หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 678 ขอขอบคุณท่านปรมาจารย์!

วิสัยทัศน์มืดสนิทแปรเปลี่ยนเป็นความมืดอันน่าหวาดหวั่น ก่อนจะค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นหลังจากหวังเป่าเล่อก้าวเข้าไปในวัง ชายหนุ่มตัวแข็งทื่อ สัมผัสได้ถึงขนที่ลุกชัน เขายืนนิ่ง สัญชาตญาณบอกให้ถอยกลับออกไป

ด้านในวังลำดับสามนั้นแตกต่างจากวังทั้งสองแห่งก่อนหน้า ไม่มีใครรอตรวจสอบคุณสมบัติอยู่ด้านใน และทั่วบริเวณก็ดูกว้างใหญ่กว่า

สิ่งเหล่านั้นไม่ใช่ทั้งหมดที่ทำให้ชายหนุ่มหัวใจเต้นถี่รัว ด้านในยังมีสระขนาดใหญ่กินพื้นที่กว่าสามร้อยเมตร ในนั้นเต็มไปด้วยน้ำสีขาวดูคล้ายน้ำนม กลิ่นที่ลอยออกมาเย้ายวนให้อยากลองตักชิม

หมอกจางๆ ลอยอยู่ทั่วบริเวณ คลื่นพลังงานอัดแน่นอยู่ทั่วทั้งวัง สร้างแรงกดดันประหลาดไปทั้งพื้นที่

ต้นตอของแรงกดดันนี้มาจากสระสีน้ำนมตรงใจกลางวัง!

ใบบัวสิบเอ็ดใบลอยอยู่ในสระ มีคนนั่งอยู่บนใบบัวทั้งสิบ มีเพียงใบบัวใบที่สิบเอ็ดที่ไร้สิ่งใดอยู่ด้านบน

รวมแล้วมีคนอยู่ทั้งหมดสิบคน!

คนที่นั่งอยู่มีทั้งชายและหญิง หวังเป่าเล่อมองผ่านหมอกเห็นว่าร่างของพวกเขาล้วนผอมแห้งติดกระดูก และต่างนั่งนิ่งไม่ไหวติง กลิ่นอายความตายแผ่ออกมาจากร่างทั้งสิบ พวกเขาเหมือนเป็น…ศพ!

ชุดคลุมที่สวมใส่อยู่ดูคล้ายชุดคลุมของศพที่อยู่กลางทะเลโลหิต พวกเขาน่าจะเป็นผู้อาวุโสระดับใกล้เคียงกันของสำนักวังเต๋าไพศาล แต่ละคนนั้นแผ่พลังแกร่งกล้าไม่ต่างกันออกมา ชายหนุ่มตัวสั่นเทิ้มจากพลังรัศมีของศพเหล่านี้

วังนี่มันอะไรกัน นอกจากจะแตกต่างจากอีกสองวังแล้ว ยังมีศพเยอะแยะขนาดนี้ซ่อนอยู่อีก! หวังเป่าเล่อปากสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาหยุดหายใจไปชั่วขณะ ได้ยินเสียงหัวใจเต้นระส่ำดังก้องในหู พลังที่แผ่พุ่งออกมาจากเหล่าศพและบรรยากาศโดยรอบทำให้เขาตื่นกลัวและไม่สบายใจจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไร

ใจหนึ่งก็อยากจะกลับออกไปจากที่แห่งนี้ แต่ร่างกายกลับหยุดนิ่งหลังจากถอยไปได้หนึ่งก้าว ดวงตาของเขาหรี่ลง ก่อนจะเบิกกว้างขึ้นในทันใด

ในหมอกมีปราณวิญญาณอยู่ แถมยังหนาแน่นมาก… ก่อนหน้านี้ชายหนุ่มไม่ทันเอะใจเพราะมัวแต่ตื่นกลัว เขาพยายามผ่อนคลายร่างกายของตนเองและดูดซับหมอกรอบกายเข้าไป ตัวของเขาสั่นเทิ้ม

หมอกไหลเข้าสู่ร่างกายชายหนุ่มในทันที ความอบอุ่นและสัมผัสอันอุดมสมบูรณ์ที่ไม่เคยพบมาก่อนไหลหลากเข้าสู่ร่าง หวังเป่าเล่อรู้สึกเติมเต็มและอิ่มเอมใจ

ปราณวิญญาณนี่..แตกต่างจากปราณวิญญาณในสหพันธรัฐและสำนักวังเต๋าไพศาล ดูมีพลังและคุณภาพดีกว่า! หวังเป่าเล่อเลียริมฝีปาก เขาจ้องมองสระและน้ำสีน้ำนมที่โดนหมอกบังอยู่ ไม่รู้เลยแม้แต่นิดว่าน้ำที่ว่านี่กลั่นมาจากสิ่งใด แต่ก็รู้ว่ามันน่าจะมีความพิเศษบางอย่าง ขนาดหมอกที่ลอยออกมาจากสระยังอัดแน่นไปด้วยปราณวิญญาณ แสดงว่าน้ำในสระจะต้องไม่ใช่สิ่งธรรมดาทั่วไปแน่

