ตอนที่ร่างกายของเขาบรรลุความแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณ หวังเป่าเล่อสามารถปล่อยความเร็วได้เท่าพลังของขั้นจุติวิญญาณชั้นปลาย ความเร็วโดยปกติของเขาก็มากกว่าคนในระดับเดียวกันอยู่โขแล้ว แต่เมื่อมีเกราะจักรพรรดิมาช่วยเสริมพลัง เขาก็เข้าใกล้ความเร็วขั้นเชื่อมวิญญาณในทันที นอกจากนี้วิญญาณจุติดวงดารายังเสริมพลังขึ้นไปอีก สุดท้ายแล้วเมื่อมีกระบวนเวทดวงตาปีศาจ ความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นมาอยู่ในจุดที่เรียกได้ว่าน่าตกใจ!
หากเป็นการเดินทางจากที่หนึ่งไปสู่อีกที่หนึ่งตามปกติ ความเร็วระดับนี้คงไม่ดีเทียบเท่าการเคลื่อนย้าย แต่มันก็มีข้อดีที่การเคลื่อนย้ายให้ไม่ได้เช่นกัน การเพิ่มความเร็วทำให้สามารถสะสมพลังงานได้ ทฤษฎีนี้ได้รับการพิสูจน์จากสหพันธรัฐเมื่อหลายพันปีมาแล้ว พลังงานเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของความเร็วแบบสะสม!
พลังกายของหวังเป่าเล่อเมื่อได้รับการเสริมพลังจากเกราะจักรพรรดิ บวกกับความเร็วอันผิดธรรมดาของเขา รวมกันออกมาเป็นพลังอันแข็งแกร่งจนเหลือเชื่อ ที่กำลังพุ่งตรงเหมือนดาวหางเข้าไปหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนที่สอง เขากระโจนด้วยเสียงกึกก้องเหมือนฟ้าคำราม ผ่านทะเลดวงวิญญาณมากมายในเสี้ยววินาที ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนที่สองยืนนิ่งด้วยความตกใจ รูม่านตาหดแคบ ขณะที่หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าโจมตีด้วยพลังที่เทียบเท่าดาวหาง!
ผู้ฝึกตนคนนั้นร้องเสียงหลง เมื่อความตายมายืนตระหง่านให้เห็นตรงหน้า เสียงเตือนก็ดังกรีดก้องในหัว เขายกแขนทั้งสองขึ้นอย่างฉับพลัน แขนอีกสี่ข้างแทงทะลุลำตัวออกมา สองมือกำหมัดแน่น อีกสองแบมือออก และสองมือสุดท้ายก็สร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ผู้ฝึกตนผู้นี้พยายามป้องกันตนเองเต็มที่เพื่อหยุดการโจมตีของหวังเป่าเล่อ
สายฟ้าฟาดกระหน่ำ ท้องฟ้าสั่นสะเทือน พลังงานพุ่งสูงขึ้นจนท่วมไปทั่วบริเวณ พลังปราณนั้นกระเพื่อมไปในห้วงอวกาศเหมือนคลื่นยักษ์ที่ถาโถม ดวงวิญญาณมากมายกรีดร้องและรีบล่าถอยในทันที ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นกระอักเลือดออกมายกใหญ่ ร่างกายถูกซัดไปด้านหลัง ความตกใจฉายชัดบนใบหน้า ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อ ขณะพยายามหาทางหนี
แต่ก็ช้าเกินไปเสียแล้ว หวังเป่าเล่อพุ่งเข้าใส่อีกครั้งด้วยความเร็วเทียบเท่าดาวหาง ดวงตาสีดำที่อยู่เบื้องหลังเขาเปิดออกอีกครั้ง พลังที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดนิ่งสนิทอยู่กับที่ถูกปลดปล่อยออกมา ชายหนุ่มได้ยินเสียงคำรามที่อยู่ภายในใจ เสียงคำรามที่สั่งให้เขาฆ่า
ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่กำลังหนีตายอย่างบ้าคลั่ง หยุดนิ่งสนิทอยู่กับที่ทันทีที่ดวงตาสีดำเปิดออก ดวงตางงงวยเหมือนต้องมนต์สะกด ดวงตาสีดำเบื้องหลังหวังเป่าเล่อจ้องมอง สายตาของมันราวกับแปรสภาพเป็นคุกที่กักขังผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นเอาไว้ภายใน ทำให้เขาชะงักค้างอยู่กลางอากาศ!
