หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา – บทที่ 714 อย่าชะล่าใจให้มากไปนัก!

“ช่างเป็นชายหนุ่มที่ปากหวานอะไรอย่างนี้ มิน่าเล่า ธิดาศักดิ์สิทธิ์จึงได้ชอบพอเจ้านัก หากเจ้าไม่รู้ก็ไม่เป็นไร บางทีธิดาศักดิ์สิทธิ์คงจะรู้อะไรบ้างกระมัง” จื่อเยว่ซ่อนรอยยิ้มของนางเอาไว้หลังฝ่ามือขณะที่พูด ก่อนจะยกมือขวาขึ้นหมายจะจับตัวหวังเป่าเล่อ

 แต่ทันใดนั้นเองคลื่นพลังจากการทำลายตัวเองของดาวศุกร์ก็รุนแรงถึงขีดสุด เกิดเสียงกัมปนาทดังสนั่น ดาวศุกร์สั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนจะ…ระเบิด!

แรงระเบิดช่างมหาศาลยิ่ง มันพวยพุ่งออกมาจากตำแหน่งที่ลึกลงไปในแผ่นดินของดาวศุกร์ก่อนจะแพร่กระจายไปทั่ว  ลำแสงสว่างเจิดจ้าพุ่งทะลุออกมาจากแก่นของดาวศุกร์ เหมือนจะตัดดาวศุกร์ให้แหลกเป็นชิ้นๆ!

คลื่นพลังน่าสะพรึงกลัวเดินทางออกมาพร้อมกับแสงดังกล่าว มันท่วมท้นจนไหลบ่าออกไปไกล ทุกๆ สิ่งถูกดูดจนแห้งกรังและเหี่ยวเฉา ก่อนจะค่อยๆ ย่อยสลายกลายเป็นฝุ่นไปสิ้น!

สิ่งปลูกสร้าง ภูเขา ทุกสิ่ง โชคยังดีที่ต้วนมู่ฉี เฟิ่งชิวหรัน และคนอื่นๆ ต่างก็เลือกจะเคลื่อนย้ายตนเองออกไปก่อนการทำลายตัวเองของดาวศุกร์ ไม่มีผู้ฝึกตนจากสหพันธรัฐคนไหนหลงเหลืออยู่บนดาวศุกร์ในวินาทีของการระเบิด เหลืออยู่เพียงแค่…ผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลเท่านั้น!

ผู้ฝึกตนจากสำนักวังเต๋าไพศาลเหล่านั้นกำลังประสบภัยพิบัติครั้งใหญ่ พวกเขาส่วนมากไม่มีวิธีทางและสถานที่ที่จะหนี ไม่ว่าจะวิ่งหนีเร็วเพียงใด หรือเริ่มหนีก่อนเพื่อนนานเท่าใด ก็ไม่อาจหนีความตายได้พ้น

หลายคนถูกคลื่นพลังวิญญาณจากการระเบิดล้อมรอบ ก่อนที่ร่างกายอันสั่นเทาจะถูกพัดพาและสลายกลายเป็นฝุ่นไป การทำลายดวงดาวทั้งดวงดูคล้ายว่าจะสร้างหลุมดำชั่วคราวขึ้นมา หลุมดำนั้นดูดกลืนเอาทุกอย่างที่ขวางหน้าเข้าไป!

ทุกสิ่งและทุกคน…ยกเว้นจื่อเยว่ ผู้ที่ดูจะไม่อนาทรร้อนใจกับการทำลายตัวเองของดาวศุกร์ ท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นก้องจักรวาล มือขวาของนางยังคงยื่นออกมาหวังจะจับตัวหวังเป่าเล่อ

หวังเป่าเล่อตกใจจนศีรษะชา ชายหนุ่มนึกเสียดายที่ไม่ได้ตัดสินใจเคลื่อนย้ายหนีไปตั้งแต่ต้น

“ข้ามันช่างโง่เขลานัก! ทำไมถึงไม่รีบหนีออกไปกันนะ ปัญหานี้เป็นเรื่องของเขาสองคน ข้าไปสอดเรื่องส่วนตัวของคนอื่นทำไมกัน” หวังเป่าเล่อตะโกนดั่งลั่นด้วยความแตกตื่นและหวาดกลัว

