเรือบินรบเต๋ามรณะ นอกจากนี้ยังต้องการใช้พลังนี้ในการก้าวไปสู่ปราณระดับดาวพระเคราะห์อีกด้วย หากทำสำเร็จ แผนการนี้จะช่วยให้เขาพัฒนาพลังได้อย่างก้าวกระโดดเลยทีเดียว
หากราชันสวรรค์ลำดับแรกเปิดเผยตัวออกมาเสียให้รู้เรื่องกันไป เขาก็จะยอมเข่าอ่อนศิโรราบแต่โดยดีโดยไม่มีข้อกังขา แต่สิ่งที่เห็นตรงหน้าเป็นเพียงผู้ฝึกตนระดับกำเนิดแก่นในเท่านั้น แม้หวังเป่าเล่อจะประกาศว่าตนเองเป็นศิษย์น้องของราชันสวรรค์ลำดับแรก และแม้เรื่องราวที่เขาเล่าจะดูสมเหตุสมผลอยู่บ้าง แต่โยวหรันยังคงไม่ยอมเชื่อ และไม่อยากเชื่อคนตรงหน้านั่นเอง
ชายชรากำลังต่อสู้กับตนเองอยู่ภายในว่าจะจัดการอย่างไรดี ตอนนั้นเองประกายคมกริบก็วาบเข้ามาในแววตา ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ โยวหรันขยับตัวแล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ เขายกมือขึ้นปล่อยพลังปราณขั้นเชื่อมวิญญาณออกมา พลังนั้นอัดแน่นกลายเป็นแรงทำลายล้างน่าสะพรึงกลัวในมือ ที่ส่งออกมาหาหวังเป่าเล่อโดยตรง
ดูเหมือนว่าโยวหรันจะต้องการสังหารและปิดปากหวังเป่าเล่อเสีย!
เขายกมือขึ้นตั้งใจจะกระแทกใส่หวังเป่าเล่อ ในตอนนั้นเองดวงตาของชายหนุ่มก็ทอแสงอำมหิตแรงกล้า เขาเตรียมตัวเอาไว้อยู่แล้ว และเริ่มท่องบทสวดแห่งเต๋าในใจ ทันทีที่พูดในใจไปได้สองสามคำ ชายหนุ่มก็รีบตะโกนออกมา
“ศิษย์พี่ ช่วยข้าด้วย!”
หลังเป่าเล่อตะโกนร้องขณะที่ท่องบทสวดแห่งเต๋าอยู่ในใจ ตอนนั้นเอง สวรรค์ก็สั่นสะท้าน เรือบินรบเต๋ามรณะสะเทือนไปหมด สำนักทั้งสำนักและกระบี่สำริดเขียวโบราณสั่นรุนแรงราวกับเกิดแผ่นดินไหว พลังลึกลับพุ่งออกจากจักรวาลอันไกลโพ้น เดินทางผ่านอวกาศอันกว้างใหญ่ไพศาลมุ่งตรงมายังระบบสุริยะ ดวงอาทิตย์ที่อยู่ตรงใจกลาง แล้วตกลงบนกระบี่สำริดเขียวโบราณ…ภายในถ้ำบนเรือบินรบพอดิบพอดี!
ตู้ม!
พลังนั้นยิ่งใหญ่มากเสียจนคะเนไม่ได้ หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงพ่นลมเยาะเย้ยลอยมาพร้อมพลังที่ตกลงในถ้ำ ชายหนุ่มตัวสั่น เริ่มกลัวว่าตนเองใช้กลเม็ดนี้บ่อยจนอาจไปปลุกจิตลึกลับนี้ขึ้นมาจริงๆ…
แต่เขาก็ไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้เป็นจริงเป็นจัง จากประสบการณ์ที่ผ่านมา หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าพลังนี้จะมาเยือนและหายไปในเสี้ยววินาที จึงทำให้เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดในการข่มขวัญคู่ต่อสู้ ซึ่งพอเหมาะพอเจาะกับสถานการณ์ยากลำบากที่เขาเผชิญอยู่ตอนนี้พอดี
แล้วเขาก็เดาถูกจริงๆ เสียด้วย โยวหรันแทบจะสิ้นสติด้วยความกลัวทันทีที่หวังเป่าเล่อเรียกพลังนั้นให้ตกลงมาในถ้ำ ชายชราถอยร่นไปด้านหลัง กระอักเลือดออกมายกใหญ่ ดวงตาตื่นตระหนกตกใจ แต่เขาก็ไม่ได้หนีไปแต่อย่างใด แววความบ้าคลั่งเข้ามาแทนที่ความตกใจในดวงตาของโยวหรัน ชายชราพุ่งเข้าใส่หมายโจมตีหวังเป่าเล่ออีกครั้ง!
“หวังเป่าเล่อ หากเจ้าเป็นศิษย์น้องของราชันสวรรค์ลำดับแรกจริง เจ้าก็ต้องมีไพ่ตายอยู่กับตัวอย่างแน่นอน พลังที่เจ้าเรียกมาเมื่อครู่น่ากลัวก็จริง แต่…ข้าก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี หากเจ้าเอาตัวรอดจากการโจมตีนี้ได้ ข้าจะหันหลังกลับและจากไปเสีย!”
“แต่หากเจ้าทำไมได้ละก็…นั่นแปลว่าเจ้าก็แค่ปั้นน้ำเป็นตัวเท่านั้น!” โยวหรันเสียสติไปโดยสิ้นเชิงแล้ว ในตอนแรกเขาเกือบเชื่อเรื่องราวของหวังเป่าเล่อ พลังจากอำนาจของบทสวดทำให้จิตใจของเขาสั่นสะท้าน เสียงในหัวกรีดร้องบอกให้เขาหนีไปเสีย ก่อนที่จะสิ้นชีพอยู่ตรงนี้!
แต่เขาก็ต้องลองโจมตีดู โยวหรันวางแผนนี้มานานและทุ่มเทไปมาก ถึงอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทิ้งมันไปง่ายๆ แน่นอน ด้วยเหตุนี้…ชายชราจึงจะลองเสี่ยงดวงดูให้มันรู้ดำรู้แดงไป หากโชคชะตานำพา เขาก็พร้อมยอมตายโดยไม่มีอะไรให้เสียใจ!
“เจ้านี่มันกัดไม่ปล่อยจริงๆ !” หวังเป่าเล่อหัวเสีย พลางคิดว่าตนเองแสดงได้อย่างแนบเนียนถึงที่สุดแล้ว แถมยังลงทุนเอาบทสวดมาใช้ด้วย ชายหนุ่มไม่ได้คาดคิดเลยว่าโยวหรันจะสติแตกไปเรียบร้อย
ไม่มีเวลาให้คิดแผนการใหม่แล้ว ทันทีที่ความตายมารออยู่ตรงหน้า หวังเป่าเล่อก็ตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ดวงตาของชายหนุ่มฉายความบ้าคลั่งขึ้นมาเช่นกัน!
ลองมันดูสักตั้งก็แล้วกัน!