หากมีเวลามากพอ เขาอาจต้านทานพลังนี้ได้จนถึงขั้นหนีออกไปได้โดยง่ายด้วยซ้ำ แต่ในตอนนี้เขากำลังต่อสู้ในการต่อสู้ที่อาจพรากชีวิตไปจากเขา ดังนั้นทุกเสี้ยววินาทีจึงมีความหมาย!
ราคาที่ต้องจ่ายจากการหยุดชะงักไปนั้นช่างแพงเหลือเกิน หวังเป่าเล่อเข้าประชิดตัวในทันที ชายหนุ่มไม่ต้องใช้พลังของอาวุธเทพเสียด้วยซ้ำ เขายกมือขวาขึ้นกดฝ่ามือลงไปบนศีรษะของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้น!
แล้วปล่อยพลังเกราะจักรพรรดิลักอัคคีออกมา!
ร่างของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นเหี่ยวเฉาลงท่ามกลางเสียงระเบิดกึกก้อง มันหดตัวลงยุบเข้าไปในมวลของตนเอง ราวกับลูกบอลที่ถูกรีดจนไร้อากาศ!
แต่ยังไม่จบแค่นั้น ชายหนุ่มยังปล่อยพลังของกระบวนเวทดวงตาปีศาจออกมาด้วย!
วิญญาณของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นถูกกระชากออกจากร่างในบัดดล เปลี่ยนสภาพเป็นแสงสีเงินเรืองรองที่พุ่งเข้าหาดวงตาสีดำ ดวงตาดวงที่สามถือกำเนิดขึ้นเบื้องหลังหวังเป่าเล่อ ร่างของผู้เคราะห์ร้ายที่ไร้ซึ่งเลือด เนื้อ และวิญญาณ แหลกสลายกลายเป็นเถ้าธุลี สีเทาที่ลอยล่องรวมเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับห้วงอวกาศ
ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนที่สามที่ถูกวิญญาณกักขังอยู่ และคนที่สี่ซึ่งกำลังต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเฟิ่งชิวหรันเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทั้งสองตกใจจนเรียกสติไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกไม่อยากเชื่อที่อธิบายไม่ถูกถาโถมเข้ามาในจิตใจ อารมณ์ที่กำเนิดจากการโจมตีของหวังเป่าเล่อไม่สามารถกลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดได้ พลังที่เขาสำแดงให้เห็นน่ากลัวเกินไป!
เขาสังหารผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณทิ้งไปสองคนภายในระยะเวลาอันสั้น เพียงเท่านี้ก็เพียงพอที่จะก่อความกลัวให้ทวีคูณขึ้นในใจของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้หวังเป่าเล่อดูน่าเกรงกลัวยิ่งไปกว่านั้น คือรูปลักษณ์ของเขา และเคล็ดเวทลึกลับที่เขาใช้
สิ่งที่ลอยอยู่เบื้องหลังหวังเป่าเล่อคือดวงตาสีดำขนาดใหญ่หนึ่งดวงและขนาดเล็กสองดวง พวกมันขยับสั่นไหวในท่วงท่าที่แสนประหลาด ราวกับกำลังดูดกลืนบางสิ่งอยู่ ดวงตาเหล่านั้นทำให้ผู้ที่ได้พบเห็นต้องขนหัวลุก เป็นความรู้สึกเดียวกันกับการได้เผชิญหน้าอสูรกายที่ทั้งน่าเกลียดน่ากลัว และทั้งน่าประหวั่นพรั่นพรึง
นั่นมันกระบวนเวทอะไรกัน
พลังนี้ดูเหมือนจะเข้าครอบงำกฎแห่งเต๋า เป็นการเล่นกับพลังงานของจิตเวทแห่งเต๋าโดยตรง ปกติแล้วมันเป็นพลังที่ต้องมีปราณอยู่ในระดับดาวพระเคราะห์ก่อนถึงจะทำได้ แล้วหมอนี่ทำได้อย่างไรกัน
ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ยังรอดชีวิตทั้งสองทั้งตกใจทั้งสยองขวัญ พวกเขาหมดสิ้นซึ่งความกระหายอยากต่อสู้ สิ่งเดียวที่คิดได้ในตอนนี้คือต้องหนีไปให้ไกล แต่คนหนึ่งก็ติดอยู่ในการต่อสู้กับเฟิ่งชิวหรัน และอีกคนถูกดวงวิญญาณที่อยู่ใต้การควบคุมของหวังเป่าเล่อกักขังเอาไว้ ไม่มีทางเลยที่ทั้งสองจะหนีออกไปได้ในเวลาอันสั้น ความกระวนกระวายถาโถมเข้ามาในจิตใจพวกเขา
ขณะที่ทั้งสองกำลังขนลุกขนพองด้วยความหวาดหวั่น เฟิ่งชิวหรันก็กำลังอยู่ให้ห้วงความตกใจเช่นกัน นางรู้สึกเช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าทุกครั้งที่หวังเป่าเล่อนำเคล็ดวิชาใหม่ๆ ออกมาใช้งาน ดวงตาที่เป็นของใหม่ล่าสุดนี้ทำให้รู้สึกได้ถึงความน่าเกรงขามที่แท้จริง
ความรู้สึกยำเกรงของเฟิ่งชิวหรันไม่ได้ส่งตรงไปที่ตัวหวังเป่าเล่อ แต่เป็นดวงตาที่ลอยอยู่ข้างหลังเขา พลังงานที่มันปล่อยออกมาเป็นความชั่วร้ายของปีศาจอย่างแท้จริง เป็นความร้ายกาจดำสนิทที่ทำให้ทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างจืดชืดกลายเป็นเพียงกระดาษขาว!
หลังจากที่กินร่างกายและวิญญาณของผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นเข้าไปสองคน หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ดูแตกต่างไปจากปกติแต่อย่างใด เขายังดูเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน แต่ก็รู้สึกได้ว่าภายในกายของเขามีจิตหนึ่งที่ก่อกำเนิดขึ้นจากวิชาดวงตาปีศาจ ยิ่งเขาฆ่ามากเท่าใดดวงจิตนี้ก็ยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ
ประหลาดดี หนังสือที่ข้าอ่านตอนอยู่ในนิมิตมืดไม่เห็นบอกไว้เลย ว่าไอ้ดวงตาปีศาจนี่มันมีความคิดจิตใจเป็นของตนเอง หวังเป่าเล่อส่ายหน้า เขาไม่มีเวลามานั่งคิดเรื่องนี้ในตอนนี้ แม้ดวงตาที่มีความคิดเป็นของตนเองจะถือว่าอันตราย แต่ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คืออันตรายที่ใกล้ตัวยิ่งกว่า
ไม่มีเหตุผลให้ต้องกังวลเรื่องอนาคต หากเอาตัวรอดจากปัจจุบันไม่ได้ ชายหนุ่มหรี่ตาที่วาบด้วยแววเย็นเยียบ เขาก้าวออกไปข้างหน้า พุ่งตรงเข้าหาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณคนที่สามที่ถูกดวงวิญญาณกักขังไว้
เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น ตั้งแต่ตอนที่หวังเป่าเล่อสังหารผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนแรก ไปจนถึงตอนที่เขาคิดถึงอันตรายจากดวงตาที่มีความคิดเป็นของตนเอง มันเป็นความคิดที่ไม่มีใครล่วงรู้นอกจากตัวเขา ตอนนี้หวังเป่าเล่อกำลังพุ่งเข้าหาเหยื่อรายที่สามซึ่งกำลังร้องคำรามด้วยความโกรธ จิตใจเอ่อท่วมด้วยความความกลัวจับขั้วหัวใจ จนทำให้สติแทบหลุด
เขารู้ดีว่าตนเองสู้หวังเป่าเล่อไม่ได้ เฝ้ามองดวงตาสีดำที่เปรียบเสมือนพลังของจิตเวทแห่งเต๋าที่แสนยิ่งใหญ่ค่อยๆ คืบเข้ามาใกล้ และรู้ดีว่าตนเองต้องมีชะตากรรมไม่ต่างจากเพื่อนร่วมสำนักที่ไม่มีแม้กระทั่งร่างไร้วิญญาณให้ดูต่างหน้า!
เมื่อเทียบกันแล้ว การตายแบบที่ยังเหลือร่างเอาไว้ดีกว่าอย่างเทียบไม่ติด โดยเฉพาะในยามที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าถึงอย่างไรก็หนีความตายไปไม่พ้น ผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นคนที่สามหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ความฟั่นเฟือนวาวแสงโรจน์ในดวงตา ทันทีที่หวังเป่าเล่อเข้ามาใกล้ เขาก็ระเบิดตนเอง ร่างเปลือกนอกของผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลฉีกขาด เผยให้เห็นศีรษะทั้งสามและแขนทั้งหกซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของตระกูลไม่รู้สิ้น
“มีแต่ข้าเท่านั้นที่กำหนดความตายของตนเองได้!” พลังทำลายตนเองซึ่งอัดแน่นอยู่ในร่างที่เพิ่งเผยโฉมถูกปลุกขึ้นในทันที
ฉับพลันที่พลังทำลายตนเองพุ่งสู่บรรยากาศภายนอก และเริ่มทำลายร่างของเจ้าของพลัง…ดวงตาทั้งสามเบื้องหลังหวังเป่าเล่อก็เปิดออก ความคิดของชายหนุ่มสะท้อนก้องอยู่ในอากาศ และในจิตใจของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณผู้นั้น ผู้ซึ่งดวงวิญญาณกำลังแตกสลาย
“เจ้าคิดผิดแล้ว”
นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาได้ยิน คลื่นพลังทำลายล้างหยุดนิ่งอยู่กับที่ในอากาศ ถูกแช่แข็งเอาไว้ด้วยสายตาทั้งสามที่จ้องมองมา หวังเป่าเล่อก้าวผ่านผู้ฝึกตนจากตระกูลไม่รู้สิ้นผู้นั้น พร้อมดึงเลือดเนื้อที่กำลังแหลกสลาย รวมถึงวิญญาณที่ถูกทำลายไปส่วนหนึ่งเข้าหาตนเอง
ดวงตาทั้งสามเบื้องหลังชายหนุ่มหลับลงอีกครั้ง ความเงียบงันเข้าปกคลุม และดวงตาดวงที่สี่ก็ปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา!
ในตอนนั้นเอง เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวก็ดังสะเทือนมาจากสวรรค์เบื้องบน
“ไอ้หวังเป่าเล่อ!” เสียงที่คุ้นเคยนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากโยวหรัน หวังเป่าเล่อจัดการคู่ต่อสู้อย่างรวดเร็วก็จริง แต่ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่หายไปถึงสามคนก็ทำให้โยวหรันจับความรู้สึกได้ แม้จะบันดาลโทสะ แต่โยวหรันก็ออกจากเรือบินรบไม่ได้ กระนั้นชายชราก็ยังเลือกที่จะโจมตี!
การโจมตีไม่ได้มาจากตัวเขาเอง…หากแต่ด้วยเรือบินรบเต๋ามรณะ!
เสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวทำให้อวกาศสั่นสะเทือน ตามมาด้วยลำแสงสีแดงกว้างสามกิโลเมตรที่สาดออกมาจากดาวพุธ ลำแสงนั้นพุ่งตรงตัดผ่านห้วงอวกาศ ก่อให้เกิดหลุมดำขึ้นมากมายตามทางที่มันพุ่งผ่าน และมาปรากฏอยู่เบื้องหน้าหวังเป่าเล่อกับเฟิ่งชิวหรันในทันที!
พลังนั้นทั้งรวดเร็วและทรงพลัง ความเร็วและความรุนแรงของมันเทียบเท่าแสงสว่าง และเจิดจ้าไม่ต่างกันแม้แต่น้อย ลำแสงสีแดงส่งพลังทำลายล้างที่เทียบเท่าผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ออกมา จนอาจทำลายทั้งสองได้เป็นจุณในเสี้ยววินาที!
อันตรายใหม่ที่มาเยือนโดยไม่ทันคาดคิดนี้ ไม่ได้ทำให้หวังเป่าเล่อตื่นตกใจแต่อย่างใด เขาหันไปมอง แววตาสว่างจ้าด้วยความบ้าคลั่ง ก่อนสร้างผนึกฝ่ามือโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย จากนั้นชายหนุ่มก็ส่งพลังจากมือของตนออกไปสู่บรรยากาศภายนอก มุ่งตรงไปยังทิศที่ลำแสงนั้นกำลังเดินทางมา พลังงานจากลำแสงกระเพื่อมไปในบรรยากาศ เผาเส้นขนของเขาให้มอดไหม้
“ดวงตาปีศาจ จงระเบิด!”
………………………………………..