“จื่อเยว่ เจ้ากล้าทำร้ายข้าอย่างนั้นหรือ ศิษย์พี่ของข้าคือราชันย์สวรรค์ลำดับแรกของตระกูลไม่รู้สิ้น ศิษย์พี่ มาช่วยข้าเร็วเข้า!” หวังเป่าเล่อพูด จากนั้นก็ท่องบทสวดอยู่ในใจ ดวงจิตปริศนาจากฟากฟ้าปล่อยรัศมีอันน่าอัศจรรย์ลงมาอีกครั้ง จื่อเยว่ยิ้มบางๆ

“ทรงพลังดีนี่ แต่น่าเสียดาย เจ้าใช้ลูกไม้นี้กับหุ่นเชิดของข้าไปแล้ว” มีแสงเจือจางส่องประกายอยู่ในแววตาของจื่อเยว่ มือขวาที่ยื่นยาวออกมาของนางบัดนี้มาอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อแล้ว และเคลื่อนที่เข้าใกล้คอเขาเรื่อยๆ

ขณะที่นางกำลังจะกำรอบคอของชายหนุ่มเอาไว้นั้นเอง แขนมายาผอมบางข้างหนึ่งก็ยื่นออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อ เข้าไปตีแขนของจื่อเยว่อย่างรวดเร็ว

แม่นางน้อยนั่นเอง!

เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้องขึ้น หวังเป่าเล่อตัวสั่นเมื่อรู้สึกถึงสายลมรุนแรงที่มาพร้อมพลังอันยิ่งใหญ่ซึ่งพัดกระทบตัวเขา หากชายหนุ่มเป็นกองไฟ สายลมก็คงจะทำให้เขาดับมอดไปในทันที แรงลมรุนแรงพอจะที่บดขยี้เขาได้ในพริบตา

มีม่านแสงเรืองอ่อนส่องสว่างจากแขนมายาข้างที่ยื่นออกมาจากกายของหวังเป่าเล่อ มันแปรสภาพไปเป็นเกราะป้องกันการโจมตีไม่ให้ถึงตาย แต่แรงสะท้อนกลับนั้นยังมีอยู่ เกราะจักรพรรดิของหวังเป่าเล่อแหลกสลาย วิญญาณจุติของเขาเหี่ยวเฉาลงจนแทบสลายไป เลือดทะลักออกมาจากปากชายหนุ่มลงเปรอะเปื้อนร่างกายหลายต่อหลายจุด

หวังเป่าเล่อกระโจนถอยหลังราวกับว่าวที่หลุดจากเชือก กระเด็นชนสิ่งก่อสร้างหลายแห่งที่ถล่มลงในพริบตาก่อนจะไปชนเข้ากับปราการดวงจันทร์

“วิ่งไป เร็ว!” เสียงอันอิดโรยของแม่นางน้อยเตือนสติเขาอย่างบ้าคลั่ง หวังเป่าเล่อกัดลิ้นตนเองอย่างแรงเพื่อบังคับให้สติไม่หลุดลอยจากอาการบาดเจ็บสาหัส ชายหนุ่มปล่อยให้วงแหวนปราณระบบสุริยะปล่อยพลังการเคลื่อนย้ายล้อมรอบกาย ดวงจันทร์ทั้งดวงและตัวเขาเริ่มพร่าเลือน เมื่อแสงสะท้อนจากกระบวนเวทเคลื่อนย้ายส่องสว่าง ประกายแสงประหลาดก็สะท้อนขึ้นในดวงตาของจื่อเยว่เช่นกัน นางก้าวออกมาข้างหน้าขณะที่ทั้งดวงจันทร์และหวังเป่าเล่อกำลังจะถูกเคลื่อนย้ายออกไป

นางวางเท้าลง ก่อนจะฝ่าแสงของการเคลื่อนย้ายมาปรากฏอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อ ริมฝีปากของจื่อเยว่ม้วนขึ้นไปเป็นรอยยิ้มเหี้ยมเกรียมเมื่อมองเห็นความตื่นตกใจบนใบหน้าของชายหนุ่ม นิ้วมือของนางยื่นออกมาสัมผัสหน้าผากของหวังเป่าเล่อ

“เจ้าหนุ่มน้อย เรียกศิษย์พี่ของเจ้าออกมาสิ ขอให้เขามาปกป้องเจ้า”

นิ้วของนางแตะเข้าที่หน้าผากของหวังเป่าเล่อ มันราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นกับชายหนุ่มในอีกอึดใจคือการที่กระดูกทั้งร่างป่นสลายพร้อมกับร่างกายและวิญญาณถูกทำลายสิ้น การเคลื่อนย้ายจะล้มเหลว แม่นางน้อย ปราการดวงจันทร์ รวมถึงราชาแห่งเผ่าพันธุ์อมตะราตรีจะติดอยู่ที่นี่

ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง ทันทีที่นิ้วของจื่อเยว่สัมผัสที่หน้าผากของหวังเป่าเล่อ…นิ้วนั้นก็เริ่มละลายหายไป ราวกับว่ามันเป็นหิมะและกายของหวังเป่าเล่อทำมาจากโลหะที่ร้อนระอุกระนั้น!

ขณะที่นิ้วของนางละลายไป มันก็แปรสภาพกลายเป็นแสงไฟดวงเล็กจ้อยที่พุ่งเข้าไปสู่กายของหวังเป่าเล่อ พวกมันเหมือนสารอาหารที่ร่างกายของเขาดูดซับเข้าไปโดยไม่มีผลข้างเคียง อาการบาดเจ็บบนกายชายหนุ่มหายเป็นปลิดทิ้ง และพลังปราณของเขาก็พุ่งสูงขึ้นทันที!

ทุกสิ่งเกิดขึ้นในพริบตา กระทั่งจื่อเยว่เองก็ยังตกลึงไปชั่วขณะหนึ่ง ใบหน้าของนางแสดงอารมณ์อันรุนแรงออกมา เป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครพบเห็นมานานแล้วตั้งแต่ที่นางได้รับเมล็ดพันธุ์ดาราเต๋าไป นางรีบล่าถอย ก่อนจะใช้เคล็ดเวทสะบั้นนิ้วนั้นออกจากร่างอย่างรวดเร็ว หัวใจเต้นระรัวขณะถอนตัวไป

หวังเป่าเล่อก็ตื่นตะลึงไม่แพ้กัน แต่เขาไม่มีโอกาสได้แสดงความตื่นเต้นยินดีนี้ ร่างกายของเขา และปราการดวงจันทร์ เริ่มพร่าเลือนจากพลังการเคลื่อนย้าย ก่อนจะหายวับไป!

แรงระเบิดของดาวศุกร์มาถึงจุดสูงสุดในตอนนั้นเอง คลื่นแห่งการทำลายก็ยังคงไหลบ่าออกมา จนกระทั่งมาถึงจุดที่จื่อเยว่เคยยืนอยู่ ดาวศุกร์ทั้งดวงกำลังแปรสภาพกลายเป็นหลุมดำ ผู้ฝึกตนสำนักวังเต๋าวังเต๋าไพศาลรอบตัวนางหากไม่บาดเจ็บก็เสียชีวิตไปหมดแล้ว เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก่อนตายถูกกลบด้วยเสียงระเบิดดังต่อเนื่องที่เกิดมาจากการทำลายตัวเองของดวงดาว

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันตัวสั่น ความพยายามทั้งหมดของเขามลายหายไปในพริบตา ความวิตกกังวลเข้าเกาะกุมจิตใจของชายชรา แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะพูด สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าสำหรับเขาแล้วน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ไร้ค่า” จื่อเยว่พูดด้วยใบหน้าเกรี้ยวกราดก่อนจะตวัดสายตาไปมองโยวหรันอย่างเกลียดชังและหันกลับไปจ้องดาวศุกร์อีกครั้ง นางยกมือขวาขึ้นซัดออกไปข้างหน้า เข้าปะทะกับคลื่นพลังทำลายตัวเองที่กระจายออกมาจากดาวศุกร์

คลื่นยักษ์รุนแรงดูราวจะถูกหยุดเอาไว้ชั่วขณะ ราวกับมีกำแพงขนาดยักษ์มาปรากฏอยู่เบื้องหน้าสตรีผู้นี้ และแม้แต่แรงกระแทกจากดวงดาวที่ระเบิดเป็นจุณก็ยังไม่อาจเจาะทะลุกำแพงดังกล่าวเข้ามาได้

มือขวาของจื่อเยว่เอื้อมผ่านความว่างเปล่าไปคว้ากระเป๋าถือออกมาจากอากาศธาตุ กระเป๋านั้นทำมาจากผ้าสีดำที่มีลายลูกไม้แปลกตาปักแซมอยู่ ความกลัวแล่นเข้ามาจับหัวใจของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเมื่อได้เห็นกระเป๋าใบนั้น ชายชราสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลบ่าออกมาจากมัน เป็นพลังที่น่ากลัวกว่าสตรีตรงหน้าเขาเสียอีก

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันไม่มีเวลาคาดเดาว่าสิ่งที่อยู่ข้างในกระเป๋าคืออะไร จื่อเยว่เปิดกระเป๋าเปิดอย่างระมัดระวัง เมล็ดสีดำสนิทเจ็ดเมล็ดลอยออกมาจากกระเป๋า นางสร้างผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ส่งพวกมันไปทางดาวศุกร์ที่กำลังระเบิดด