หวังเป่าเล่อกังวลเรื่องศพบนสระเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็ปัดความกังวลทิ้งไปและเดินเข้าไปในหมอก อาจจะดูเป็นการกระทำที่บุ่มบ่าม แต่ชายหนุ่มก็คอยระแวดระวังตัวอย่างเต็มที่ เขาไม่ได้เข้าไปในสระ แต่นั่งลงกลางม่านหมอกด้านนอก พยายามดูดซับปราณวิญญาณที่อัดแน่นอยู่ในนั้น

ปราณวิญญาณจำนวนมากไหลเข้าสู่ร่างของเขา เริ่มมีเสียงปริแตกดังขึ้นขณะความอบอุ่นเกินบรรยายแผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่าง ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนมีมือเล็กๆ มากมายกำลังนวดคลายความเมื่อยล้าให้หายไป แม้แต่ดวงวิญญาณยังรู้สึกอุ่นสบาย เสียงครางเกือบจะหลุดรอดออกมาจากริมฝีปาก โชคดีที่ชายหนุ่มห้ามตัวเองไว้ได้ทัน จึงไม่ได้ส่งเสียงอะไรแปลกๆ ออกมา

ทั่วทั้งร่างกายรู้สึกผ่อนคลายและได้รับการบำรุง เส้นผมยืดยาวขึ้น ผิวหนัง เลือดเนื้อ รวมไปถึงกระดูกเริ่มเกิดการเปลี่ยนแปลง หลังจากบรรลุไปขั้นจุติวิญญาณ เขาก็เป็นเหมือนผืนดินแห้งแล้ง แต่ตอนนี้มีฝนร่วงหล่นลงมาฟื้นฟูสภาพผืนดินขึ้นใหม่อีกครั้ง!

เขารู้สึกว่าร่างกายเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ขณะพลังชีวิตไหลเวียนเข้าไปบำรุงภายใน ระดับพลังปราณเองก็เริ่มกล้าแกร่งขึ้นเช่นกัน

หวังเป่าเล่อรู้สึกตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ ตลอดครึ่งชั่วโมงที่ผ่านไป ดวงตาของเขาส่องแสงเป็นประกายเมื่อได้พบว่าระดับพลังปราณของตนพุ่งสูงกว่าเดิมมาก

สิ่งนี้น่าจะเป็นของเหลววิญญาณอันกล้าแกร่งสักอย่างในตำนาน ทิ้งไว้ตรงนี้ก็น่าเสียดาย ศพเหล่าผู้อาวุโสก็ดูดซับไม่ได้อยู่แล้ว… ชายหนุ่มกะพริบตา ลุกยืนขึ้นกุมมือโค้งคำนับสระน้ำเบื้องหน้า

“ศิษย์ผู้นอบน้อมได้กระทำการอันหยาบคายเข้ามารบกวนการพักผ่อนของท่าน ข้าจำเป็นต้องทำเช่นนี้และหวังว่าท่านปรมาจารย์ผู้สูงส่งจะไม่คิดเอาผิดข้า ข้าไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากหาทางบรรลุขั้นการฝึกตนในสถานที่แห่งนี้เพื่อปกป้องสำนักวังเต๋าไพศาลจากภัยอันตราย!”

“โปรดยินยอมให้ข้านำของเหลววิญญาณในสระติดตัวไปเพื่อช่วยสำนักวังเต๋าไพศาล หากท่านไม่ยินยอมโปรดส่งสัญญาณบอกศิษย์ด้วย” หวังเป่าเล่อกุมมือและคำนับอีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจังหลังพูดจบ เขาคอยอยู่อย่างนั้นอย่างนอบน้อมเพื่อรอการตอบกลับ

หลายสิบวินาทีผ่านไป ชายหนุ่มกะพริบตาและเงยหน้าขึ้น สีหน้ายังดูจริงจังไม่แปรเปลี่ยน เขาดูจะซึ้งใจจึงพูดขึ้นอีกครั้ง

“ท่านปรมาจารย์ผู้สูงส่งทั้งหลายช่างเที่ยงธรรม ข้าขอขอบคุณพวกท่านที่ไม่ปฏิเสธคำร้องขอของข้า!”