เมล็ดสีดำเหล่านั้นเข้าไปในดาวศุกร์แทบจะทันที คลื่นพลังงานจากแรงระเบิดไม่อาจทำอันตรายเมล็ดเหล่านี้ได้ อันที่จริงแล้ว เมล็ดพวกนั้นดูดซับพลังเอาไว้ พวกมันส่องแสงสีทองออกมาขณะเข้าไปในดาวศุกร์ และเริ่มเจริญเติบโตเป็นเถาวัลย์พันเกี่ยวออกมาด้านนอกและปกคลุมดาวศุกร์…ก่อนจะรับพลังระเบิดเอาไว้ แล้วแปรสภาพพลังงานเหล่านั้นให้เป็นสารอาหารของตนเอง!

ขนบนศีรษะของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันลุกชันเมื่อเห็นภาพตรงหน้า กิ่งไม้ปรากฏออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ไม่นาน ดาวศุกร์ทั้งดวงก็ถูกปกคลุมเอาไว้ด้วยเถาวัลย์แน่นหนานับสิบชั้น รูปโฉมของมันแปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แรงระเบิดถูกควบคุมเอาไว้ราวกับถูกผนึก ไม่มีทางเล็ดรอดออกมาได้อีก!

จุดโป่งพองมากมายปรากฏขึ้นบนกิ่งไม้เหล่านั้น พวกมันไหลเข้ามารวมกันจนทั้งกิ่งมีแต่จุดเหล่านี้ จุดโป่งพองดังกล่าวกระดิกไปมา และหลายจุดก็ระเบิด มีผู้ฝึกตระกูลไม่รู้สิ้นปีนออกมาจากจุดพวกนี้!

ผู้ฝึกตนเหล่านั้นกระโจนขึ้นไปในอากาศเข้าไปสมทบกับจื่อเยว่ จำนวนของพวกเขามากขึ้นทุกทีๆ จนกระทั่งจุดโป่งพองทั้งหมดระเบิด ผู้ฝึกตนจำนวนมากกระโจนออกมา จื่อเยว่มีกองทัพผู้ฝึกตนนับแสนอยู่ตรงหน้าแล้ว!

แต่ก็เห็นได้ชัดว่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นเหล่านี้ไม่มีความรู้สึกนึกคิดเป็นของตนเอง พวกเขาเป็นเพียงหุ่นเชิดเท่านั้น!

ศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันรู้สึกมึนงงกับภาพที่เห็น ชายชราตัวสั่นอย่างรุนแรง สิ่งนี้ช่างบ้าคลั่งเกินจิตนาการของเขาไปมาก เขาไม่อาจเข้าใจได้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น!

“จับตัวพวกมันเอาไว้และทำลายอารยธรรมของพวกมันให้สิ้น จากนั้น…ก็ไปจับเด็กหนุ่มคนนั้นแล้วพาตัวมาให้ข้า!” จื่อเยว่ออกคำสั่งอย่างเยือกเย็น

ใบหน้าของศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันซีดขาว ชายชราค้อมศีรษะลงตามสัญชาติญาณเพื่อรับคำสั่ง จากนั้นก็เริ่มจัดแจงผู้ฝึกตนที่รอดชีวิต ก่อนจะนำกองทัพผู้ฝึกตนหุ่นเชิดนับแสนพร้อมเรือบินรบเต๋ามรณะแห่งตระกูลไม่รู้สิ้นมุ่งหน้าไปยังดาวอังคาร!

จักรวาลในส่วนนี้เงียบลงเมื่อศิษย์แห่งเต๋าโยวหรันเดินทางจากไป จื่อเยว่เป็นคนเดียวที่ยังอยู่ นิ้วของนางลากผ่านเป็นผนึกฝ่ามือท่วงท่าต่างๆ ราวกับว่ากำลังทำการทดลองอยู่ ผ่านไประยะหนึ่งนางก็หยุดชะงักลง นางหลับตานิ่งเงียบอยู่เป็นเวลานานแล้วจึงลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวเงยหน้าขึ้นจ้องไปในจักรวาลอันห่างไกล

ข้าจำได้เพียงว่า ผู้ที่มีพลังมหาศาลคนหนึ่งได้เปลี่ยนชีวิตของข้าไป…ข้าควบคุมและเปลี่ยนชะตาชีวิตของผู้อื่นราวกับมดปลวก…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ข้าไม่รู้เลยว่ามีใครคนหนึ่งควบคุมชีวิตของข้าอยู่เช่นกัน แล้วก็ทำกับข้าเหมือนเป็น…สิ่งใดกัน มดหรือ หรือว่าใครคนนั้นกำลังใช้ข้าเพื่อเพิ่มพลังให้หวังเป่าเล่อกันแน่ จื่อเยว่ตัวสั่น ประกายเย็นยะเยือกส่องสะท้อนแรงกล้าอยู่ในดวงตานาง

ราชันสวรรค์ลำดับแรกเช่นนั้นหรือ

………………………..

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา

นิยายกำลังภายใน แปลจีน จากนักเขียนขายดีตลอดกาล ‘เอ่อร์เกิน’ กับตัวเอกแปลกใหม่ ไม่มีใครเหมือน! บังอาจดูถูกความหล่อเหลาของข้า จงเรียกข้าว่า ‘บิดา’ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า! ค.ศ. 3029 วิทยาการบนโลกมนุษย์พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว จนแต่ละประเทศไม่มีเขตพรมแดนกั้นอีกต่อไป โลกได้ผสานรวมกลายเป็นหนึ่งเดียว เริ่มต้นยุคสมัยแห่งสหพันธรัฐ ตอนนั้นเอง กระบี่ยักษ์เล่มหนึ่งตกลงมาจากห้วงอวกาศปักเข้าใจกลางดวงอาทิตย์ แรงกระแทกนั้นทำให้ฝักกระบี่แตกออกเป็นเศษชิ้นส่วนและกระจัดกระจายไปทั่วทั้งจักรวาลรวมถึงบนโลก ก่อให้เกิดแหล่งพลังงานรูปแบบใหม่อันไร้ขีดจำกัดขึ้นบนโลกในบัดดล พลังงานนี้มีชื่อเรียกกันว่า ‘ปราณวิญญาณ’ เมื่อสหพันธรัฐและขุมอำนาจอื่นๆ เริ่มออกรวบรวมเศษชิ้นส่วนต่างๆ พวกเขาก็ได้รู้ถึงเคล็ดวิชาการฝึกตน การหลอมโอสถ การหลอมศิลาวิญญาณ และเคล็ดวิชาพิสดารนานัปการ ตัวอักขระที่จารึกอยู่บนเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นล้วนเก่าแก่ยิ่งนัก นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผู้คนกลับมานิยมใช้ภาษาจีนโบราณกันอีกครั้ง การถือกำเนิดของปราณวิญญาณ ทำให้แหล่งพลังงานรูปแบบเดิมตกยุค และได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของมนุษย์โลกไปโดยสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่เครือข่ายวิญญาณจะได้รับการคิดค้นขึ้นมา แต่ปราณวิญญาณยังพลิกโฉมอารยธรรมมนุษย์ นำพาโลกเข้าสู่ยุคสมัยแห่งการฝึกตน ซึ่งต่อมารู้จักกันในนามว่ายุคกำเนิดวิญญาณ หวังเป่าเล่อ หนุ่มร่างท้วมผู้ทะเยอทะยาน ใฝ่ฝันจะได้เป็นผู้นำสหพันธรัฐ ด้วยหวังว่าจะไม่มีใครมารังแกเขาได้อีกต่อไป ชายหนุ่มศึกษาอัตชีวประวัติของเจ้าพนักงานสหพันธรัฐจนขึ้นใจ และเมื่อเดินทางเข้ามาศึกษาในสำนักศึกษาเต๋าศักดิ์สิทธิ์ เขาก็ใช้ความรู้เหล่านั้นบวกกับความ ‘หน้าหนาหน้าทน’ ของตัวเอง วางกลยุทธ์อันฉลาดล้ำกำราบศัตรูคนแล้วคนเล่า ใครหน้าไหนก็ไม่อาจมาขัดขวางเส้นทางสู่การเป็นหนึ่งในใต้หล้าของชายอ้วนผู้นี้ได้ …เว้นเสียแต่คำสาปประจำตระกูล ที่บอกไว้ว่าหวังเป่าเล่อจะต้องตายหากเขาไม่ผอมลงก่อนอายุสามสิบปี!! ในเมื่อบรรพบุรุษร่างจ้ำม่ำมายืนรอให้เขาไปอยู่ด้วยขนาดนี้ ชายหนุ่มจึงต้องทั้งฝึกตนและลดน้ำหนักไปพร้อมๆ กัน!

Options

not work with dark mode
Reset