เขารู้สึกสบายใจ ส่วนตัวแล้วชายหนุ่มคิดว่าไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะสูบปราณวิญญาณในที่แห่งนี้ไป อย่างไรเสีย ตนก็เป็นศิษย์อุปถัมภ์ของสำนักวังเต๋าไพศาลและมีแม่นางน้อยอยู่เคียงข้าง ที่นี่ก็เหมือนบ้านของเขาเอง แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้เอ่ยถามก่อน

ท่านปรมาจารย์ทั้งหลายไม่ได้ปฏิเสธคำขอของข้า หมายความว่าพวกเขายอมรับในตัวข้า หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจว่าเหล่าศพตรงหน้าไม่สามารถบอกปฏิเสธอะไรได้และเริ่มมั่นใจในการกระทำของตนเองมากขึ้น เขาเชิดหน้า ยืดอก จากนั้นก็เดินเข้าไปใกล้พร้อมสูบปราณวิญญาณในอากาศเข้าไป เขาดูดซับปราณวิญญาณขณะเดินตรงไปข้างหน้า หยุดพักบ้างเป็นครั้งคราวเพื่อปรับสมดุลปราณวิญญาณที่ดูดซับเข้ามา สี่ชั่วโมงผ่านไป หมอกทั่วบริเวณจางลงมาก ระดับพลังปราณของหวังเป่าเล่อเพิ่มพูนขึ้นจากปราณวิญญาณที่สูบเข้ามา พุ่งไปอยู่ใกล้จุดสูงสุดของขั้นจุติวิญญาณชั้นต้น

ชายหนุ่มเดินตรงไปทางสระน้ำขณะดูดซับปราณวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็มาหยุดยืนอยู่หน้าสระน้ำ จ้องมองน้ำในสระตาเป็นประกาย นึกลังเลใจอยู่สักพักก่อนจะเอ่ยปลอบตนเอง จากนั้นก็สร้างผนึกฝ่ามือ ดึงหยดน้ำสีน้ำนมขึ้นมาจากสระ

หยดน้ำส่งกลิ่นเย้ายวนใจจนหวังเป่าเล่อเกือบจะพุ่งไปเขมือบลงคอ เขาเป็นคนรักสะอาดประมาณหนึ่งจึงหยุดตัวเองไม่ให้ทำเช่นนั้น เมล็ดดูดกลืนในกายตื่นพลัง ปลดปล่อยแรงสูบผ่านไปทางปลายนิ้วมือ หยดน้ำหายวับไปในทันใด กลายเป็นหมอกสีขาวไหลผ่านนิ้วมือเข้าไปในร่างกายชายหนุ่ม

เกิดการระเบิดขึ้นในหัวของเขา หวังเป่าเล่อหลับตาลง ปราณวิญญาณหนาแน่นเกินบรรยายถาโถมเข้าสู่ร่างราวกับเป็นคลื่นยักษ์ วิญญาณจุติพลันลืมตาตื่น จากนั้นก็สูดหายใจและเริ่มดูดซับพลังปราณ ผ่านไปครู่ใหญ่ ชายหนุ่มก็ลืมตาขึ้นพร้อมความตื่นเต้นที่พุ่งขึ้นสูง

เยี่ยมไปเลย! เขาเลียริมฝีปาก ประเมินระดับพลังปราณของตนที่เพิ่มขึ้นและตรวจดูให้มั่นใจว่าร่างกายไม่ได้รับผลกระทบใดๆ จากนั้นก็เดินไปนั่งริมขอบสระอย่างไม่ลังเลใจและปลดปล่อยพลังเมล็ดดูดกลืนเต็มกำลัง

เสียงกัมปนาทดังขึ้นในหัวราวกับมีอสนีบาตฟาดผ่าใส่ไม่ยั้ง น้ำในสระพวยพุ่งขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นไอหมอกไหลเข้าร่างหวังเป่าเล่อผ่านรูขุมขน ชายหนุ่มตัวสั่นเทิ้ม วิญญาณจุติรีบสูบปราณวิญญาณอย่างหิวกระหาย คลื่นพลังงานในกายแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามเวลาที่ผ่านพ้นไป

พลังปราณของเขาเพิ่มพูนขึ้นอย่างรวดเร็วจนพุ่งขึ้นไปหยุดอยู่ตรงจุดสูงสุดของขั้นจุติวิญญาณชั้นต้น!

“ยังได้อีก มา!” หวังเป่าเล่อหายใจถี่รัวขณะพูดพึมพำกับตนเอง เขาบังคับเมล็ดดูดกลืนให้ปล่อยพลังสูบรุนแรงอีกครั้ง วิญญาณจุติในร่างปรากฏตัวและลอยขึ้นไปบนหัว จากนั้นก็สร้างผนึกฝ่ามือสูบน้ำในสระเพื่อเร่งกระบวนการดูดซับ

หมอกปราณวิญญาณหนาแน่นไหลเข้ามาห้อมล้อมชายหนุ่ม เป็นเหมือนวังวนขนาดใหญ่ที่มีหวังเป่าเล่อนั่งอยู่ตรงกลาง ชายหนุ่มไม่ทันสังเกต…ว่าศพเหี่ยวแห้งศพหนึ่งที่นั่งอยู่บนใบบัวเริ่มสั่นไหว ขนตาปรือไปมา เหมือนว่ากำลังจะลืมตาตื่น

…………………………

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset